เหยาเซียนจือเอ่ยอย่างจนใจ “อาจารย์เฉิน ไม่มีเรื่องแบบนั้นเสียหน่อย ท่านอย่าพูดเหลวไหล”
รู้ว่าอาจารย์เฉินหมายถึงสตรีคนใด เพราะถึงอย่างไรเอกสารของผู้ฝึกตนติดตามกองทัพทุกคนในเมืองหลวง เขาก็ล้วนเห็นกับตาตัวเองมาก่อน ชาติกำเนิดภูมิหลัง ทำเนียบบนภูเขา ประวัติการลงสนามรบ ใต้เท้าเจ้าเมืองอย่างเหยาเซียนจือล้วนรู้ชัดเจนดี แม่นางคนนั้นมีชื่อว่าหลิวอี้ นามยวนยาง ฉายาว่า ‘อี๋ฝู’ นางคือคนในท้องถิ่นของต้าเฉวียน มีชาติกำเนิดจากตระกูลผู้มีชื่อเสียงในท้องถิ่น อายุน้อยๆ ก็ถูกเซียนดินท่านหนึ่งหมายตา ได้ขึ้นเขาฝึกตนมานานแล้ว ในอดีตตอนอยู่บนสนามรบของเมืองหลวงและนครเซิ่นจิ่ง หลิวอี้ใช้สถานะของขอบเขตประตูมังกร อาศัยเวทคาถาประจำกายและสมบัติหนักสืบทอดสองชิ้น คุณความชอบทางการสู้รบจึงไม่แพ้ให้กับเซียนดินโอสถทองทั้งหลาย
หลิวอี้ย่อมต้องเป็นสตรีที่โดดเด่นอย่างถึงที่สุด บางครั้งที่เหยาเซียนจือไปเดินเล่นอยู่บนเรือ นางก็มักจะมองเมินตนอยู่เสมอ
ก็จริงนะ จะชอบคนพิการแขนด้วนคนหนึ่งไปทำไมกัน
แล้วนับประสาอะไรกับที่เหยาเซียนจือเองก็ไม่มีความคิดอะไรต่อนางจริงๆ
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าจะมาล้อเล่นเรื่องแบบนี้ทำไม”
ผู้เฒ่าชี้ไปที่เหยาเซียนจือ ยิ้มเอ่ย “นี่เรียกว่าพูดจาเหลวไหลหน้าตาเฉยหรือไม่ เจ้าลองว่ามาสิ ต้องการเจ้าไปจะมีประโยชน์อะไร?!”
เฉินผิงอันใส่เสริมเติมแต่ง หัวเราะร่าเอ่ยว่า “คนบางคนเป็นชายโสดก็คือเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่คนบางคนอาศัยความสามารถที่แท้จริงของตัวเองถึงได้เป็นชายโสด”
แม่ทัพผู้เฒ่าถามเรื่องราวของหลิวอี้จากเหยาเซียนจือคร่าวๆ พอรู้ว่าสตรีคนนี้คือเซียนซือ มีชาติกำเนิดจากตระกูลปัญญาชนผู้มีชื่อเสียงในท้องถิ่นของต้าเฉวียน ดี ฉายาว่า ‘อี๋ฝู’ ดีมาก แค่ฟังก็รู้สึกชื่นชอบได้แล้ว มีความกล้าที่จะสลัดการคุ้มครองของผู้อาวุโสในสำนักทิ้ง พาตัวไปอยู่ในอันตราย อีกทั้งยังสามารถฆ่าปีศาจสร้างคุณความชอบได้อีกด้วย สุดท้ายเฝ้าพิทักษ์นครเซิ่นจิ่ง รอกระทั่งฝ่าบาทประทานรางวัล หลิวอี้ก็แค่ขอสถานะผู้ถวายงานอันดับสามมาจากราชสำนักเท่านั้น นี่…ไม่ค่อยดีเท่าไรแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรฝ่าบาทก็ควรให้ตำแหน่งผู้ถวายงานอันดับสองแก่นาง
ส่วนเรื่องที่ว่าทุกวันนี้หลิวอี้อายุหกสิบกว่าปี จะถือเป็นปัญหาอะไรได้ อายุหกสิบของสตรีบนภูเขาหากเอาไปวางไว้ล่างภูเขาก็เท่ากับอายุสิบสามสิบสี่ของสตรีล่างภูเขาพอดีไม่ใช่หรือ? ผู้เฒ่านวดคลึงปลายคาง ทอดถอนใจ “ข้ารู้สึกว่าเซียนจือไม่คู่ควรกับแม่นางคนนั้น”
