บอกว่าช่วงปลายฤดูหนาวก่อนจะมีการจัดงานพิธีเฉลิมฉลอง เรือข้ามฟากเฟิงยวนจะข้ามทวีปเดินทางขึ้นเหนือมาถึงลำน้ำจี้ตู๋ จะมาจอดเทียบท่าที่ท่าเรือใกล้กับหน่วยฉงเสวียนราชวงศ์ต้ายวน รบกวนเจ้าสำนักหลิวขยับเท้ามาขึ้นเรือเดินทางลงใต้ ไม่ต้องจ่ายเงินค่าเรือโดยสารให้เสียเปล่าอีก ถือโอกาสเตือนหลิวจิ่งหลงมาในจดหมายด้วยว่า หากยินดีก็สามารถจับมือพาเทพธิดาหลูสุ้ยของภูเขาสุ่ยจิ่งเดินทางมาเที่ยวเยือนภูเขาเซียนตูทางทิศใต้ด้วยกันได้
หลิวจิ่งหลงพกเทียบเชิญฉบับนั้นขี่กระบี่เดินทางมาที่ยอดเขาเพียนหราน
ป๋ายโส่วถามหยั่งเชิง “คนแซ่หลิว พวกเราไม่ไปได้หรือไม่?”
ป๋ายโส่วเพิ่งจะกลับมาจากการไปเที่ยวเยือนแคว้นอวิ๋นเยี่ยน พาผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์ของยอดเขาอื่นไปด้วยหลายคน ผู้ฝึกกระบี่หกคนต่างก็อายุไม่มาก พากันไปฝึกประสบการณ์ที่แคว้นอวิ๋นเยี่ยนและภูเขาสายน้ำรอบด้าน
เพราะถึงอย่างไรป๋ายโส่วในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะสถานะบนทำเนียบหรือขอบเขตวิถีกระบี่ก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโสในสำนักและผู้ปกป้องมรรคาจริงแท้แน่นอนคนหนึ่งแล้ว
รอกระทั่งผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์กลุ่มนี้กลับคืนมายังภูเขาอย่างปลอดภัย ทางฝั่งของศาลบรรพจารย์สำนักกระบี่ไท่ฮุยมีคำวิจารณ์ที่ไม่ต่ำต่อเจ้ายอดเขาเพียนหรานที่เป็นโอสถทองหนุ่มผู้นี้ ความคิดจิตใจละเอียดรอบคอบ ทำอะไรรัดกุมหนักแน่น มีประสบการณ์โชกโชนในยุทธภพ
ตอนที่อยู่แคว้นอวิ๋นเยี่ยน ป๋ายโส่วไม่ได้ปะทะกับชุยกงจ้วงผู้ฝึกยุทธขอบเขตเก้าโดยตรง เค่อชิงอันดับหนึ่งของยอดเขาหย่างอวิ่นสำนักสั่วอวิ๋นผู้นี้ ทุกวันนี้ทำตัวดีขึ้นมากแล้ว เปลี่ยนนิสัยใจคอจนเกือบจะกลายมาเป็นคนดีมีเมตตา อีกทั้งยังสั่งห้ามพวกศิษย์ลูกศิษย์หลานไม่ให้ทำอะไรบุ่มบ่ามวู่วาม ไม่อย่างนั้นชุยกงจ้วงจะออกหน้าทำความสะอาดสำนักด้วยตัวเอง เป็นเหตุให้ชื่อเสียงของพรรคในยุทธภพเพิ่มสูงขึ้นอย่างพรวดพราด
เหน็ดเหนื่อยเดินทางลงภูเขาไปแล้วรอบหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าพอกลับมาที่ยอดเขาเพียนหราน ป๋ายโส่วจะได้ยินข่าวดีและข่าวร้ายใหญ่เทียมฟ้าเช่นนี้ พลันนั้นความรู้สึกของเขาจึงปะปนกันไปทั้งดีใจและเศร้าใจ
