กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 914

เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ หัวเราะร่าเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าข้าเป็นหมอดูที่ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าหรืออย่างไร หรือจะให้ข้าเอาหัวโหม่งใต้หล้าห้าสีให้เปิดออกแล้วค่อยตะเบ็งเสียงบอกพวกเจ้า?”

หลิวเจินอี้สะอึกอึ้งไปทันใด

ฉางไท่ชิงกลั้นขำ

เฉินผิงอันยื่นมือข้างหนึ่งออกมา ใช้นิ้วเคาะหน้าโต๊ะ เอ่ยเนิบช้าว่า “มีข้อเสนออยู่อย่างหนึ่ง พวกเจ้าลองฟังดู สายอิ่นกวานสามารถบุกเบิกนครแห่งหนึ่งขึ้นมาโดยเฉพาะ พวกเราควักเงินกันเอง ไม่ต้องไปเปิดปากขอจากจวนเฉวียนฝู่ แน่นอนว่าหากคนเขายินดีให้ก็อย่าเกรงใจ

ยิ่งนครแห่งนี้มีขนาดใหญ่เท่าไรก็ดีเท่านั้น สามารถสร้างหุบเขาน้อยใหญ่ในรัศมีแปดร้อยลี้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของนครปี้สู่ คนของคฤหาสน์หลบร้อน นอกจากผู้ฝึกกระบี่ที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญหลายคนแล้ว บางทีอาจต้องวางงานในมือลงชั่วคราว แน่นอนว่าหากทำควบคู่ไปได้ย่อมดีที่สุด ไป…แย่งคนมา”

สีหน้าของฉางไท่ชิงกระตือรือร้นขึ้นมาทันใด เอ่ยว่า “จะแย่งมาแค่ไหน?”

เฉินผิงอันเอ่ยต่ออีกว่า “ภายในสามสิบห้าสิบปีพยายามแย่งคนจากฝูเหยาทวีปและใบถงทวีปมาให้ได้ประมาณหกแสนถึงหนึ่งล้านคน ในบรรดาคนเหล่านี้จะมีผู้ฝึกลมปราณหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ส่วนการสร้างนครแห่งใหม่ มีประสบการณ์ของนครปี้สู่ก่อนหน้านี้แล้วก็ไม่ต้องให้คนนอกมาช่วย แต่เรื่องของการชักนำกระแสคนจากทิศเหนือและทิศใต้ หากไม่มีผู้ฝึกกระบี่ร้อยคนมาให้การคุ้มครอง ช่วยเปิดทางให้ ก็ยากที่จะรับรองได้ว่าจะไม่มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น ระหว่างนี้จำเป็นต้องใช้เรือข้ามฟากตระกูลเซียนจำนวนมาก รวมไปถึงเส้นทางการเดินเรือที่มั่นคงสองเส้น กำหนดเส้นทางในแผนที่อย่างละเอียดและแม่นยำ สร้างจุดพักระหว่างทางติดต่อกัน ต้องได้รับการร่วมมือจากสายสิงกวานและสายเฉวียนฝู่ แต่จำไว้ข้อหนึ่งว่า พวกเขาแค่ร่วมมือกับพวกเรา รวมถึง…”

หวังซินสุ่ยหัวเราะหึหึ เอ่ยต่อคำ “ไม่มีค่าตอบแทน!”