เฉินผิงอันอืมรับหนึ่งที “ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน”
เหยาเซียนจือได้แต่ยิ้มจืดเจื่อน
ผู้เฒ่าหัวเราะเสียงดังกังวาน ยกมือข้างหนึ่งขึ้นตีกับมือของเฉินผิงอันเบาๆ รู้ใจกันดีอย่างยิ่ง
รับเหล้าเหลืองถ้วยนั้นมาจากมือของเหยาเซียนจือ เฉินผิงอันเหลือบมองชุดคลุมขนจิ้งจอกตัวเก่าที่แขวนไว้บนราวแขวนผ้า รู้ถึงความเป็นมาของของชิ้นนี้ดี เป็นของที่หลิวเจินอดีตฮ่องเต้ต้าเฉวียนประทานให้กับสกุลเหยากองทัพชายแดนเมื่อนานมาแล้ว
บางทีเหยาเซียนจืออาจจะไม่ได้คิดมาก แต่หากโอรสสวรรค์ของราชวงศ์ต้าเฉวียนในทุกวันนี้เห็นเข้า คาดว่าในใจนางคงรู้สึกไม่ดีสักเท่าไร
เพียงแต่ว่าทุกบ้านล้วนมีคัมภีร์ที่อ่านยาก เฉินผิงอันก็ได้แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ถึงความบิดเบี้ยวเล็กๆ น้อยๆ ของใจคนเท่านั้น
เฉินผิงอันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้จึงหยิบซองแดงสองซองออกมาจากชายแขนเสื้อ ด้านในใส่เงินร้อนน้อยไว้ซองละหนึ่งเหรียญ เฉินผิงอันตั้งใจเลือกสองเหรียญที่แกะสลักถ้อยคำมงคลไว้อวยพรผู้เยาว์โดยเฉพาะ
ส่งซองแดงให้กับเหยาเซียนจือ ยิ้มเอ่ย “กลับไปแล้วช่วยมอบให้กับเหยาหลิ่งจือด้วย มอบให้บุตรของนาง ถือเป็นเงินยาสุ้ยที่ท่านลุงเฉินอย่างข้าชดเชยให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้”
เหยาหลิ่วจือออกเรือนเป็นภรรยาของผู้อื่นนานแล้ว ทุกวันนี้มีบุตรชายหญิงหนึ่งคู่แล้ว แต่เด็กทั้งสองต่างก็อายุไม่มาก
ผู้ฝึกตนบนภูเขาจำนวนไม่น้อยต่างก็เหมือนเฉินผิงอันที่ชอบเก็บสะสมเงินร้อนน้อยหลากหลายชนิดที่คล้ายคลึงกับร้อนน้อย ‘ใช้เงิน’ ซึ่งมีถ้อยคำแกะสลักไว้ อย่างเช่นคำว่า ‘เปิดเตารักษาคลัง’ ‘แขวนโคมต้อนรับวสันต์’ ‘ขอให้อายุยืนยาว’ เป็นต้น สำหรับในเรื่องนี้ ตลอดหลายปีที่เฉินผิงอันออกเดินทาง เขาล้วนไม่เคยลืม จึงเก็บสะสม ‘ร้อนน้อยใช้เงิน’ สิบสองนักษัตรครบหกชุด และ ‘จันทรคติใช้เงินเทพ’ สามชุด ยังรวมไปถึงเงินร้อนน้อย ‘เทียนกังสามสิบหก’ ชุดหนึ่งที่ด้านในแกะสลักกลุ่มภูเขาหยกเอาไว้ ด้วยเรื่องนี้เฉินผิงอันจ่ายเงินส่วนตัวไปไม่น้อย เอาเงินฝนธัญพืชที่อยู่ในมือของตนไปมอบให้เหวยเหวินหลงแห่งห้องบัญชีของภูเขาลั่วพั่วจัดการ ให้ช่วยเขาคอยสังเกตดูเงินร้อนน้อยที่แกะสลักตัวอักษรหาได้ยาก หากเจอให้เก็บไว้ทันที
