หลิ่วซวี่ฟังมาถึงตรงนี้ก็หัวเราะ “เถ้าแก่รองก็พูดกับเจ้าตามมารยาทเท่านั้น อย่าได้คิดเป็นจริงเป็นจัง”
หยวนเซวียนสะอึกอึ้ง กระดกเหล้าดื่มอึกใหญ่เงียบๆ
ฝานอวี้และผู้ฝึกกระบี่เฒ่าหันมามองหน้าแล้วยิ้มให้กัน หลิ่วซวี่พูดถูกจริงเสียด้วย
คงเป็นเพราะเชื่อในคำพูดของเด็กหนุ่ม หลิ่วซวี่จึงวางตะเกียบลง ยกชามเหล้าขึ้นให้กับคนทั้งสาม แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กระดกดื่มหมดชาม
หยวนเซวียนเองก็เอาอย่าง แข็งใจดื่มเหล้าภูเขาชิงเสินที่เหลือครึ่งชามจนหมดในรวดเดียว
ผู้ติดตามทั้งสองรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก แล้วก็ยกชามเหล้าดื่มจนหมดชามเช่นเดียวกัน
“เสี่ยวเซวียน มีเวลาว่างก็พาพี่หลิวกับแม่นางฝานไปเป็นแขกที่หลัวหม่าเหอด้วยกัน”
หลิ่วซวี่ลุกขึ้นยืนกุมหมัดเอ่ยลา สุดท้ายยิ้มเอ่ย “อย่าลืมจ่ายเงินด้วยล่ะ”
หยวนเซวียนรอกระทั่งท่านลุงหลิ่วเดินออกไปจากร้านอาหารขนาดเล็กแล้วถึงได้สูดลมหายใจเข้าลึก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีสีหน้าผ่อนคลายอีก
ผู้เฒ่าใช้เสียงในใจยิ้มกล่าว “นายน้อย คราวนี้ได้สัมผัสกับบารมีของเซียนกระบี่คอขวดขอบเขตก่อกำเนิดคนหนึ่งกับตัวเองแล้วสินะ?”
หยวนเซวียนพยักหน้ารับอย่างแรง
ท่านลุงหลิ่วเมื่อครู่นี้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
บุรุษเดินอยู่ในตรอกเล็กเพียงลำพัง
เรื่องบางอย่างก็เหมือนการดื่มเหล้า ออกฤทธิ์ร้อนแรง
ก็เหมือนกับการเคยไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่
……
ศาลชิวเฟิงของแจกันสมบัติทวีป จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ถูกใครยึดครอง บนทะเลมีเรือประหลาดลำหนึ่งที่ล่องลอยไม่หยุดนิ่ง หอชมมหาสมุทรบนภูเขาของเกราะทองทวีปที่เซียนเจินยุคบรรพกาลเป็นผู้มอบวาสนาให้ สายแร่ที่ซ่อนแฝงซึ่งมีโอกาสทางการค้าและความร่ำรวยมหาศาลของฝูเหยาทวีป ซากปรักวังมังกรและซากปรักจวนเซียนมากมายที่หายสาบสูญไปในสี่มหาสมุทร พากันผุดลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง…
นี่ก็คือผลลัพธ์จากการที่ใต้หล้าไพศาลเชื่อมโยงกับใต้หล้าเปลี่ยวร้าง จากนั้นก็เชื่อมโยงเข้ากับใต้หล้ามืดสลัวในชั่วระยะเวลาสั้นๆ
สำนักอวี่หลงแห่งใหม่มีเซียนกระบี่หญิงอยู่คนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ได้มาคิดบัญชีกับอวิ๋นเชียน
คือน่าหลันไฉ่ฮ่วนแห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่
นี่ทำให้อวิ๋นเชียนที่ช่วงหลายปีมานี้ยุ่งจนหัวไม่วางหางไม่เว้นรู้สึกโล่งอก
จัดการกิจธุระของสำนักไม่ใช่สิ่งที่อวิ๋นเชียนถนัดเลยจริงๆ ดังนั้นอวิ๋นเชียนจึงทำตามข้อตกลงลับในอดีตอย่างไม่ลังเล ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เป็นฝ่ายลาออกจากตำแหน่งเจ้าสำนัก ให้คนนอกอย่างน่าหลันไฉ่ฮ่วนมารับหน้าที่แทน ส่วนตัวเองหันไปเป็นบรรพจารย์ผู้คุมกฎ
โชคดีที่สำนักอวี่หลงในทุกวันนี้ไม่ได้เป็นสำนักใหญ่ที่ยึดมั่นในแนวทางเก่าอย่างในอดีตอีกแล้ว คำสั่งสอนของบรรพบุรุษและกฎระเบียบของศาลบรรพจารย์เก่าไร้ประโยชน์ไปนานแล้ว บวกกับที่อวิ๋นเชียน ‘อดีตเจ้าสำนัก’ ยังเป็นผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนเพียงหนึ่งเดียว รวมถึงชาติกำเนิดและขอบเขตบนวิถีกระบี่ของน่าหลันไฉ่ฮ่วนที่วางอยู่ตรงนั้นอย่างชัดเจน นี่จึงเป็นเหตุให้การเปลี่ยนเจ้าสำนักนับว่าราบรื่น