ภูเขาลั่วพั่วของพี่น้องเฉินบ้านตนเลื่อนเป็นสำนักได้ไม่นานเท่าไร กีบม้าก็ควบตะบึงไปข้างหน้าไม่หยุดนิ่ง คว้าเอาสำนักเบื้องล่างที่ตั้งอยู่ทิศใต้สุดของใบถงทวีปมาได้อีก แน่นอนว่าถือเป็นเรื่องดีที่ดียิ่งกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
แต่ปัญหานั้นอยู่ที่ว่าทุกวันนี้อย่าว่าแต่ให้ป๋ายโส่วเผชิญหน้ากับคนผู้นั้นเลย แค่คิดถึงนาง เขาก็กลัดกลุ้มแล้ว
คราวก่อนใครบางคนมาเป็นแขกที่ยอดเขาเพียนหราน ผลคือประหนึ่งหายนะที่หล่นมาจากฟ้า เจอหมัดของอีกฝ่ายเข้าไปทีเดียว เขาก็ล้มผลึ่งลงไปชักกระตุกอยู่กับพื้นทันที
คราวก่อนหน้านั้นอีก ก็ยังเป็นที่ยอดเขาเพียนหรานถิ่นของตน ใครบางคนแค่ผ่านทางมา หนึ่งหมัดปล่อยออกไป เจ้าแห่งยอดเขาผู้ยิ่งใหญ่ ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเจ้าสำนัก กลับนอนชักอยู่บนพื้น ราวกับผู้ฝึกยุทธที่กำลังฝึกเดินนิ่ง
คราวก่อนก่อนหน้านั้น คือที่ภูเขาลั่วพั่ว
เรื่องเดิมไม่ทำซ้ำสาม!
หากจะบอกว่าเอาสิ่งที่ประสบพบเจอมาเป็นบทเรียน ถ้าอย่างนั้นป๋ายโส่วในวันนี้ก็ต้องเรียกว่าเป็นคนที่ฉลาดเลิศล้ำแล้ว
ป๋ายโส่วถึงขั้นยังเคยไปหาเทพเซียนผู้เฒ่าลัทธิเต๋าที่เชี่ยวชาญการทำนายดวงชะตาเป็นการส่วนตัว ขอให้เขาช่วยทำนายชะตาให้ว่าชะตาแปดอักษรของตนกับคนผู้นั้นขัดแย้งกันหรือไม่
ตอนนั้นเทพเซียนผู้เฒ่าถือชะตาเกิดของคนทั้งสองด้วยความมึนงง พูดแค่ว่าก็ไม่มีอะไรนะ ไม่ว่าใครก็ไม่ขัดกับใคร สุดท้ายยังไม่ลืมเอ่ยถ้อยคำไพเราะให้ลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของเจ้าสำนักหลิวฟังด้วยว่า ชะตาแปดอักษรของเจ้ายอดเขาป๋ายแข็งมากจริงๆ
หลิวจิ่งหลงก็คร้านจะเอ่ยเตือนป๋ายโส่ว ตามคำกล่าวของเฉินผิงอัน เผยเฉียนไม่รู้ชะตาแปดอักษรของตัวเองด้วยซ้ำ แม้แต่ชื่อก็ยังเป็นชื่อปลอม เป็นเผยเฉียนที่ตั้งขึ้นมาเองในภายหลัง
เพียงแต่ว่าเรื่องแบบนี้ เฉินผิงอันสามารถพูดกับหลิวจิ่งหลงได้ แต่หลิวจิ่งหลงกลับไม่สะดวกจะแพร่งพรายความลับแก่ป๋ายโส่ว
หลิวจิ่งหลิงยิ้มย้อนถาม “เจ้าคิดว่าไงล่ะ?”
