กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 910

สรุปบท บทที่ 910.1 เดินทางอย่างเสรี: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา บทที่ 910.1 เดินทางอย่างเสรี – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท บทที่ 910.1 เดินทางอย่างเสรี ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เหนือ​มหาสมุทร​ใหญ่​ หลังจากที่​เรื่อง​เซียน​กระบี่​ร่วมมือ​กัน​ลาก​ดวงจันทร์​ผ่าน​ไป​ได้​ไม่นาน​เท่าไร​ เรือข้ามฟาก​ขุนเขา​ลำ​หนึ่ง​ก็​พุ่ง​ทะยาน​ไป​กลางอากาศ​ ใกล้​กัน​ยังมี​เรือ​กระบี่​ของ​ต้า​หลี​อีก​สอง​ลำ​คอย​ให้การ​คุ้มกัน​

ตัว​เรือ​ใหญ่โตมโหฬาร​ มืด​ฟ้าบัง​ดิน​ ลอย​ผ่าน​กลางอากาศ​เหนือ​เกาะ​กุ้ยฮ​วา​พอดี​

เรือข้ามฟาก​ตระกูล​เซียน​ทุก​ลำ​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ที่​สามารถ​เดินทางไกล​ข้าม​ทวีป​ได้​ได้​ถูก​ศาล​บุ๋น​และ​ราชสำนัก​ต้า​หลี​ยืม​ไป​ใช้นาน​แล้ว​ เกาะ​กุ้ยฮ​วา​ของ​ตระกูล​ฟ่าน​นคร​มังกร​เฒ่าก็​ไม่ใช่ข้อยกเว้น​

เพียงแต่ว่า​หลังจากที่​การประชุม​ศาล​บุ๋น​สิ้นสุดลง​ได้​ไม่นาน​ ตระกูล​ฝูนคร​มังกร​เฒ่าก็ได้​ยืม​เรือข้ามฟาก​ที่​สร้าง​ใหม่​มาจาก​ธวัล​ทวีป​และ​หลิว​เสีย​ทวีป​อย่าง​ละ​ลำ​ เพื่อ​นำมาใช้​ประคับประคอง​เส้น​ทางการ​ทำการค้า​

เรื่อง​แบบนี้​แม้จะตก​เป็นที่​ต้องสงสัย​ว่า​ฉวยโอกาส​ไขว่คว้า​หา​ผล​ประโยชน์ส่วนตัว​ แต่กลับ​ได้รับ​การอนุญาต​จาก​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​ ไม่ถือว่า​ละ​มิด​กฎ​ นี่​จึงเป็นเหตุให้​ตระกูล​เซียน​อักษร​จงหลาย​แห่ง​ที่​สามารถ​สร้าง​เรือ​ข้าม​ทวีป​ได้​ด้วย​กองกำลัง​ของ​ตัวเอง​ถกเถียง​กัน​ไม่น้อย​

บน​เกาะ​กุ้ยฮ​วา​ เรือน​พัก​ส่วนตัว​ขนาดเล็ก​แห่ง​หนึ่ง​ที่​มีชื่อว่า​เรือน​กุย​ม่าย​

กุ้ยฮู​หยิน​นวด​คลึง​หว่าง​คิ้ว​ ช่วงนี้​นาง​ถูก​เจ้าเซียน​ฉาผู้​นั้น​ก่อกวน​จน​รำคาญใจ​อย่างยิ่ง​

จิน​ซู่กลั้น​ขำ​อย่าง​ยากลำบาก​

ที่แท้​การ​พบ​เจอกัน​อีกครั้ง​ที่​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​ก่อนหน้านี้​ เซียน​ฉาได้​เอ่ย​ความในใจ​ให้​ฟัง กุ้ยฮู​หยิน​เห็น​ว่า​เขา​จริงใจ​จึงยอม​ถอย​ให้​เล็กน้อย​ เอ่ย​ถ้อยคำ​เกรงใจ​ตามมารยาท​บอ​กว่า​เขา​จะไป​นั่งเล่น​ที่​เกาะ​กุ้ยฮ​วา​บ้าง​ก็ได้​

