กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 910

หวง​จงโหว​ได้ยิน​อย่างนี้​กลับ​กลายเป็น​ว่า​ถอนหายใจ​โล่งอก​ ไม่อย่างนั้น​ก็​จะกลายเป็น​เหมือน​ฝันหวาน​ที่​แหลก​สลาย​ ทำให้​เขา​ไม่กล้า​เชื่อ​ว่า​เป็น​ความจริง​

“ถ้าอย่างนั้น​ปัญหา​ก็​ตามมา​แล้ว​ เรื่อง​นี้​จะแก้ไข​อย่างไร​?”

ลู่​เฉิน​ถามเอง​ตอบ​เอง​ โยน​กา​เหล้า​ว่างเปล่า​ใน​มือ​ออก​ไป​ กระทืบเท้า​หนัก​ๆ อีก​หนึ่ง​ที​ “ก็​อยู่​ใน​เหล้า​สอง​กา​ของ​เจ้าหวง​จงโหว​นี่แหละ​”

หากว่า​หวง​จงโหว​มอบ​เหล้า​ให้​แค่​กา​เดียว​ ภูเขา​เมฆาเรือง​ย่อม​ไม่ได้รับ​การปฏิบัติ​เช่นนี้​แน่นอน​

กา​เหล้า​ที่​ถูก​โยน​ไป​กลางอากาศ​กับ​กา​เหล้า​ที่​หล่น​ลงพื้น​ไป​แล้ว​ หนึ่ง​ลอย​อยู่​บน​ฟ้าอีก​หนึ่ง​อยู่​บน​พื้นดิน​ เมื่อ​ลู่​เฉิน​กระทืบเท้า​ พริบตา​นั้น​อาณาเขต​ของ​ภูเขา​เมฆาเรือง​ก็​เกิด​ลม​พัด​หอบ​เมฆกระโชก​แรง​ เห็น​เพียง​ว่า​กา​เหล้า​สอง​ใบ​พลัน​ขยาย​ใหญ่​เท่า​ขุนเขา​ คล้าย​กับ​ว่า​ใน​กา​เหล้า​มีอีก​จักรวาล​หนึ่ง​ ต่าง​ก็​มีกลิ่นอาย​แห่ง​มรรคา​ไหล​พรั่งพรู​ออกมา​ สุดท้าย​รวมตัวกัน​กลายเป็น​รูป​ปลา​หยิน​หยาง​ที่​ค่อยๆ​ ว่าย​ล้อ​มวน​ช้าๆ ปกคลุม​อยู่​รอบ​ภูเขา​เมฆาเรือง​พอดี​ ต่อมา​ค่าย​กล​ก็​หล่น​ร่วง​ลง​บน​พื้น​ ประหนึ่ง​ภาพวาด​น้ำหมึก​ผืน​ยาว​ที่​ปู​แผ่​ลง​บน​พื้นดิน​ ก่อน​จะหายวับ​ไป​ไม่เหลือ​ร่องรอย​

และ​ภาพ​ผิดปกติ​แห่ง​ฟ้าดิน​ที่​ลมปราณ​กลืน​กิน​ขุนเขา​สายน้ำ​นี้​ได้​เกิดขึ้น​เพียง​เสี้ยว​วินาที​ก็​หาย​ไป​

ภูเขา​เมฆาเรือง​ทั้ง​ลูก​ นอกจาก​หวง​จงโหว​ที่​ได้​เห็นภาพ​เหตุการณ์​ยิ่งใหญ่​ตระการตา​นี้​แล้ว​ คน​ที่​สามารถ​สัมผัส​ได้​ถึงความผิดปกติ​มีเพียง​สอง​คน​ หนึ่ง​คือ​ไช่จิน​เจี่ยน​แห่ง​ยอดเขา​ลวี่กุ้ย​ อีก​หนึ่ง​คือ​เด็กน้อย​คน​หนึ่ง​ที่​เหม่อมอง​ฟ้า อีก​ทั้ง​การ​ที่​คน​ทั้งสอง​สัมผัส​ได้​ต่าง​ก็​ไม่ได้​ขึ้นอยู่กับ​ขอบเขต​ แต่​ขึ้นอยู่กับ​โชควาสนา​เท่านั้น​