น่าหลันไฉ่ฮ่วนพาผู้ฝึกตนคนสนิทกลุ่มหนึ่งเข้ามาอยู่ในสำนักอวี่หลงด้วยกัน จำนวนคนไม่มาก แค่หกคน สามคนเป็นผู้ฝึกกระบี่ สามคนเป็นผู้ฝึกตนผี ทั้งหกคนต่างก็เป็นเซียนดิน
เพียงแค่จัดพิธีปลดระวางเจ้าสำนักและพิธีรับสืบทอดตำแหน่งอย่างขอไปทีในศาลบรรพจารย์ที่สร้างขึ้นใหม่เท่านั้น
บอกตามตรง อวิ๋นเชียนเองก็ไม่อาจเชื้อเชิญผู้ฝึกตนใหญ่ที่มีน้ำหนักอะไรมากมาได้เหมือนกัน ในอดีตนางพาลูกศิษย์ของสำนักออกเดินทางไปหาประสบการณ์ในสามทวีปทางตะวันออกก็ไม่ได้สะสมความสัมพันธ์ควันธูปบนภูเขาไว้มากนัก
วันนี้การประชุมในศาลบรรพจารย์สิ้นสุดลง ผู้ฝึกตนที่มีเก้าอี้ต่างก็แยกย้ายกันไปนานแล้ว ต่างคนต่างกลับบ้านของตัวเอง สำนักมีคนน้อยก็มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรก็ยังได้ครอบครองเกาะใหญ่แห่งหนึ่งบนทะเล บุกเบิกเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของตัวเอง
มีเพียงผู้คุมกฎของสำนักที่ยังอยู่ต่อ
เวลานี้น่าหลันไฉ่ฮ่วนนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเจ้าสำนักในตำแหน่งประธาน ยกขานั่งไขว่ห้างผึ่งผาย พลิกเปิดทำเนียบขุนเขาสายน้ำบางๆ เล่มหนึ่ง
ในอดีตตอนอยู่ในห้องบัญชีของเรือนชุนฟาน เหล่าเหนียงก็มีกิริยาท่าทางเช่นนี้ ใครจะมาบังคับข้าได้?
แน่นอนว่ามีเพียงตอนที่คนบางคนมาตรวจบัญชีที่ภูเขาห้อยหัวเท่านั้น น่าหลันไฉ่ฮ่วนถึงจะยอมสงบเสงี่ยมสำรวมตนมากหน่อย
อันที่จริงน่าหลันไฉ่ฮ่วนมาเข้าร่วมการประชุมศาลบรรพจารย์ของสำนักอวี่หลงครั้งแรก ทุกคนที่ได้ยินชื่อนางต่างก็ไม่มีความเห็นต่างใดๆ
แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าไม่มีความเห็นต่างจริงๆ แต่เป็นเพราะไม่กล้ามี หรือควรจะพูดว่าไม่กล้าแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาทางสีหน้า หากน่าหลันไฉ่ฮ่วนผู้นั้นเห็นเข้า สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจะถูกเซียนกระบี่คอขวดขอบเขตก่อกำเนิดคนหนึ่งสับร่างแล้วโยนไปให้ปลากินหรือไม่?
ใช้เหตุผลกับเจ้า? ด้วยกระบี่บิน ขอบเขตและนิสัยในการกระทำเรื่องต่างๆ ของน่าหลันไฉ่ฮ่วนเองแล้ว ล้วนเป็นเหตุผลอันไร้เสียงที่วางให้เห็นกันทนโท่
ต้องรู้ว่าบนสนามรบที่บ้านเกิดของเจ้าสำนักคนใหม่ผู้นี้ น่าหลันไฉ่ฮ่วน ฉีโซ่ว และหมี่อวี้ที่ตอนอยู่ขอบเขตก่อกำเนิดก็ได้ฉายาหมี่ผ่าเอวมาครองแล้ว ต่างก็เป็นพวกที่ใช้วิธีการสังหารปีศาจเหมือนกัน กระหายเลือด อำมหิตไร้ปราณี ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่ตกอยู่ในเงื้อมมือพวกเขา ไม่มีสักคนที่มีจุดจบดี
นี่จึงเป็นเหตุให้น่าหลันไฉ่ฮ่วนกับอวิ๋นเชียนที่นิสัยอ่อนโยน พูดจานิ่มนวล เจ้าสำนักสองรุ่น หนึ่งคือฟ้าหนึ่งคือดิน
น่าหลันไฉ่ฮ่วนกวาดตามองไม่กี่ทีก็อ่านทำเนียบศาลบรรพจารย์ที่มีอาเหมาอาโก่วอยู่แค่ไม่กี่คนจบ จึงได้แต่เปิดอ่านซ้ำอีกรอบ เหล่ตามองอวิ๋นเชียน ยิ้มถามว่า “ได้ยินว่าเจ้าไปหาตำหนักสุ่ยจิงหลายครั้งแล้วหรือ?”
อวิ๋นเชียนเอ่ยอย่างเขินอายระคนละอายใจ “ล้วนกลับมามือเปล่าทุกครั้ง”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนไม่รู้ว่าโทสะผุดมาจากไหน “เจ้าคิดว่าเผ่าปีศาจของเปลี่ยวร้างล้วนเป็นพวกคนโง่ที่มีสมบัติหล่นอยู่บนพื้นแล้วไม่รู้จักเก็บงั้นหรือ? อวิ๋นเชียน มีบรรพจารย์ผู้คุมกฎที่เป็นเช่นเจ้า เจ้าสำนักอย่างข้าช่างโชคดีสามภพสามชาติจริงๆ”
อวิ๋นเชียนหน้าแดงเล็กน้อย ไม่เอ่ยอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!