บทที่ 921.2 ยืมพันภูเขาหมื่นสายน้ำจากท่านทั้งหลาย (บน) – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!
ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 921.2 ยืมพันภูเขาหมื่นสายน้ำจากท่านทั้งหลาย (บน) จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
หลิ่วซวี่ฟังมาถึงตรงนี้ก็หัวเราะ “เถ้าแก่รองก็พูดกับเจ้าตามมารยาทเท่านั้น อย่าได้คิดเป็นจริงเป็นจัง”
หยวนเซวียนสะอึกอึ้ง กระดกเหล้าดื่มอึกใหญ่เงียบๆ
ฝานอวี้และผู้ฝึกกระบี่เฒ่าหันมามองหน้าแล้วยิ้มให้กัน หลิ่วซวี่พูดถูกจริงเสียด้วย
คงเป็นเพราะเชื่อในคำพูดของเด็กหนุ่ม หลิ่วซวี่จึงวางตะเกียบลง ยกชามเหล้าขึ้นให้กับคนทั้งสาม แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กระดกดื่มหมดชาม
หยวนเซวียนเองก็เอาอย่าง แข็งใจดื่มเหล้าภูเขาชิงเสินที่เหลือครึ่งชามจนหมดในรวดเดียว
ผู้ติดตามทั้งสองรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก แล้วก็ยกชามเหล้าดื่มจนหมดชามเช่นเดียวกัน
“เสี่ยวเซวียน มีเวลาว่างก็พาพี่หลิวกับแม่นางฝานไปเป็นแขกที่หลัวหม่าเหอด้วยกัน”
หลิ่วซวี่ลุกขึ้นยืนกุมหมัดเอ่ยลา สุดท้ายยิ้มเอ่ย “อย่าลืมจ่ายเงินด้วยล่ะ”
หยวนเซวียนรอกระทั่งท่านลุงหลิ่วเดินออกไปจากร้านอาหารขนาดเล็กแล้วถึงได้สูดลมหายใจเข้าลึก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีสีหน้าผ่อนคลายอีก
ผู้เฒ่าใช้เสียงในใจยิ้มกล่าว “นายน้อย คราวนี้ได้สัมผัสกับบารมีของเซียนกระบี่คอขวดขอบเขตก่อกำเนิดคนหนึ่งกับตัวเองแล้วสินะ?”
หยวนเซวียนพยักหน้ารับอย่างแรง
ท่านลุงหลิ่วเมื่อครู่นี้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
บุรุษเดินอยู่ในตรอกเล็กเพียงลำพัง
เรื่องบางอย่างก็เหมือนการดื่มเหล้า ออกฤทธิ์ร้อนแรง
ก็เหมือนกับการเคยไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่
……
ศาลชิวเฟิงของแจกันสมบัติทวีป จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ถูกใครยึดครอง บนทะเลมีเรือประหลาดลำหนึ่งที่ล่องลอยไม่หยุดนิ่ง หอชมมหาสมุทรบนภูเขาของเกราะทองทวีปที่เซียนเจินยุคบรรพกาลเป็นผู้มอบวาสนาให้ สายแร่ที่ซ่อนแฝงซึ่งมีโอกาสทางการค้าและความร่ำรวยมหาศาลของฝูเหยาทวีป ซากปรักวังมังกรและซากปรักจวนเซียนมากมายที่หายสาบสูญไปในสี่มหาสมุทร พากันผุดลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง…
นี่ก็คือผลลัพธ์จากการที่ใต้หล้าไพศาลเชื่อมโยงกับใต้หล้าเปลี่ยวร้าง จากนั้นก็เชื่อมโยงเข้ากับใต้หล้ามืดสลัวในชั่วระยะเวลาสั้นๆ
สำนักอวี่หลงแห่งใหม่มีเซียนกระบี่หญิงอยู่คนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ได้มาคิดบัญชีกับอวิ๋นเชียน
คือน่าหลันไฉ่ฮ่วนแห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่
นี่ทำให้อวิ๋นเชียนที่ช่วงหลายปีมานี้ยุ่งจนหัวไม่วางหางไม่เว้นรู้สึกโล่งอก