ลู่​เฉิน​ชี้ไป​ที่​มุมหนึ่ง​ ยิ้ม​เอ่ย​กับ​หวง​จงโหว​ว่า​ “เด็ก​คน​นั้น​คุณสมบัติ​ไม่เลว​ ต่อให้​ต้อง​แย่งชิง​ก็​ต้อง​แย่งชิง​มาอยู่​ที่​ยอดเขา​เกิง​อวิ๋น​ให้ได้​ วันหน้า​สามารถ​เอา​มาใช้งานใหญ่​ได้​ ตัวเลือก​คน​ที่จะ​มาเป็น​เจ้าขุนเขา​ภูเขา​เมฆาเรือง​คน​ถัด​ถัดไป​ของ​พวก​เจ้าก็​มีแล้ว​”

ส่วน​เจ้าขุนเขา​ภูเขา​เมฆาเรือง​คน​ถัดไป​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​โอสถ​ทอง​แห่ง​ยอดเขา​เกิง​อวิ๋น​ตรงหน้า​ผู้​นี้​

ลู่​เฉิน​ขยับ​ไป​สอง​สามก้าว​ ตบ​ไหล่​หวง​จงโหว​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “คน​ที่​สามารถ​ไม่สนใจ​การ​ยุ​ให้​ดื่มเหล้า​จาก​คน​บางคน​ได้​ แล้ว​ยัง​ข่มขู่​คน​บางคน​ว่า​ดื่ม​ไป​หนึ่ง​กา​แล้ว​ต้อง​อาเจียน​ออกมา​สอง​กา​ มีไม่มาก​หรอก​นะ​ อย่าง​มาก​สุด​ผ่าน​ไป​อีก​ร้อย​ปี​เจ้าก็​สามารถ​เอาเรื่อง​นี้​ไป​คุยโว​กับ​คนอื่น​ได้​ทั่ว​แล้ว​”

ไม่รอ​ให้​หวง​จงโหว​คืนสติ​กลับมา​ นักพรต​ผู้​นั้น​ก็​หาย​ไป​ไม่เหลือ​เงาแล้ว​

หวง​จงโหว​รู้สึก​ผิดหวัง​อยู่​บ้าง​ ถึงกับ​ไม่ทราบ​นาม​ต้องห้าม​ของ​เจิน​เห​ริน​ท่าน​นี้​

ใน​ทะเลสาบ​หัวใจ​มีเสียง​ของ​เจิน​เห​ริน​ผู้​นั้น​ดัง​ขึ้น​มา “ฉายา​ของ​ผิน​เต้า​คือ​ ‘อี้​หมิง​’ (ไม่ระบุ​นาม​)”

หวง​จงโหว​รู้สึก​จนใจ​เป็น​ทบ​ทวี​ หลังจากนี้​จะอธิบาย​เรื่อง​นี้​ให้​ทาง​ศาล​บรรพ​จารย์​ฟังอย่างไร​ว่า​ผู้​มีพระคุณ​ที่​ช่วย​ให้​ภูเขา​เมฆาเรือง​บ้าน​ตน​ข้าม​พ้น​หายนะ​มาได้​คือ​นักพรต​ต่างถิ่น​ที่​มีฉายา​ว่า​ ‘อี้​หมิง​’?

อาณาเขต​ของ​สำนัก​โองการ​เทพ​ อาราม​เต๋า​มากมาย​ดุจ​ต้นไม้​ใน​ผืนป่า​ และ​ใน​อาราม​เต๋า​ขนาดใหญ่​ที่​เป็น​ศาล​บรรพชน​ใน​ภูเขา​ก็​กำลัง​จัด​งานพิธี​รับ​โองการ​นักพรต​ที่​สิบ​ปี​จะจัด​หนึ่ง​ครั้ง​ เพียงแต่ว่า​เมื่อ​เทียบ​กับ​พิธีการ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ใน​ครั้งก่อน​ๆ วันนี้​กลับ​มี ‘คนนอก​’ เพิ่ม​มาสอง​คน​ คน​หนึ่ง​คือ​ขุนนาง​กรม​พิธีการ​เมืองหลวง​สำรอง​ต้า​หลี​ที่​ตั้งใจ​เดินทาง​มาเยือน​สำนัก​โองการ​เทพ​โดยเฉพาะ​ อีก​คน​หนึ่ง​คือ​เต้า​ลู่​ที่อยู่​ใต้​การปกครอง​ของ​หน่วย​ฉงซวี​เมืองหลวง​ต้า​หลี​ มีหน้าที่​รับผิดชอบ​จดบันทึก​รายชื่อ​นักพรต​ทุกคน​ที่​ได้รับ​โองการ​นักพรต​ซึ่งเป็น​หนังสือรับรอง​การ​ออกบวช​