หลัวเจินอี้เลิกคิ้วขึ้น “พูดถึงเรื่องค่าตอบแทนอะไรกัน เกี่ยวพันกับกิจการใหญ่พันปีของนครบินทะยาน เดิมทีก็ควรร่วมมือกันอย่างจริงใจอยู่แล้ว”

“เรื่องแย่งตัวคน ไม่ว่าผู้ฝึกลมปราณอะไรก็ไม่ต้องเห็นเป็นสมบัติล้ำค่า หากได้ตัวมาด้วยก็ดีที่สุด ไม่มีก็ไม่เป็นไร มีเพียงผู้ฝึกตนสำนักกสิกรรมเท่านั้นที่ต้องแย่งมาให้ได้ ข้ารู้ว่าตอนนี้พวกเขาสูงศักดิ์ล้ำค่าอย่างมาก กองกำลังแต่ละฝ่ายต่างก็ยกย่องเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ ไม่แน่เสมอไปว่าเพิ่งจะได้ลงหลักปักฐานแล้วจะยอมเดินทางไกล พลัดที่นาคาที่อยู่ ดังนั้นต่อให้ต้องเอาถุงป่านครอบหัวแล้วทุบหัวมาก็ต้องทำ ในเมื่อมีมารยาทก่อนแล้วค่อยใช้กำลังไม่อาจทำได้แล้ว การใช้กำลังก่อนแล้วค่อยมีมารยาทก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก สายอิ่นกวานของพวกเราสามารถให้คำสัญญากับผู้ฝึกตนเหล่านี้ว่าจะมอบสถานะผู้ถวายงานและเค่อชิงให้แก่พวกเขา จำนวนของผู้ฝึกลมปราณสำนักกสิกรรมกลุ่มนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมียี่สิบสามสิบคน ยิ่งมีมากก็ยิ่งมีประโยชน์มาก”

“หากว่ามีการทำข้อตกลงกับพวกเขาก่อน อันดับแรกนอกจากจะรับรองผลประโยชน์ส่วนตัวของพวกเขาแล้วยังสามารถอนุญาตให้พวกเขาพาคนออกจากบ้านเกิดเดินทางมายังเมืองใหม่ สามารถเป็นญาติหรือคนในครอบครัว แล้วก็สามารถเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอด ก็เหมือนพวกเจ้าให้สำมะโนครัวของนครปี้สู่ ต่อให้ในอนาคตออกจากสำมะโนครัวนี้ไปแล้ว ต่างคนต่างหวนกลับคืนสู่มาตุภูมิ ก็ยังสามารถมองเป็นเอกสารที่พิเศษอย่างหนึ่ง สามารถ ‘มอบบรรดาศักดิ์’ ให้กับคนสามรุ่น ความหมายก็คือรุ่นลูกรุ่นหลานของพวกเขา ในอนาคตสามารถอาศัยสิ่งนี้มานำทาง ภายในเวลาร้อยปีก็จะสามารถเข้าออกพื้นที่ใต้อาณัติทั้งหมดของนครบินทะยานซึ่งรวมถึงนครปี้สู่ได้อย่างเสรี”

หวังซินสุ่ยพยักหน้า “ต้องให้ทุกคนของใต้หล้าห้าสีรู้สึกว่าการได้รับสำมะโนครัวและเอกสารผ่านด่านที่นครบินทะยานมอบให้คือเกียรติยศพิเศษอย่างหนึ่ง เดิมทีนี่ก็สามารถเรียกให้คนต่างถิ่นมาตั้งรกรากที่นี่ได้อยู่แล้ว”

“อีกอย่าง ภายในเวลาหกสิบปี ผู้ฝึกตนของนครบินทะยานจะต้องให้ความเคารพที่เพียงพอต่อพวกเขาตามกรอบของกฎเกณฑ์ เมื่อกำหนดเวลาหกสิบปีมาถึง หากพวกเขายังจะจากไปก็ไม่รั้งตัวไว้ ใครที่ควรจ่ายเงินก็จ่ายเงิน ไม่ต้องลังเล ถือเสียว่าเป็นการพบเจอที่ดีและจากลากันที่ดี ทั้งสองฝ่ายเหลือความสัมพันธ์ควันธูปที่เป็นดั่งน้ำเส้นเล็กไหลยาวไว้ส่วนหนึ่ง”