จัดการกิจธุระของสำนักไม่ใช่สิ่งที่อวิ๋นเชียนถนัดเลยจริงๆ ดังนั้นอวิ๋นเชียนจึงทำตามข้อตกลงลับในอดีตอย่างไม่ลังเล ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เป็นฝ่ายลาออกจากตำแหน่งเจ้าสำนัก ให้คนนอกอย่างน่าหลันไฉ่ฮ่วนมารับหน้าที่แทน ส่วนตัวเองหันไปเป็นบรรพจารย์ผู้คุมกฎ
โชคดีที่สำนักอวี่หลงในทุกวันนี้ไม่ได้เป็นสำนักใหญ่ที่ยึดมั่นในแนวทางเก่าอย่างในอดีตอีกแล้ว คำสั่งสอนของบรรพบุรุษและกฎระเบียบของศาลบรรพจารย์เก่าไร้ประโยชน์ไปนานแล้ว บวกกับที่อวิ๋นเชียน ‘อดีตเจ้าสำนัก’ ยังเป็นผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนเพียงหนึ่งเดียว รวมถึงชาติกำเนิดและขอบเขตบนวิถีกระบี่ของน่าหลันไฉ่ฮ่วนที่วางอยู่ตรงนั้นอย่างชัดเจน นี่จึงเป็นเหตุให้การเปลี่ยนเจ้าสำนักนับว่าราบรื่น
น่าหลันไฉ่ฮ่วนพาผู้ฝึกตนคนสนิทกลุ่มหนึ่งเข้ามาอยู่ในสำนักอวี่หลงด้วยกัน จำนวนคนไม่มาก แค่หกคน สามคนเป็นผู้ฝึกกระบี่ สามคนเป็นผู้ฝึกตนผี ทั้งหกคนต่างก็เป็นเซียนดิน
เพียงแค่จัดพิธีปลดระวางเจ้าสำนักและพิธีรับสืบทอดตำแหน่งอย่างขอไปทีในศาลบรรพจารย์ที่สร้างขึ้นใหม่เท่านั้น
บอกตามตรง อวิ๋นเชียนเองก็ไม่อาจเชื้อเชิญผู้ฝึกตนใหญ่ที่มีน้ำหนักอะไรมากมาได้เหมือนกัน ในอดีตนางพาลูกศิษย์ของสำนักออกเดินทางไปหาประสบการณ์ในสามทวีปทางตะวันออกก็ไม่ได้สะสมความสัมพันธ์ควันธูปบนภูเขาไว้มากนัก
วันนี้การประชุมในศาลบรรพจารย์สิ้นสุดลง ผู้ฝึกตนที่มีเก้าอี้ต่างก็แยกย้ายกันไปนานแล้ว ต่างคนต่างกลับบ้านของตัวเอง สำนักมีคนน้อยก็มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรก็ยังได้ครอบครองเกาะใหญ่แห่งหนึ่งบนทะเล บุกเบิกเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของตัวเอง
มีเพียงผู้คุมกฎของสำนักที่ยังอยู่ต่อ
เวลานี้น่าหลันไฉ่ฮ่วนนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเจ้าสำนักในตำแหน่งประธาน ยกขานั่งไขว่ห้างผึ่งผาย พลิกเปิดทำเนียบขุนเขาสายน้ำบางๆ เล่มหนึ่ง
ในอดีตตอนอยู่ในห้องบัญชีของเรือนชุนฟาน เหล่าเหนียงก็มีกิริยาท่าทางเช่นนี้ ใครจะมาบังคับข้าได้?
แน่นอนว่ามีเพียงตอนที่คนบางคนมาตรวจบัญชีที่ภูเขาห้อยหัวเท่านั้น น่าหลันไฉ่ฮ่วนถึงจะยอมสงบเสงี่ยมสำรวมตนมากหน่อย
อันที่จริงน่าหลันไฉ่ฮ่วนมาเข้าร่วมการประชุมศาลบรรพจารย์ของสำนักอวี่หลงครั้งแรก ทุกคนที่ได้ยินชื่อนางต่างก็ไม่มีความเห็นต่างใดๆ
แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าไม่มีความเห็นต่างจริงๆ แต่เป็นเพราะไม่กล้ามี หรือควรจะพูดว่าไม่กล้าแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาทางสีหน้า หากน่าหลันไฉ่ฮ่วนผู้นั้นเห็นเข้า สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจะถูกเซียนกระบี่คอขวดขอบเขตก่อกำเนิดคนหนึ่งสับร่างแล้วโยนไปให้ปลากินหรือไม่?