สำหรับ​เรื่อง​นี้​ลู่​เฉิน​ไม่ได้​มีความเห็น​ต่าง​อะไร​มาก​นัก​ หาก​พูด​ให้​ใหญ่​หน่อย​ก็​หนี​ไม่พ้น​ว่า​สว่าง​มีกฎหมาย​บ้านเมือง​ มืด​มีมรรค​กถา​ กฎ​แห่ง​เต๋า​ปกครอง​ตนเอง​ กฎหมาย​บ้านเมือง​ปกครอง​คน​

หรือ​หาก​จะพูด​ให้​สูงส่งลึกล้ำ​อีก​สักหน่อย​ กฎหมาย​บ้านเมือง​จัดการ​กับ​คน​ที่​ละเมิดกฎหมาย​ไป​แล้ว​ ส่วน​กฎ​แห่ง​เต๋า​กลับ​ตรวจสอบ​พันธนาการ​ใจคนใน​ช่วง​แรกเริ่ม​ของ​การ​หลงผิด​

บน​ภูเขา​ขนาดเล็ก​ที่​ห่าง​จาก​ศาล​บรรพ​จารย์​สำนัก​โองการ​เทพ​ไป​ไกล​มาก​ ใน​อาราม​เต๋า​ขนาดเล็ก​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ไม่สะดุดตา​ซึ่งแขวน​กรอบ​ป้าย​คำ​ว่า​ ‘อาราม​ชิวหา​ว’​ เอาไว้​ นักพรต​เฒ่าคน​หนึ่ง​กำลัง​นำพา​นักพรต​น้อย​กลุ่ม​หนึ่ง​ให้​ทำการบ้าน​ช่วง​ค่ำ​ พวกเขา​พา​กัน​ท่อง​คัมภีร์​ลัทธิ​เต๋า​บท​หนึ่ง​อย่าง​มีกฎเกณฑ์​ คน​ที่​อายุ​มาก​หน่อย​ก็​ท่องจำ​ อายุ​น้อย​หน่อย​ก็​ท่อง​เป็น​นกแก้ว​นก​ขุนทอง​ ทำเอา​ลู่​เฉิน​ที่​โผล่​หัว​มอง​มาจาก​หน้า​ประตู​ถอนหายใจ​ ไป​ดีกว่า​ ฟังแล้ว​หงุดหงิด​นัก​ เอา​สอง​มือ​ไพล่หลัง​ เดิน​โคลง​ศีรษะ​อยู่​ใน​อาราม​ เห็น​นักพรต​น้อย​คน​หนึ่ง​กวาด​พื้น​พลาง​ท่อง​ตำรา​ไป​ด้วย​ ท่อง​ได้​ไม่คล่อง​นัก​ มักจะ​ท่อง​ผิด​ๆ ถูกๆ​ อยู่​เสมอ​ เหมือนกับ​ว่า​ตัวเอง​เปิด​อ่านหนังสือ​ พอ​ท่อง​ผิด​ก็​ต้อง​ท่อง​วน​ใหม่​ตั้ง​แต่ต้น​ ลู่​เฉิน​ไม่รบกวน​ ‘การ​ฝึก​ตน​อย่าง​สงบ​ด้วย​วิธี​เฉพาะ​’ ของ​นักพรต​น้อย​ เขา​เดิน​ไป​ที่​ใต้​ต้นไม้​แล้ว​โยก​มัน​เบา​ๆ

กว่า​นักพรต​น้อย​จะกวาด​ใบไม้​ที่​ร่วง​เต็ม​พื้น​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ เป็น​นักพรต​อยู่​บน​ภูเขา​เซียน​ไม่ง่าย​เลย​จริงๆ​ นะ​ ต้นไม้​หลาย​ต้น​บน​ภูเขา​ล้วน​เขียวขจี​อยู่​ตลอดทั้ง​สี่ฤดูกาล​ ใบไม้​ร่วง​อยู่​ตลอด​ไม่มีวัน​หยุดพัก​ ไม่เหมือน​อาราม​ล่าง​ภูเขา​ที่​หาก​ต้อง​ทำความสะอาด​ก็​มีแค่​ฤดูใบไม้ร่วง​เท่านั้น​ที่​เหนื่อย​ที่สุด​ พอ​เข้า​หน้าหนาว​ก็​แอบ​อู้​ได้​แล้ว​

