หลังจากที่น่าหลันไฉ่ฮ่วนออกมาจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ไปที่ถ้ำซานสุ่ยของฝูเหยาทวีปก่อน บอกว่าตัวเองมาจากเรือนชุนฟานภูเขาห้อยหัว มารับหน้าที่ดูแลสำนักแห่งนี้ จากนั้นก็ทำการค้ากับราชวงศ์ล่างภูเขาที่อยู่ใกล้เคียง ระหว่างนั้นมีผู้ฝึกตนหญิงในท้องถิ่นของของฝูเหยาทวีปนามว่ากงเยี่ยน ขอบเขตไม่ต่ำ เป็นขอบเขตหยกดิบ แต่ว่าในสายตาของน่าหลันไฉ่ฮ่วนแล้ว ผู้ฝึกตนของไพศาลที่มีสถานะจากทำเนียบสำนักเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับอวิ๋นเชียน หากใช้คำพูดของคนบางคนก็คือมีขอบเขตกระดาษเปียกเปลือกไม้ไผ่บางๆ แต่ถึงแม้ความสามารถในการต่อสู้ของกงเยี่ยนผู้นี้จะไม่ได้เรื่อง ทว่าคัมภีร์การค้ากลับไม่เลว ถือว่าเป็นคนบนเส้นทางเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ จึงประสานเป็นหนึ่งเดียวกันได้ง่าย
ถึงอย่างไรน่าหลันไฉ่ฮ่วนก็รู้ว่าถ้ำซานสุ่ยไม่ใช่สถานที่ที่ควรรั้งรออยู่นาน มือซ้ายขายทรัพย์สินออกไป มือขวารับเอาเงินเทพเซียนและวัตถุดิบแห่งฟ้าดินกลับมา เพียงไม่นานก็ได้กำไรมาเป็นกอบเป็นกำ แน่นอนว่านางไม่กล้าเก็บเข้ากระเป๋าทั้งหมด ได้แต่เอากำไรมาสองส่วน ส่วนอื่นๆ ที่เหลือล้วนมอบให้วิญญูชนท่านหนึ่งที่จัดการเรื่องเงินทองของศาลบุ๋น ดูเหมือนว่าทุกวันนี้เขาจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงแล้ว ได้เป็นรองเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาแห่งหนึ่งในฝูเหยาทวีป ไม่ใช่ว่าน่าหลันไฉ่ฮ่วนรังเกียจว่าเงินมาก แต่เพราะกังวลว่าจะถูกคนบางคนมาคิดบัญชีย้อนหลัง
แม้ว่าอิ่นกวานหนุ่มผู้นั้นไม่ได้มีข้อบังคับอะไรนาง แต่น่าหลันไฉ่ฮ่วนก็ยังกะน้ำหนักบนเส้นทางการหาเงินของตัวเองอย่างพอเหมาะพอดี ไม่กล้าทำอะไรล้ำเส้น
รอกระทั่งกวาดเอาทรัพย์สมบัติของถ้ำซานสุ่ยมาจนเกลี้ยงแล้ว หลังจากนั้นนางก็เดินทางท่องขึ้นเหนือไปตลอดทาง ทยอยไปที่เกราะทองทวีปและหลิวเสียทวีป แล้วยังทำการค้าไปตลอดทางอีกด้วย
พูดถึงแค่บนร่างของน่าหลันไฉ่ฮ่วน ลำพังแค่วัตถุฟางชุ่นก็มีพกติดตัวถึงหกชิ้น แล้วนับประสาอะไรกับที่ยังมีวัตถุจื่อชื่ออีกสองชิ้น
น่าหลันไฉ่ฮ่วนยิ้มถาม “อิ่นกวานของพวกเราเท่านั้นถือเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงต่อเจ้าอวิ๋นเชียนและสำนักอวี่หลง คิดดีแล้วหรือยังว่าในอนาคตจะตอบแทนเขาด้วยวิธีใด?”