ในเรื่องนี้เทพเจ้าแห่งโชคลาภของธวัลทวีปจึงจะเรียกว่าเป็นบุคคลระดับปรมาจารย์ เก็บรวบรวมของหายากที่ถูกเรียกขานว่ามีเพียงหนึ่งเดียวบนโลกไว้ได้ไม่น้อย
เหยาเซียนจือรับซองแดงมา ยิ้มเอ่ยว่า “เด็กสองคนนั้นได้เงินยาสุ้ยก้อนนี้ไปคงดีใจเจียนคลั่งแน่นอน”
ท่านน้าอย่างตน ยามอยู่กับพวกเขาไม่เคยมีบารมีใดๆ ให้กล่าวถึง เด็กสองคนนี้เฉลียวฉลาดเจ้าเล่ห์แสนกลมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังหนังหนา ซุกซนอย่างมาก มีเพียงตอนที่อยากรู้เรื่องราวในขุนเขาสายน้ำของอาจารย์เฉินเท่านั้น ตอนที่เรียกท่านน้าถึงได้มีความจริงใจมากขึ้นหลายส่วน
ไม่ได้ คราวนี้ตอนเดือนหนึ่งจะต้องให้เด็กสองคนนั้นโขกหัวให้กับท่านน้าอย่างตนหลายๆ ครั้งถึงจะได้ซองแดงไป
เหยาเจิ้นถามชวนคุย “อู๋ซูไม่อยู่ในใบถงทวีป แต่ไปที่ใต้หล้าไพศาลแล้ว พวกเราก็มีแค่ปรมาจารย์ขอบเขตปลายทางอย่างหวงอีอวิ๋นแห่งผูซานคนเดียวแล้ว พวกเจ้าทั้งสองเคยเจอกันแล้วหรือยัง?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ก่อนหน้านี้เคยเจอกันแล้ว เจอกันครั้งแรกในพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา ภายหลังเกิดเรื่องบางอย่าง เจ้าขุนเขาเย่จึงรับปากว่าจะเป็นเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อของภูเขาเซียนตู”
เหยาเซียนจือถามอย่างสงสัย “ทำไมคราวก่อนที่อยู่นครเซิ่นจิ่งไม่เห็นท่านพูดถึงเลย”
ในใจของใต้เท้าเจ้าเมืองผู้นี้ลอบยินดี หึ แบบนี้ตนที่อยู่ในสำนักเบื้องล่างของอาจารย์เฉินก็ไม่ใช่ว่าได้นั่งทัดเทียมกับหวงอีอวิ๋นแห่งผูซานแล้วหรอกหรือ?
เฉินผิงอันเอ่ยเสียงขุ่น “จะต้องพูดเรื่องนี้ทำไม”
แม่ทัพผู้เฒ่าเหยาจุ๊ปาก “นั่นคือโฉมสะคราญคนหนึ่งเชียวนะ กระดานแยนจือภูเขาฮวาเสินของพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาก็แค่ว่าอดีตเจ้าสำนักเจียงไม่กล้าจัดนางเข้าอันดับ ไม่อย่างนั้นสามอันดับแรกต้องหนีไม่พ้นแน่ๆ ดูท่าครั้งนี้น่าจะไม่ได้มาเสียเที่ยว”
ผู้เฒ่าจิบเหล้าหนึ่งคำ ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “คุมไหวหรือ?”
เฉินผิงอันไร้คำพูดตอบโต้
ในที่สุดเหยาเซียนจือก็หาโอกาสเจอ เอ่ยสัพยอกว่า “หากเปลี่ยนมาเป็นข้า เผชิญหน้าเซียนซือบนภูเขาที่งามล่มบ้านล่มเมือง ทั้งยังเป็นผู้ฝึกยุทธหญิงขอบเขตปลายทาง ต้องยากจะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ค่ำคืนยากจะข่มตานอนอย่างแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!