ผล​คือ​รอ​กระทั่ง​นักพรต​น้อย​หันหน้า​กลับมา​เห็น​ เจ้าตัวดี​ คนเลว​จาก​ไหน​กัน​ กิน​อิ่ม​ว่างงาน​แล้ว​ถึงได้มา​เขย่า​ต้นไม้​ให้​ใบไม้​ร่วง​ ด้วย​ความโมโห​ นักพรต​น้อย​จึงถือ​ไม้กวาด​พุ่ง​เข้า​ไปหา​ รอ​กระทั่ง​นักพรต​หนุ่ม​หันหน้า​กลับมา​ นักพรต​น้อย​ก็​ชั่งน้ำหนัก​อยู่​พัก​หนึ่ง​ หาก​ตี​กัน​ตน​ต้องสู้​ไม่ได้​แน่​ จึงใช้จังหวะ​นี้​วาง​ไม้กวาด​ลงพื้น​แสร้ง​ทำความสะอาด​พื้น​ต่อ​อีกครั้ง​

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​ถาม “เจ้าตัว​น้อย​ เคย​ปวารณา​ตน​ได้รับ​โองการ​หรือยัง​? ทุกวันนี้​เป็น​ลู่​เซิงแล้ว​ ได้​เพิ่ม​ยันต์​กี่​ครั้ง​แล้ว​?” (ผู้​ที่​เป็น​นักพรต​ของ​ลัทธิ​เต๋า​จะต้อง​มีการ​ปวารณา​ตน​เป็น​นักพรต​เต๋า​และ​ทำพิธี​รับ​โองการ​นักพรต​ ธรรม​โองการ​หรือ​ฝ่าลู่​ คือ​เอกสาร​ที่​นักพรต​เต๋า​จำเป็น​จะต้อง​ยึดถือ​ธำรง​ไว้​ และ​ขณะเดียวกัน​ก็​เป็น​ใบรับรอง​การ​บำเพ็ญ​ธรรม​และ​วิทยฐานะ​ของ​นักพรต​ โดย​เชื่อ​ว่า​โองการ​นี้​เปรียบเสมือน​ใบ​สัญญากับ​สวรรค์​ ว่า​จะต้อง​ต้อง​จิต​เผยแพร่​ธรรม​สั่งสมกุศล​ เมื่อ​กุศล​ถึงพร้อม​ก็​จะได้​บรรลุ​เป็น​เซียน​ โดย​จะมีฉายา​ทางธรรม​ มียันต์​ประจำ​ตน​)

นักพรต​น้อย​ร้อง​เหอะ​หนึ่ง​ที​ ไม่ใช่สมบัติ​ประจำ​ตระกูล​หรือ​ยันต์​ส่วนตัว​ที่​แค่​มีเงิน​ก็​ให้​กัน​ได้​เสียหน่อย​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ตน​ก็​ไม่มีเงิน​ด้วย​

มีเงิน​แล้ว​จะต้อง​มากวาด​พื้น​อยู่​ตรงนี้​หรือ​? ศิษย์​พี่​วัย​เดียวกัน​หลาย​คนใน​อาราม​ก็​ไม่ใช่ว่าที่​บ้าน​มีเงินถึง​ได้รับ​การ​ดูแล​เป็นพิเศษ​จาก​อาจารย์​ ไม่เคย​ล้าง​ห้องน้ำ​ล้าง​กระโถน​หรอก​หรือ​ แต่​ตน​กลับ​ไม่ได้​เป็น​อย่างนั้น​ ตอนนี้​ดีแล้ว​ เอา​อาจม​ไป​รด​สวนผัก​ ทำ​บ่อย​จน​เกิด​เป็น​ความชำนาญ​ กลายเป็น​ผู้เชี่ยวชาญ​ด้าน​นี้​แล้ว​

ลู่​เฉิน​นั่งลง​บน​ราว​รั้ว​ ด้านหลัง​คือ​สระน้ำ​ขนาดเล็ก​ที่​เลี้ยง​ปลา​หลี​ไว้​ สอง​มือ​กอดอก​เอ่ย​ว่า​ “เต๋า​อยู่​ที่​อึ​และ​ฉี่ ก็​ดีมาก​นี่​นะ​”