ใช้เหตุผลกับเจ้า? ด้วยกระบี่บิน ขอบเขตและนิสัยในการกระทำเรื่องต่างๆ ของน่าหลันไฉ่ฮ่วนเองแล้ว ล้วนเป็นเหตุผลอันไร้เสียงที่วางให้เห็นกันทนโท่
ต้องรู้ว่าบนสนามรบที่บ้านเกิดของเจ้าสำนักคนใหม่ผู้นี้ น่าหลันไฉ่ฮ่วน ฉีโซ่ว และหมี่อวี้ที่ตอนอยู่ขอบเขตก่อกำเนิดก็ได้ฉายาหมี่ผ่าเอวมาครองแล้ว ต่างก็เป็นพวกที่ใช้วิธีการสังหารปีศาจเหมือนกัน กระหายเลือด อำมหิตไร้ปราณี ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่ตกอยู่ในเงื้อมมือพวกเขา ไม่มีสักคนที่มีจุดจบดี
นี่จึงเป็นเหตุให้น่าหลันไฉ่ฮ่วนกับอวิ๋นเชียนที่นิสัยอ่อนโยน พูดจานิ่มนวล เจ้าสำนักสองรุ่น หนึ่งคือฟ้าหนึ่งคือดิน
น่าหลันไฉ่ฮ่วนกวาดตามองไม่กี่ทีก็อ่านทำเนียบศาลบรรพจารย์ที่มีอาเหมาอาโก่วอยู่แค่ไม่กี่คนจบ จึงได้แต่เปิดอ่านซ้ำอีกรอบ เหล่ตามองอวิ๋นเชียน ยิ้มถามว่า “ได้ยินว่าเจ้าไปหาตำหนักสุ่ยจิงหลายครั้งแล้วหรือ?”
อวิ๋นเชียนเอ่ยอย่างเขินอายระคนละอายใจ “ล้วนกลับมามือเปล่าทุกครั้ง”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนไม่รู้ว่าโทสะผุดมาจากไหน “เจ้าคิดว่าเผ่าปีศาจของเปลี่ยวร้างล้วนเป็นพวกคนโง่ที่มีสมบัติหล่นอยู่บนพื้นแล้วไม่รู้จักเก็บงั้นหรือ? อวิ๋นเชียน มีบรรพจารย์ผู้คุมกฎที่เป็นเช่นเจ้า เจ้าสำนักอย่างข้าช่างโชคดีสามภพสามชาติจริงๆ”
อวิ๋นเชียนหน้าแดงเล็กน้อย ไม่เอ่ยอะไร
อวิ๋นเชียนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที “เจ้าสำนัก วันหน้าอย่าได้ล้อเล่นแบบนี้อีก”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนมองเทือกเขาที่ขยับขึ้นลงของนาง แล้วค่อยก้มลงมองหน้าอกของตัวเอง เอ่ยเสียงแผ่วต่ำว่า “คนเปรียบเทียบกับคนชวนให้คนโมโหตาย”
อวิ๋นเหยียนจึงได้แต่หลับตาทำสมาธิ
น่าหลันไฉ่ฮ่วนปิดสมุดทำเนียบเล่มนั้นลง ทำท่าเอามาปาดคอ พูดเหมือนล้อเล่นว่า “อวิ๋นเชียน ไม่อย่างนั้นให้ข้าช่วยเจ้าจัดการก่อกำเนิดที่เอาแต่กินข้าวสิ้นเปลืองโดยไม่ยอมทำอะไรผู้นี้ดีไหม? เก็บเขาไว้ก็ไม่มีความหมาย ทั้งหงุดหงิดใจทั้งขวางหูขวางตา”
หลักๆ แล้วเป็นเพราะทุกปีจะต้องได้เงินเดือนจำนวนที่ไม่น้อยตามกำหนด ทำให้น่าหลันไฉ่ฮ่วนเสียดายทุกครั้งที่นึกถึง
อวิ๋นเชียนลืมตาขึ้นทันที เอ่ยด้วยสีหน้าตระหนกลน “จะทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้จะแค่ยกเลิกสถานะของเขาในศาลบรรพจารย์ก็ยังต้องหาเหตุผลที่ถูกต้องชอบธรรม ไม่อย่างนั้นวันหน้าสำนักอวี่หลงของพวกเราก็ยากจะรับสมัครผู้ถวายงานหรือเค่อชิงคนใหม่มาได้แล้ว ต่อให้มีคนยินดีมาสวามิภักดิ์พวกเรา พวกเราจะกล้ารับไว้จริงๆ หรือ?”