ตอนนั้น​นาง​มีการพิจารณา​เป็น​ของ​ตัวเอง​ ฟ่านจวิ้น​เม่าที่​เป็น​ถึงซาน​จวิน​ใหญ่​ของ​มหา​บรรพต​ทักษิณ​ ขอบเขต​ถดถอย​จาก​หยก​ดิบ​ไป​ถึงประตู​มังกร​ ดังนั้น​ตระกูล​ฟ่าน​จึงต้องการ​ผู้​ถวายงาน​ห้า​ขอบเขต​บน​อย่าง​เร่งด่วน​ และ​คนพาย​เรือ​เฒ่าที่​คอย​คุ้มกัน​ให้​เรือ​ข้าม​ทวีป​ลำ​นี้​ล่อง​ผ่าน​ร่อง​เจียว​หลง​อย่าง​ปลอดภัย​มานาน​หลาย​ปี​ก็​เป็น​ลูกศิษย์​ของ​เซียน​ฉาพอดี​ กุ้ยฮู​หยิน​จึงหวัง​ว่า​เซียน​ฉาจะช่วย​ชี้แนะ​ด้าน​การ​ฝึก​ตน​ให้​กับ​ลูกศิษย์​มาก​หน่อย​

แต่​กุ้ยฮู​หยิน​คิดไม่ถึง​เลย​ว่า​ คำ​ว่า​ ‘บ้าง​’ ที่​นาง​เอ่ย​ออก​ไป​ กับ​คำ​ว่า​บ้าง​ที่​เซียน​ฉาเข้าใจ​จะเป็น​คนละเรื่อง​กัน​เลย​

ก่อนหน้านี้​นาง​ได้รับ​จดหมาย​ขออภัย​ฉบับ​หนึ่ง​ที่​เขียน​ด้วย​ลายมือ​ของ​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ซึ่งอยู่​ใน​การคาดการณ์​ของ​นาง​อยู่แล้ว​

แรกเริ่ม​กุ้ยฮู​หยิน​ยัง​รู้สึก​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​คิดมาก​ไป​ แต่​ตอนนี้​นาง​เริ่ม​รู้สึก​แล้ว​ว่า​หาก​เฉิน​ผิง​อัน​กล้า​มาที่​เกาะ​กุ้ยฮ​วา​ นาง​ก็​กล้า​ไล่​คน​โดยตรง​

เสียงเคาะ​ประตู​ดัง​ขึ้น​ที่​เรือน​เล็ก​ ไม่มาก​ไม่น้อย​ เคาะ​สามครั้ง​พอดี​

กุ้ยฮู​หยิน​ขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ มีคน​ขยับ​เข้าใกล้​ประตู​เรือน​ แต่​ตน​กลับ​สัมผัส​ไม่ได้​เลย​แม้แต่น้อย​

จิน​ซู่ลุกขึ้น​เตรียม​จะเดิน​ไป​เปิด​ประตู​ กุ้ยฮู​หยิน​กลับ​โบกมือ​ บอก​ให้​ลูกศิษย์​นั่ง​อยู่​ที่​เดิม​ ตัวเอง​โบก​ชาย​แขน​เสื้อ​หนึ่ง​ครั้ง​เปิด​ประตู​เรือน​ออก​

ตรงหน้า​ประตู​มีนักพรต​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​ยืน​อยู่​ อีก​ฝ่าย​คลี่​ยิ้ม​เจิดจ้า​ โบกมือ​เหวี่ยง​แขน​มาทาง​อาจารย์​และ​ศิษย์​สอง​คน​ที่อยู่​ใน​ลานบ้าน​

เรือข้ามฟาก​ตระกูล​ฟ่าน​ลำ​นี้​ไม่รับ​ผู้โดยสาร​ระหว่างทาง​ จิน​ซู่มอง​กวาน​เต๋า​ของ​นักพรต​หนุ่ม​เห็น​ว่า​เป็น​กวาน​ดอกบัว​ นาง​จึงคิด​ไป​ว่า​อีก​ฝ่าย​เป็น​นักพรต​ของ​สำนัก​โองการ​เทพ​ที่​ออกเดินทาง​หา​ประสบการณ์​

แจกัน​สมบัติ​ทวีป​มีเพียง​นักพรต​ของ​สำนัก​โองการ​เทพ​เท่านั้น​ที่​กวาน​เต๋า​ซึ่งสวม​บน​ศีรษะ​จะมีทั้ง​กวาน​หางปลา​และ​กวาน​ดอกบัว​