“ดังนั้นหากพวกเราออกไปจากนครบินทะยานแล้ว คิดอยากจะไปเปิดภูเขาตั้งสำนัก หรือไม่ก็ไปหาสถานะในวงการขุนนางของราชวงศ์ใหม่หรือแคว้นใต้อาณัติบางแห่ง พวกเราก็สามารถช่วยผลักดันได้ ยกตัวอย่างเช่นผู้ฝึกกระบี่สายคฤหาสน์หลบร้อนยังถึงขั้นสามารถรับตำแหน่งผู้ถวายงาน หรือเค่อชิงในช่วงเวลาที่กำหนดได้ จำไว้ว่าจะต้องกำหนดระยะเวลาให้ดี ไม่อย่างนั้นจะไม่คุ้มค่ามากเกินไป เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ฝึกตนสำนักกสิกรรมกลุ่มนี้จึงไม่มีความกังวลภายหลัง การเดินทางหกสิบปีในนครบินทะยานก็จะกลายมาเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าครั้งหนึ่ง เดิมทีก็เป็นการค้าขายที่ฝืนเด็ดแตงก่อนเวลา (เปรียบเปรยว่าทำอะไรก่อนเวลาที่เหมาะสม เหมือนการฝืนเด็ดแตงก่อนเวลาแตงย่อมไม่หวาน) แต่กลับทำให้คนรู้สึกว่ายิ่งเคี้ยวยิ่งหวาน”

ฟังมาถึงตรงนี้ หลัวเจินอี้ก็ถามหยั่งเชิงว่า “หากพวกเราหากองกำลังบนภูเขากลุ่มของผู้ฝึกตนสำนักกสิกรรมเจออย่างลับๆ สามารถปรึกษากันโดยที่ไม่ต้องให้พวกเราแย่งตัวคนได้หรือไม่? ไม่แน่ว่ากองกำลังมากมายอาจยินดีเสนอตัวมาร่วมมือกับพวกเราก็ได้ เพราะตามรายงานต่างๆ ที่คฤหาสน์หลบร้อนรวบรวมมาในเวลานี้ ผู้ฝึกตนสำนักกสิกรรมสองแห่งที่อยู่เหนือใต้ บ้างก็เป็นผู้ฝึกลมปราณที่เสนอตัวเอง บ้างก็ได้รับคำสั่งจากคนอื่น ต่างก็เริ่มลดธรณีประตูให้ต่ำลง ทำการกวาดหาลูกศิษย์อย่างกำเริบเสิบสาน แล้วนับประสาอะไรกับที่เดิมทีธรณีประตูของผู้ฝึกตนสำนักกสิกรรมก็ไม่สูงอยู่แล้ว เมื่อก่อนอยู่ที่ใต้หล้าเปลี่ยวร้างและใต้หล้าไพศาล เพียงแค่เนื่องจากฐานะต่ำ ผลประโยชน์น้อย ถึงได้ไม่มีใครยินดีจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักกสิกรรม วันนี้ไม่เหมือนในอดีตแล้ว พอฐานะสูงขึ้น ผลประโยชน์ก็มากขึ้น ดังนั้นที่ใต้เท้าอิ่นกวานบอกว่าสามสิบ อันที่จริงก็ไม่ได้มากเลย ไม่แน่ว่าพวกเราหาพรรคสักสองสามแห่งก็น่าจะได้แล้ว”

ตอนนี้ต่อให้เป็นคนโง่ก็ยังรู้ว่านครบินทะยานที่อยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร้างหมายความว่าอย่างไร ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีคนพยายามทุ่มความคิดจิตใจคาดเดาไปอย่างส่งเดชว่าสรุปแล้วจะกลายเป็นศาลบุ๋นแผ่นดินกลางของใต้หล้าไพศาลหรือจะเป็นป๋ายอวี้จิงแห่งใต้หล้ามืดสลัวกันแน่

เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย คล้ายกับว่ามีความกังวลบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วก็ยังพยักหน้า “เรื่องนี้สามารถทำได้ พวกเจ้ารีบกำหนดระเบียบข้อบังคับคร่าวๆ มาเถอะ”

หลัวเจินอี้คิดแล้วก็ให้สัญญาว่า “ภายในหนึ่งวันพวกเราก็จะได้แผนการคร่าวๆ แล้ว”

น่าเสียดายที่พวกหลินจวินปี้ไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นหลัวเจินอี้จะต้องมีความมั่นใจมากกว่านี้

กลิ่นอายของบัณฑิต ความสูงส่งสง่างามของปัญญาชน มักรู้สึกว่าทำเรื่องในใต้หล้าได้ แต่แท้จริงแล้วถึงขั้นที่ว่าทำเรื่องข้างมือแค่ไม่กี่เรื่องไม่ได้ด้วยซ้ำ

ผู้ฝึกกระบี่แห่งไพศาลทั้งหลายอย่างพวกหลินจวินปี้ เฉากุ่น ปีนั้นแม้ว่าอายุยังน้อย แต่บนเส้นทางของเศรษฐกิจกลับคล่องแคล่วชำนาญอย่างถึงที่สุด

ฉางไท่ชิงตระหนักได้ถึงภัยแฝงข้อหนึ่งจึงถามว่า “หากว่าแค่ตีหัวแย่งคน ปัญหาไม่มาก แต่หากต้องเกี่ยวพันกับราชวงศ์ล่างภูเขาและกองกำลังบนภูเขามากเกินไป เมื่อเป็นเช่นนี้ คฤหาสน์หลบร้อนของพวกเราอาจหลีกเลี่ยงปัญหาหลายอย่างไม่ได้ นี่จะส่งผลกระทบต่อฐานะที่โดดเด่นของสายอิ่นกวานในนครบินทะยานหรือไม่?”

แม้ว่าฉางไท่ชิงกับหลัวเจินอี้จะเป็นภูเขาลูกเดียวกัน แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญ ฉางไท่ชิงย่อมไม่มีทางเก็บออมคำพูดเพียงเพราะมิตรภาพส่วนตัวเด็ดขาด

นับประสาอะไรกับที่คฤหาสน์หลบร้อนก็มีความรู้ใจกันมานานแล้ว ถูกเรื่องไม่ถูกคน ในเมื่อไม่มีใครที่สามารถไม่ทำผิด ถ้าอย่างนั้นใครก็ล้วนสามารถตรวจสอบชดเชยช่องโหว่ให้กับคนอื่นได้

เฉินผิงอันพยักหน้า “แน่นอนว่าต้องมี หากกะน้ำหนักไม่ดี พวกเราก็จะได้ไม่คุ้มเสีย หากในอนาคตมีวันใดที่นครบินทะยานและกองกำลังใต้อาณัติทั้งหมดตั้งคำถามกับการลงโทษและให้รางวัล การลงมือหนักเบาของผู้ฝึกกระบี่สายอิ่นกวาน อาจกลายเป็นปัญหาแน่นอน กลายเป็นเกิดความเคยชินที่จะสงสัยว่าสายอิ่นกวานควรจะลงมือกับคนบางคนหรือไม่ นี่หมายความว่าคฤหาสน์หลบร้อนเกิดปัญหาใหญ่แล้ว”

หลัวเจินอี้รู้สึกละอายใจเล็กน้อย เป็นตนที่คิดง่ายไป

มิน่าเล่าเมื่อครู่ใครบางคนถึงได้ลังเล เป็นเพราะคาดการณ์ได้ถึงภัยแฝงข้อนี้โดยไล่ตามเส้นสายที่ขยายยาวออกไปเส้นนี้?

เฉินผิงอันยิ้มมองไปที่พวกเขา ราวกับกำลังพูดว่าพวกเจ้าทำอะไร ก็ไม่ใช่เพื่อแก้ไขปัญหาหรอกหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!