อวิ๋นเชียนพูดเสียงหนักด้วยสีหน้าจริงจัง “น่าหลันไฉ่ฮ่วน แม้ว่าข้าจะไม่เชี่ยวชาญศาสตร์ของการดำเนินกิจการ ยิ่งไม่เหมาะจะเป็นเจ้าสำนักที่ควบคุมดูแลสถานการณ์ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรข้าก็เข้าใจหลักการเหตุผลข้อหนึ่ง หากเรื่องเรื่องหนึ่งแค่ไม่ตรงใจเล็กน้อยก็ใช้วิธีการสังหารคนมาแก้ไขปัญหา เป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำเด็ดขาด หากเจ้ายืนกรานจะทำเช่นนี้ ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็คงไม่กล้าให้เจ้าเป็นเจ้าสำนักของสำนักอวี่หลงต่อไปแล้ว เจ้าจะด่าว่าข้าชิงบัลลังก์ก็ได้ จะว่าข้าผิดคำสัญญาก็ได้ ข้าจะต้องอธิบายหลักการเหตุผลข้อนี้ให้เจ้าฟังอย่างชัดเจน ข้ายินดีให้สำนักอวี่หลงแตกแยก ผู้ฝึกตนพลัดพรากจากถิ่นฐาน ต่อให้นับแต่นี้ต้องสูญเสียชื่ออักษรจงไปอย่างสิ้นเชิงก็จะไม่ยอมให้ตัวเองมอบสำนักให้กับผู้ฝึกตนที่ชอบการเข่นฆ่ากับมือตัวเอง ข้าจะไม่ยอมทนมองสำนักอวี่หลงเดินหลงผิดเด็ดขาด”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนเอนตัวไปด้านหลัง ยกขานั่งไขว่ห้าง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ไม่เอ่ยอะไร สองนิ้วเคาะที่เท้าแขนเป็นระยะ
อวิ๋นเชียนมองสบตากับนาง สายตาเด็ดเดี่ยว
น่าหลันไฉ่ฮ่วนพลันคลี่ยิ้มกว้าง “ก็ได้ๆ ข้าก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ดูเจ้าทำท่าจริงจังเข้าสิ ก่อกำเนิดผู้นั้น ข้าจะอธิบายเหตุผลให้เขาฟังดีๆ อีกทั้งจะต้องเรียนรู้เอาจากเจ้าให้มาก จะใช้ท่าทีที่จิตใจสงบเป็นกลาง สีหน้าเป็นมิตรและน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับสายฝนพร่างพรมคุยกับเขา รับรองว่าต้องสามารถทำให้บุคคลอันดับสี่แห่งสำนักอวี่หลงผู้นี้เก็บความคิดจิตใจที่ไม่เหมาะไม่ควรแล้วยอมให้สำนักอวี่หลงของพวกเราใช้งานอย่างแน่นอน”
ตนพูดได้ก็ต้องทำได้แน่นอนอยู่แล้ว
วันหน้าจะไปหาก่อกำเนิดเฒ่าผู้นั้น ถามเขาว่าอยากตายหรือไม่ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่อยากตาย ก่อกำเนิดเฒ่าไม่ใช่คนโง่ ต้องไม่อยากตายแน่ ต่อจากนั้นนางก็จะถามคำถามที่สอง วันหน้าจะตั้งใจฝึกตนให้มาก ช่วยทำธุระให้กับสำนักมากหน่อยก็จะได้เงินมากหน่อยหรือมา กับผู้คุมกฎอวิ๋นเชียนของพวกเราก็เก็บน้ำลายที่ไหลหกให้ดี บางทีก่อกำเนิดเฒ่าอาจปากไม่ตรงกับใจ ถ้าอย่างนั้นก็มอบกระบี่ให้เขาหนึ่งที บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ฆ่าคน ถ้าอย่างนั้นก่อกำเนิดเฒ่าก็ต้องจดจำบทเรียนได้แล้ว สุดท้ายถามคำถามอีกข้อ กล้าแอบออกไปจากสำนักอวี่หลงหรือไม่ อยากจะเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ตลอดทั้งปีอีกหรือไม่
อวิ๋นเชียนถามหยั่งเชิง “เจ้าสำนักไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ หรือ?”
น่าหลันไฉ่อ่วนรู้สึกจนใจเล็กน้อย ลำพังแค่คำเรียกขานก็รู้ความคิดของอวิ๋นเชียนแล้ว
น่าหลันไฉ่ฮ่วนรู้สึกตัดใจที่จะปั่นหัว กลั่นแกล้งนางไม่ลงบ้างแล้ว จึงเปลี่ยนความคิด ใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “อันที่จริงข้าเป็นขอบเขตหยกดิบแล้ว วันหน้าใครที่ตาไร้แวว มารังแกถึงหัวของสำนักอวี่หลง ก็จะได้ถามกระบี่กับพวกเขาอย่างมีเหตุผลชอบธรรมสักครั้ง เรื่องนี้ เจ้าจำไว้ว่าต้องเก็บเป็นความลับด้วย”
อวิ๋นเชียนรีบลุกขึ้นยืน เตรียมจะเอ่ยแสดงความยินดีกับเจ้าสำนัก
น่าหลันไฉ่ฮ่วนหัวเราะอย่างขำๆ ปนฉุน “เพิ่งจะบอกว่าให้เก็บเป็นความลับ รีบนั่งลงไปเลย!”
อวิ๋นเชียนได้แต่นั่งกลับลงไปบนเก้าอี้แต่โดยดี สีหน้าเต็มไปด้วยความลิงโลด น่ารักใสซื่อเหมือนเด็กสาวคนหนึ่ง
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!