แต่​ตาม​หลัก​แล้ว​ ครั้งนี้​เกาะ​กุ้ยฮ​วา​เดิน​ทางผ่าน​กุย​ซวี​เส้น​นั้น​กลับ​จาก​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​มายัง​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ บน​เกาะ​ไม่มีผู้โดยสาร​คนอื่น​ ยิ่ง​ไม่ควร​มีนักพรต​ถึงจะถูก​

กุ้ยฮู​หยิน​ไม่เอ่ย​อะไร​ หลังจาก​ลุกขึ้น​ยืน​แล้วก็​เพียงแค่​ยอบ​กาย​คารวะ​

จิน​ซู่รีบ​ลุกขึ้น​ตาม​อาจารย์​

นักพรต​หนุ่ม​รับ​ค้อม​เอว​คารวะ​กลับคืน​ ยืดตัว​ขึ้น​แล้วก็​เอ่ย​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ว่า​ “จากลา​กัน​พันปี​แล้ว​พันปี​เล่า​ โชคดี​ที่​ความงาม​ของ​กุ้ยฮู​หยิน​ยัง​คงเดิม​ ทำให้​คน​เห็น​แล้ว​ลืม​ความ​สามัญ”

กุ้ยฮู​หยิน​ยิ้ม​บาง​ๆ ไม่เอ่ย​อะไร​

นักพรต​หนุ่ม​เดิน​อาด​ๆ เข้ามา​ใน​ลานบ้าน​ “นี่​คง​เป็น​แม่นาง​จิน​ซู่กระมัง​ ซุน​เจีย​ซู่ได้​แต่ง​แม่นาง​จิน​ซู่เป็น​ภรรยา​ ช่างเป็น​คู่สร้างคู่สม​กัน​จริงๆ​”

ต้น​กุ้ย​ใน​อาราม​จิน​กุ้ย​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ถูก​ผู้ฝึก​ตน​บน​ภูเขา​รุ่นหลัง​จำนวนมาก​มอง​เป็น​เผ่าพันธุ์​ตำหนัก​ดวงจันทร์​สาย​ดั้งเดิม​ ก็​เป็น​นักพรต​ผู้​นี้​ที่​ใน​อดีต​ล่องเรือ​ออก​ทะเล​ได้​เจอ​กับ​เกาะ​กุ้ยฮ​วา​กลางทาง​โดยบังเอิญ​ จึงมาขอ​กิ่ง​กุ้ย​จาก​ที่นี่​ไป​สอง​สามกิ่ง​ ภายหลัง​ขึ้นฝั่ง​ที่​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ เดิน​ทางผ่าน​อาราม​จิน​กุ้ย​จึงร่าย​ฝีมือ​ของ​ ‘เซียน​เห​ริน​’ ไป​รอบ​หนึ่ง​ แล้ว​ยัง​เป็น​ยาย​หวัง​ขาย​แตง​ที่​ขาย​เอง​ชมเอง​ด้วย​

ก็​เขา​ว่างงาน​มาก​จริงๆ​ นี่​นะ​

เพียงแต่ว่า​ไม่ว่า​อย่างไร​กุ้ยฮู​หยิน​ก็​คิดไม่ถึง​ว่า​ลู่​เฉิน​ที่​ไป​ยัง​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ ตอนนั้น​จะว่างงาน​จนได้​กลายเป็น​ลูกศิษย์​คน​เล็ก​ของ​มรรคา​จารย์​เต๋า​ เป็น​เจ้าลัทธิ​สามของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง

ในความเป็นจริง​แล้ว​ท่ามกลาง​การ​เดินทาง​หา​ประสบการณ์​ครั้งนั้น​ ลู่​เฉิน​ยัง​ได้​เจอ​กับ​เจ้าสำนัก​ของ​สำนัก​โองการ​เทพ​ในเวลานั้น​ จึงได้​ช่วย​ชี้แนะ​มรรค​กถา​บางส่วน​ให้​กับ​นักพรต​น้อย​ที่​ปี​นั้น​เพิ่งจะ​ขึ้น​เขา​ฝึก​ตน​

และ​นักพรต​น้อย​คน​นั้น​ก็​แซ่ฉีนาม​เจิน​

จิน​ซู่ย่อม​ไม่รู้​ถึงตัวตน​ของ​นักพรต​หนุ่ม​ผู้​นี้​

ต่อให้​อีก​ฝ่าย​บอกกล่าว​ตัวตน​อย่าง​ชัดเจน​ คาด​ว่า​นาง​เอง​ก็​คง​ไม่กล้า​เชื่อ​

ก่อนที่​นักพรต​หนุ่ม​จะนั่งลง​ได้​เหลียว​ซ้าย​แล​ขวา​ไป​รอบ​หนึ่ง​ แล้ว​ยิ้ม​ถามว่า​ “ไม่บังเอิญ​ขนาด​นี้​เชียว​ เหล่า​กู้​ไม่ได้​อยู่​บน​เรือ​ลำ​นี้​หรือ​?”