ไม่เหมือนกับพิธีเปิดยอดเขาของโอสถทองในพรรคทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นงานเฉลิมฉลองพิธีก่อตั้งสำนักเบื้องล่างแห่งใดในใต้หล้าไพศาลก็ถือว่าเป็นงานฉลองยิ่งใหญ่ที่พันปีก็ยากจะพานพบ
ตามกฎที่กลายเป็นความเคยชินของบนภูเขา ขอแค่ไม่ใช่พรรคศัตรูคู่อาฆาต ในอาณาเขตของหนึ่งแคว้น ต่อให้ตัวคนไม่มาร่วมงาน ตามหลักแล้วก็ต้องส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้ชิ้นหนึ่ง
เพราะถึงอย่างไรในอาณาเขตของหนึ่งแคว้น อยู่ดีๆ ก็มีตระกูลเซียนอักษรจงแห่งหนึ่งเพิ่มมา ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องที่เป็นหน้าเป็นตาของผู้ฝึกตนในทวีปนั้นๆ
โชคชะตาบู๊ในทวีปมีมากหรือน้อย ตรงไปตรงมาอย่างมาก สามารถดูจากจำนวนของผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางได้เลย หลักการเดียวกัน รากฐานของหนึ่งทวีปตื้นหรือลึก ส่วนใหญ่ก็มักจะดูที่จำนวนของสำนักอักษรจง
ดังนั้นก็เหมือนอย่างสำนักพีหมาชายหาดโครงกระดูก ต่อให้ปีนั้นอุตรกุรุทวีปจะไม่ต้อนรับคนที่มาจากต่างถิ่นกลุ่มนี้แค่ไหน แต่ก็เท่ากับว่าสำนักพีหมาได้หยัดยืนอย่างมั่นคงแล้ว จัดงานเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการ กองกำลังตระกูลเซียนส่วนใหญ่ล้วนฝืนใจส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้ ก็แค่ว่าของขวัญไม่ได้ล้ำค่าอะไรมากมาย ในบรรดานั้นมีตระกูลเซียนบางแห่งที่จงใจส่งเงินเกล็ดหิมะมาให้แค่ไม่กี่เหรียญด้วยซ้ำ
กฎข้อนั้นก็ต้องรักษาเอาไว้เช่นกัน ของขวัญเบาน้ำใจหนักนี่นะ หากว่าสำนักพีหมารังเกียจว่าเงินน้อยเกินไปก็แสดงว่าพวกเขาไม่ใจกว้างมากพอ
เพียงแต่ว่ารอกระทั่งฮว่อหลงเจินเหรินแห่งยอดเขาพาตี้เผยกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นฝ่ายไปเยือนภูเขามู่อีด้วยตัวเอง ไม่เพียงแต่ร่วมงานพิธี เจินเหรินผู้เฒ่ายังมอบของขวัญหนักที่มีระดับขั้นเป็นสมบัติอาคมให้ชิ้นหนึ่งด้วย
จวนเซียนทั้งหลายที่ ‘ขี้หลงขี้ลืม’ จึงรีบส่งของขวัญร่วมยินดีที่มาถึงอย่างเชื่องช้าชดเชยไปให้ทันที
เจินเหรินผู้เฒ่าที่ขึ้นชื่อว่าชายแขนเสื้อสองข้างมีลมเย็นยอมควักกระเป๋าเงินอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน คนอื่นๆ ก็ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะไม่จ่ายเงินมอบของขวัญให้
ไม่อย่างนั้นอาจถูกเจินเหรินผู้เฒ่าคิดถึงคำนึงหาเอาได้
ป๋ายโส่วยังไม่ถอดใจ เอ่ยว่า “แค่มอบของขวัญไปให้ก็พอแล้ว เฉินผิงอันไม่ถือสาหรอก หากไม่ได้จริงๆ ข้าก็ไม่ไปแล้ว วันหน้าเจ้าเจอเฉินผิงอันก็บอกเขาให้หน่อยว่าช่วงนี้ข้าต้องปิดด่าน”
หลิวจิ่งหลงยิ้มเอ่ย “ขอแค่เจ้าไม่เป็นฝ่ายไปหาเรื่องเผยเฉียนก่อน แล้วจะต้องเป็นวัวสันหลังหวะทำไม นางไม่มีทางมาประลองฝีมือหมัดเท้ากับเจ้าโดยไร้ต้นสายปลายเหตุเสียหน่อย”
เห็นว่าป๋ายโส่วยังลังเล หลิวจิ่งหลงก็ไม่อยากจะทำให้ลูกศิษย์รู้สึกลำบากใจ จึงเอ่ยอย่างเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี “หากไม่อยากไปจริงๆ ก็ช่างเถิด ตั้งใจฝึกกระบี่อยู่ที่ยอดเขาเพียนหรานให้ดีก็พอ ทางฝั่งของเฉินผิงอัน ข้าจะช่วยอธิบายให้เอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!