นักพรต​น้อย​ถูก​พูด​แทง​เรื่อง​เจ็บปวด​ใน​ใจจึงเงยหน้า​ขึ้น​ถลึงตา​ใส่ เห็น​ว่า​นักพรต​หน้า​เหม็น​ที่​ไม่รู้​ว่า​มาจาก​ไหน​ผู้​นั้น​กำลัง​ยก​มือขึ้น​ งอ​นิ้ว​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ นักพรต​น้อย​จึงเข้าใจ​ ‘คำเตือน​’ ของ​อีก​ฝ่าย​ได้​ทันที​ จึงได้​แต่​ก้มหน้า​ลง​ไป​ กวาด​พื้น​ต่อ​อย่าง​อัดอั้น​ แล้วก็​จริง​ดัง​คาด​ นักพรต​คน​นั้น​พึมพำ​กับ​ตัวเอง​ว่า​ “เรือน​กาย​ที่​แข็งแกร่ง​นี้​ของ​ผิน​เต้า​ล้วน​เป็นกำลัง​ทรัพย์​ที่​สะสมมาจาก​การ​ปลูก​ต้นไม้​ ตัด​ต้นไม้​ แล้วก็​ปลูก​ต้นไม้​อีกครั้ง​อย่าง​ยากลำบาก​ตลอด​หลาย​ปี​ ฝีมือ​ย่อม​ร้ายกาจ​ ชายฉกรรจ์​ทั่วไป​ขยับ​เข้าใกล้​ร่าง​ผิน​เต้า​ไม่ได้​หรอก​นะ​”

นักพรต​น้อย​พึมพำ​เสียง​เบา​ “ท่าน​บรรพ​จารย์​พูดถึง​จะดี​ถึงจะถูก​ เจ้าพูด​มาล้วน​มีแต่​ผายลม​”

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​ถาม “นี่​เพราะเหตุใด​ ไม่ใช่ว่า​คำพูด​เหมือนกัน​ก็​ต้อง​มีหลักการ​เหตุผล​เหมือนกัน​หรอก​หรือ​?”

นักพรต​น้อย​เพิ่ม​แรง​กวาด​จน​ใบไม้​ปลิว​กระจาย​ไป​ทั่ว​ “จะเหมือนกัน​ได้​อย่างไร​ ต้อง​ไม่เหมือนกัน​อยู่แล้ว​ เอาเป็นว่า​หลักการ​เหตุผล​น่ะ​ข้า​เข้าใจ​ ก็​แค่​พูด​ไม่เป็น​”

ลู่​เฉิน​ถาม “หรือ​จะเหมือน​ประโยค​ที่ว่า​ ‘หาก​คน​บน​โลก​เอาอย่าง​ข้า​ ก็​เหมือน​เดิน​เข้าสู่​วิถี​มาร​’?”

นักพรต​น้อย​เงยหน้า​ขึ้น​ “หมายความว่า​ไง? เป็น​เกา​เจิน​ท่าน​ไหน​พูด​ใน​ตำรา​เล่ม​ใด​?”

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​เอ่ย​ “เป็น​ภิกษุ​สมณศักดิ์​สูงของ​ลัทธิ​พุทธ​เป็น​คนพูด​”

อันที่จริง​ลู่​เฉิน​รู้​ ‘ความคิด​วุ่นวาย​เหลวไหล​’ ของ​นักพรต​น้อย​แล้ว​ คำตอบ​ใน​ใจค่อนข้าง​น่าสนใจ​ แต่​เพียงแค่​เพราะ​นักพรต​น้อย​พูดไม่ออก​เท่านั้น​จริงๆ​

นักพรต​น้อย​ร้อง​อ้อ​หนึ่ง​ที​ “เจ้าเข้าใจ​อะไร​ไม่น้อย​เลย​”

ก้มหน้า​มอง​ใบไม้​ร่วง​เต็ม​พื้น​ ขณะเดียวกัน​ก็​นินทา​ใน​ใจไป​ประโยค​หนึ่ง​ ทำไม​ไม่ทำตัว​เป็น​คนดี​ๆ

ลู่​เฉิน​ถาม “เจ้าชื่อว่า​อะไร​?”

นักพรต​น้อย​ก้มหน้า​กวาด​ใบไม้​ร่วง​ใส่ที่​ตัก​ผง​อย่าง​หมดอาลัยตายอยาก​ เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “ท่าน​นักพรต​เรียก​ข้า​ว่า​อา​โห​ย่ว​ก็ได้​แล้ว​ โห​ย่ว​ที่​แปล​ว่า​ยาม​โห​ย่ว​น่ะ​”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!