ที่แท้​ก็​คือ​ลู่​เฉิน​ที่​หลัง​ออก​มาจาก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ก็​ไม่ได้​รีบร้อน​กลับ​ไป​ที่​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ แต่​ทำตาม​ข้อตกลง​ที่​ให้​ไว้​กับ​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​อย่าง​เคร่งครัด​ นั่น​คือ​จะต้อง​ไป​เยือน​ภูเขา​เมฆาเรือง​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​รอบ​หนึ่ง​

และ​ความเร็ว​ใน​การ​ทะยาน​ลม​เดินทาง​ของ​เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงนั้น​ก็​ต้อง​เรียก​ว่า​เหมือนกับ​…เต่า​คลาน​

กุ้ยฮู​หยิน​เอ่ย​อย่าง​อ่อนใจ​ว่า​ “เจ้าลัทธิ​ลู่​รู้​อยู่แล้ว​ไย​ต้อง​แกล้ง​ถาม”

ก็​ไม่ใช่เพราะว่า​เขา​ไม่อยู่​ เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงอย่าง​ท่าน​ถึงได้​ยินดี​ปรากฏตัว​หรือ​ไร​?

ลู่​เฉิน​นั่งลง​แล้ว​ใช้นิ้ว​เคาะ​โต๊ะ​ ความหมาย​ชัดเจน​อย่างยิ่ง​ สุรา​ล่ะ​

จิน​ซู่จึงใช้เสียง​ใน​ใจสอบถาม​อาจารย์​ว่า​จะให้​เอา​เหล้า​กุ้ยฮ​วา​มารับรอง​แขก​สัก​สอง​สามไห​ดี​หรือไม่​ แน่นอน​ว่า​กุ้ยฮู​หยิน​ไม่ตอบ​ตกลง​ นาง​ไม่ยินดี​จะคบค้าสมาคม​กับ​เจ้าลัทธิ​สามผู้​นี้​บน​เกาะ​กุ้ยฮ​วา​มาก​เกินควร​

เซียน​ฉาผู้​นั้น​ หรือ​กู้​ชิงซงที่​มีชื่อเสียง​เลื่องลือ​ไป​ทั่ว​ทั้ง​ใต้​หล้า​ไพศาล​ก็​ไม่ใช่ว่า​เป็น​ลู่​เฉิน​ที่​พา​ขึ้น​เกาะ​กุ้ยฮ​วา​มาใน​ปี​นั้น​หรอก​หรือ​?

“มอง​ภูเขา​จาก​บน​หอ​ มอง​หิมะ​จาก​บน​ภูเขา​ มอง​ดวงจันทร์​ท่ามกลาง​หิมะ​ ใต้​แสงจันทร์​เห็น​สาวงาม​ ต่าง​ก็​เป็น​คนละ​ฉาก​คนละ​ตอน​”

ลู่​เฉิน​ใช้นิ้ว​ทั้ง​ห้า​ผลัดกัน​เวียน​เคาะ​โต๊ะ​หิน​จน​ครบ​ พูด​พึมพำ​กับ​ตัวเอง​ว่า​ “ขึ้น​สิบห้า​ค่ำคืน​วันที่​ดวงจันทร์​งามสุด​บน​ฟ้า วลี​ของ​หลิ่ว​ชีคือ​ถ้อยคำ​ที่​งามที่สุด​แห่ง​ตัวอักษร​ เกาะ​กุ้ยฮ​วา​คือ​สิ่งที่​งามที่สุด​ใน​บรรดา​ขุนเขา​สายน้ำ​”

กุ้ยฮู​หยิน​เอ่ย​เตือน​ว่า​ “เจ้าลัทธิ​ลู่​ มีธุระ​อะไร​ก็​พูด​มาเถิด​ หาก​ไม่มีธุระ​ข้า​คง​ไม่ไป​ส่งท่าน​แล้ว​”

ลู่​เฉิน​หัวเราะ​ฮ่าๆ “ผิน​เต้า​ไม่จน​ใคร​จะจน​ (ภาษาจีน​คือ​ผิน​เต้า​ปู้​ผิน​เสย​ผิน​ คำ​ว่า​ผิน​เต้า​ ตรง​กับ​คำ​ว่า​ผิน​ที่​แปล​ว่า​ยากจน​ ประโยค​นี้​จึงเป็น​การเล่นคำ​) กุ้ยฮู​หยิน​โปรด​อภัย​ให้​ด้วย​”

ใน​ใจจิน​ซู่เกิด​ข้อสงสัย​ อาจารย์​เรียก​นักพรต​ท่าน​นี้​ว่า​เจ้าลัทธิ​ลู่​อย่างนั้น​หรือ​?

“หาก​เรื่องราว​ทางโลก​ล้วน​เป็น​เช่นนี้​ ข้า​ก็​แค่​ลอย​ไป​ตาม​กระแสน้ำ​ ก็​จะต้อง​ถูก​เสมอไป​หรือ​? ต้อง​ดี​เสมอไป​หรือ​? ผิน​เต้า​ว่า​ไม่แน่​เสมอไป​หรอก​”

“เพียงแต่​จะว่า​ไป​แล้ว​ การ​ได้​และ​การ​เสียที่​แท้จริง​ระหว่าง​นี้​ ใคร​เล่า​จะกล้า​ให้​ข้อสรุป​แบบ​ตอก​ปิด​ฝาโลง​ ไม่มีทาง​ที่​จิน​ซู่กับ​คน​ทั้ง​ใต้​หล้า​ล้วน​ถูกต้อง​ มีเพียง​ผิน​เต้า​ที่​ผิด​หรอก​กระมัง​?”

ลู่​เฉิน​พูดพร่ำ​อยู่​พัก​หนึ่ง​ก็​ลุกขึ้น​ยืน​ เรือน​กาย​เปล่ง​วาบ​ก็​ออก​ไป​จาก​เกาะ​กุ้ยฮ​วา​แห่ง​นี้​

เพียงแค่​ทิ้ง​ตำรา​เต๋า​ที่​ทำ​จาก​วัสดุ​หยก​ทอง​เล่ม​หนึ่ง​ มีกลิ่นอาย​มรรคา​ม่วง​เขียว​แผ่​กำจาย​เอาไว้​บน​โต๊ะ​

เดิน​ก้าว​หนึ่ง​ข้าม​มหาสมุทร​ ลู่​เฉิน​พลัน​หยุดชะงัก​เกือบ​เซถลา​หน้า​ทิ่ม​ลง​ไป​กับ​พื้น​ ยก​มือขึ้น​จับ​ประคอง​กวาน​เต๋า​ เขย่ง​ปลายเท้า​ยืด​คอ​ยาว​เหลือบมอง​ไป​ยัง​ขุนเขา​สายน้ำ​ที่อยู่​ใต้​ฝ่าเท้า​ “เกือบจะ​เดิน​เข้า​ประตู​ผิด​บาน​เสียแล้ว​”

ที่แท้​ใน​อดีต​ทาง​ฝั่งของ​ศาล​บุ๋น​ก็​อนุญาต​ให้​เจ้าลัทธิ​ลู่​เดิน​ขึ้นบก​ของ​ทวีป​ใหญ่​ได้​แค่​สอง​ทวีป​เท่านั้น​ จากนั้น​ก็​จะต้อง​ส่งตัว​เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงออก​ไป​จาก​อาณาเขต​แล้ว​

แต่​รอ​กระทั่ง​ลู่​เฉิน​หวนกลับ​มายัง​ใต้​หล้า​ไพศาล​อีกครั้ง​กลับ​ไม่มีพันธนาการ​ที่​คล้ายคลึง​กัน​นี้​อีก​ เพราะ​ถึงอย่างไร​การ​ที่​เขา​มอบ​พื้นที่​มงคล​เห​ยาก​วง​มาให้​ก็​ถือเป็น​คน​ที่​มีคุณ​ความชอบ​จริง​แท้​แน่นอน​อย่างหนึ่ง​

ลู่​เฉิน​ยืน​อยู่​บน​ทะเล​เมฆ ใต้​ฝ่าเท้า​ก็​คือ​จุด​ที่​ทะเล​เชื่อมต่อ​กับ​ผืนดิน​ ปล่อย​หมัด​ส่งเดช​ไป​กระบวนท่า​หนึ่ง​ ชาย​แขน​เสื้อ​สอง​ข้าง​ของ​ชุด​คลุม​เต๋า​สะบัด​ดัง​พั่บๆ​ พอ​จะถือว่า​คล่องแคล่ว​ดุจ​เมฆคล้อย​น้ำ​ไหล​ได้​อย่าง​ถูไถ แล้ว​พลัน​ตั้งท่า​ไก่​ทอง​ยืน​ขา​เดียว​ สอง​นิ้ว​ทำ​มุทรา​ ปาก​ท่อง​คาถา​มั่วซั่ว​ไป​หนึ่ง​รอบ​ พริบตาเดียว​ก็​มาอยู่​กลางอากาศ​เหนือ​นคร​มังกร​เฒ่าของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ น่าเสียดาย​ที่​ทะเล​เมฆที่​ปี​นั้น​เขา​สร้าง​ขึ้นกับ​มือ​ตัวเอง​ไม่อยู่แล้ว​ เบี่ยง​กาย​หันข้าง​พลิกตัว​หมุน​ตลบ​มากลางอากาศ​ ยาม​ที่สอง​เท้า​ประกบ​ยืน​นิ่ง​ ลู่​เฉิน​ก็​มาอยู่​ใน​อาณาเขต​ของ​ภูเขา​เมฆาเรือง​แล้ว​ งอ​นิ้วมือ​เคาะ​กวาน​เต๋า​บน​ศีรษะ​เบา​ๆ ร่าย​เวท​อำ​พรางตา​หนึ่ง​บท​

ลู่​เฉิน​ทั้ง​ไป​ไม่ได้​หา​บรรพ​จารย์​หญิง​คน​ปัจจุบัน​ของ​ภูเขา​เมฆาเรือง​ แล้วก็​ไม่ได้​ไปหา​ไช่จิน​เจี่ยน​ที่​ยอดเขา​ลวี่กุ้ย​ เรื่อง​ของ​การค้าขาย​ ไม่จำเป็นต้อง​รีบร้อน​

ลู่​เฉิน​กวาดตา​มอง​กลุ่ม​เทือกเขา​ที่​มีเมฆส่องแสง​เรื่อ​เรือง​ซึ่งเป็น​ทัศนียภาพ​ที่​งดงาม​จับตา​ สุดท้าย​หลุบ​ตา​มอง​ไป​ยัง​ยอดเขา​เกิง​อวิ๋น​ ท่ามกลาง​ทะเล​เมฆผืน​ใหญ่​ ภูเขา​ลูก​หนึ่ง​โผล่​ทะลุ​ทะเล​เมฆขึ้น​มาประหนึ่ง​เกาะ​โดดเดี่ยว​กลาง​มหาสมุทร​ มีบุรุษ​เซียน​ดิน​ที่​สวม​ชุด​คลุม​อาคม​ ‘ไฉ่หลวน’​ ตัว​เก่า​คน​หนึ่ง​นั่ง​ดื่มเหล้า​อยู่​บน​ราว​รั้ว​หยก​ขาว​เพียงลำพัง​ สายตา​เหม่อมอง​ไป​ยัง​มุมหนึ่ง​ เนิ่นนาน​ก็​ยัง​ไม่ขยับ​ไป​ทาง​ไหน​ ชายโสด​ดื่ม​สุรา​เดียวดาย​ ดื่ม​ไป​ดื่ม​มาก็​ยัง​เห็น​แต่​คิ้ว​ตา​และ​คำพูด​ของ​สตรี​คน​นั้น​ไม่ใช่หรือ​

หวง​จงโหว​ขมวดคิ้ว​ มีแขก​ที่​ไม่ยอม​เคารพ​กฎ​เดินผ่าน​ประตู​ภูเขา​ดี​ๆ มาเยือน​อีกแล้ว​หรือ​?

เห็น​ภูเขา​เมฆาเรือง​เป็น​สถานที่​ที่​ใคร​จะไป​ใคร​จะมาก็ได้​จริงๆ​ หรือ​ไร​?

คราวก่อน​ก็​เป็น​คน​ชุด​เขียว​ที่​บอ​กว่า​ตัวเอง​คือ​เฉิน​ผิง​อัน​จาก​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ คราวนี้​เปลี่ยน​มาเป็น​นักพรต​ที่​ไม่รู้​ประวัติ​ความเป็นมา​

ที่แท้​ใน​สายตา​ของ​หวง​จงโหว​ก็​เห็น​เป็น​นักพรต​หนุ่ม​ที่​เขา​มอง​ระบบ​สาย​เต๋า​ไม่ออก​ อีก​ฝ่าย​อยู่​บน​ทะเล​เมฆเดิน​อ้อม​ยอดเขา​เกิง​อวิ๋น​อยู่​ไกลๆ​ พุ่ง​วูบ​ทีเดียว​ก็​จากไป​ไกล​ แล้วก็​ไม่ใช่การ​ทะยาน​ลม​ที่​ดิ่ง​เป็น​เส้นตรง​ แต่​เป็นการ​ก้าว​ยาว​ๆ จน​ชาย​แขน​เสื้อ​สอง​ข้าง​สะบัด​รุนแรง​ เพียงแต่ว่า​ขณะเดียวกัน​กับ​ที่​ก้าวเดิน​ก็​ยัง​ไม่ลืม​เหลียว​ซ้าย​แล​ขวา​ ท่าทาง​ลับๆ ล่อๆ​ เหมือน​พวก​หัวขโมย​ที่​คิด​ไม่ซื่อ​

หวง​จงโหว​จึงลุกขึ้น​ยืน​ เก็บ​กา​เหล้า​ ร่าย​เวท​หลบหนี​ที่​เป็น​เวท​ลับ​เฉพาะ​ของ​ยอดเขา​เกิง​อวิ๋น​ เรือน​กาย​ผลุบ​หาย​เข้าไป​ใน​ทะเล​เมฆสีขาว​ แอบ​ติดตาม​อีก​ฝ่าย​ไป​เงียบๆ​

ได้ยิน​เพียง​ว่า​นักพรต​ต่างถิ่น​ที่​รูปโฉม​ยัง​อ่อนเยาว์​พูด​พึมพำ​ทำนอง​ว่า​ ผู้​ที่​สร้าง​โอสถ​ทอง​ได้​สำเร็จ​คือ​คน​รุ่น​เดียว​กับ​ข้า​ เมฆหมอก​ใน​แสงสายัณห์​พัน​หมื่น​ โอสถ​ทอง​หนึ่ง​เม็ด​ ฟ้าคราม​ดวงจันทร์​กระจ่าง​ ลม​ภูเขา​สูงพัด​แรง​ เมฆน้ำ​ไร้​ที่​สิ้นสุด​กับ​ชีวิต​ที่​ดีงาม​

จากนั้น​ก็​เห็น​เพียง​ว่า​นักพรต​ไป​ถึงภูเขา​แห่ง​หนึ่ง​ที่​มีชื่อว่า​ยอดเขา​ฝูปิ้น​ แล้วก็​เริ่ม​ไต่​หน้าผา​จาก​กึ่งกลาง​ภูเขา​ขึ้นไป​ เรือน​กาย​คล่องแคล่ว​เบาโหวง​คล้าย​จะล่องลอย​ได้​ ปราดเปรียว​ประหนึ่ง​วานร​ใน​ภูเขา​ หวง​จงโหว​อำพราง​เรือน​กาย​ตัวเอง​อยู่​ตลอด​ ต้องการ​ดู​ให้​รู้​ว่า​เจ้าคน​ที่​ทำท่า​ลับๆ ล่อๆ​ ผู้​นี้​คิด​จะทำ​เรื่อง​สกปรก​มิอาจ​บอกกล่าว​ให้​คนอื่น​รู้​อะไร​อีก​

นักพรต​หนุ่ม​คล้าย​จะเป็น​คนพูดมาก​มาตั้งแต่​เกิด​ แม้ว่า​รอบด้าน​จะไร้​ผู้คน​ก็​ยัง​ชอบ​พูด​กับ​ตัวเอง​ เขา​ยื่นมือ​ไป​กระตุก​เถาวัลย์​ของ​ต้น​ปี้​ลี่​ (ชื่อ​พันธ์​ไม้ชนิด​หนึ่ง​ กิ่งก้าน​จะลาม​เลื้อย​เป็น​เครือ​เถาวัลย์​) นักพรต​เอนหลัง​พิง​หน้าผา​ สะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​ชุด​คลุม​อาคม​ ขนม​เปี๊ยะ​ชิ้น​ใหญ่​กลิ้ง​ออกมา​ ใช้มือ​รับ​เอาไว้​ กัด​กิน​คำ​ใหญ่​ พูด​เสียง​อู้อี้​ฟังไม่ชัด​ “หมู่​ยอดเขา​ผงาด​กลาง​เมฆาล่องลอย​ ขุนเขา​เขียว​ทับซ้อน​ดุจ​มวย​ผมนาง​อัปสร​ แมก​ไม้พุ่ม​ขจี​มีกลิ่นอาย​สดชื่น​ กลอน​ดี​ กลอน​ดี​ ฉวยโอกาส​ตอนที่​มีแรงบันดาลใจ​ใน​การ​แต่ง​กลอน​ ความรู้สึก​พรั่งพรู​ดุจ​น้ำพุ​ พุ่ง​ทะยาน​ไป​ข้างหน้า​มิอาจ​สกัดกั้น​ เอา​อีก​ๆ เคย​สนทนา​พา​ที​กับ​เซียน​จวิน​ ขุนเขา​ข้า​ศักดิ์สิทธิ์​มาแต่​บรรพกาล​ สูงเหนือ​เขา​พระ​สุเมร​ ถ้ำสถิต​ลอย​คู่​ตะวัน​จันทรา​ เมฆาวารี​หมื่น​ลี้​ชำระล้าง​นัยน์ตา​ ป่ายปีน​หน้าผา​ชัน​ไม่ต้อง​ประคอง​ ขอ​ถามแขก​ทุกท่าน​ สาเหตุ​เป็น​เช่นนี้​ เชิญฟังไม้ปลุก​สติ​ข้า​สัก​คำ​ ที่แท้​บน​ร่าง​ก็​พก​ภาพ​ห้า​มหา​บรรพต​ที่​แท้จริง​”

ทำเอา​หวง​จงโหว​ที่​ฟังอยู่​ใน​มุมมืด​ปวดหัว​แปลบ​

ยอดเขา​ฝูปิ้น​ไม่เคย​มีผู้ฝึก​ตน​ของ​ภูเขา​เมฆาเรือง​มาฝึก​ตน​อยู่​ที่นี่​ คือ​สถานที่​ต้องห้าม​แห่ง​หนึ่ง​ ต่อให้​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ที่​เป็น​ลูกศิษย์​ผู้สืบทอด​ใน​ศาล​บรรพ​จารย์​ก็​ยัง​ไม่เคย​รู้​ประวัติ​ความเป็นมา​ของ​ยอดเขา​แห่ง​นี้​ รู้​แค่​ว่า​หาก​เซียน​ดิน​เลือก​ภูเขา​เป็น​สถานที่​เปิด​ขุนเขา​ ยอดเขา​แห่ง​นี้​จะไม่มีทาง​อยู่​ใน​ตัวเลือก​ไป​ตลอดกาล​

และ​ปม​ของ​สาเหตุ​ที่​ทำให้​ภูเขา​เมฆาเรือง​เกิด​สถานการณ์​กระอักกระอ่วน​ในเวลานี้​ก็​มาจาก​ยอดเขา​แห่ง​นี้​นั่นเอง​

เล่าลือ​กัน​ว่า​บรรพ​จารย์​ผู้บุกเบิก​ภูเขา​ของ​ภูเขา​เมฆาเรือง​ ปี​นั้น​ก่อน​จะก่อตั้ง​สำนัก​อยู่​ที่​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​เคย​ได้รับ​ยันต์​จัดการ​น้ำ​และ​ตำรับ​มิตาย​จาก​ยุค​บรรพกาล​ เป็นเหตุให้​ใน​จวน​เซียน​ที่อยู่​ใน​พื้น​ที่ลับ​ของ​ยอดเขา​ฝูปิ้น​มีห้อง​เงิน​ สุสาน​หิน​ ห​ลิง​จือ​ขาว​และ​น้ำพุ​ม่วง​ ซึ่งเป็น​รากฐาน​ของ​ปราณ​วิญญาณ​ใน​ภูเขา​เมฆาเรือง​

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!