อวิ๋นเชียนได้ยินเรื่องนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามีความคิดเป็นของตัวเองอย่างมาก เพียงแต่ขณะที่นางกำลังจะเปิดปากพูด กลับได้ยินว่าน่าหลันไฉ่ฮ่วนสันดานเก่ากำเริบ พูดจาไม่กระดากปากอีกครั้ง “ไม่สู้เอาให้รวดเร็วฉับไวหน่อย…ใช้ร่างกายตอบแทน? น่าอายไปหน่อยแล้วอย่างไร สำนักอวี่หลงของพวกเจ้าไม่ใช่ว่ามีวิชาลับไม่แพร่งพรายที่ยากจะฝึกสำเร็จอยู่บทหนึ่งไม่ใช่หรือ? ได้ยินมาว่าแม้แต่ศิษย์พี่หญิงของเจ้าก็ยังฝึกไม่สำเร็จ กลับเป็นเจ้าที่จับผลัดจับผลู คนโง่มีโชคของคนโง่ คล้ายจะถูกขนานนามว่าเป็น… ‘กระโจมดอกผุดตานอันอบอุ่น ดินแดนแห่งเมฆและฝน’ ไม่ใช่หรือ?”
อวิ๋นเชียนถอนหายใจ เลิกต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายเสียเลย
อิ่นกวานหนุ่มผู้นั้นวางแผนรอบคอบรัดกุมถึงเพียงใด วางตัวสูงส่งรักษาตนอย่างสำรวมถึงเพียงใด น่าเสียดายก็แต่จนถึงทุกวันนี้นางก็ยังไม่ได้เห็นเองกับตาเลยสักครั้ง
คนที่เดินทางยามค่ำคืน ห่มดาวสวมจันทร์
ไม่รู้ว่าเหตุใด พออวิ๋นเชียนได้ยินข่าวลือบางอย่างของกำแพงเมืองปราณกระบี่ ทุกครั้งที่จินตนาการภาพถึงคนหนุ่มต่างถิ่นคนหนึ่งอยู่ในร้านเหล้า ในขณะที่เสียงผู้คนรอบด้านดังจอแจวุ่นวาย นางกลับรู้สึกว่าเมื่อเขาก้มหน้าลงดื่มสุรากลับดูแปลกแยกเปลี่ยวเหงามากเป็นพิเศษ
อวิ๋นเชียนกับน่าหลันไฉ่ฮ่วนต่างคนต่างมีความคิดของตัวเอง เดินออกไปจากศาลบรรพจารย์พร้อมกัน
ผ่านไปอีกแค่ไม่กี่วันก็มีแขกสูงศักดิ์มาเยือนถึงถิ่น ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับอวิ๋นเชียน ก็คือเส้าอวิ๋นเหยียนเซียนกระบี่แห่งเรือนชุนฟานและถัวเหยียนฮูหยินแห่งสวนดอกเหมย
หากบวกกับจวนหยวนโหรวของสกุลหลิวเข้าไป เรือนส่วนตัวสี่แห่งของภูเขาห้อยหัวในอดีตก็จะรวมกันได้ครบถ้วนแล้ว
ถัวเหยียนฮูหยินต้องการไปเยือนอารามชิงเหมยของทะเลสาบหนันถังแจกันสมบัติทวีป คิดจะไปพบโจวฉงหลินสักหน่อย
ข้างกายไม่มีเซียนกระบี่คอยให้การคุ้มกัน ถัวเหยียนฮูหยินหรือจะกล้าไปเดินเล่นเตร็ดเตร่เพียงลำพัง
ดังนั้นจึงเดินทางผ่านสำนักอวี่หลงที่ ‘เปลี่ยนรัชศกใหม่’ สำหรับการที่อยู่ดีๆ น่าหลันไฉ่ฮ่วนก็กลายเป็นเจ้าสำนัก ถัวเหยียนฮูหยินตกตะลึงเป็นทบทวี แต่เส้าอวิ๋นเหยียนกลับรู้เรื่องนี้มานานแล้ว จึงไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด
ไปถึงสำนักอวี่หลง ถัวเหยียนฮูหยินคุยธุระกับอวิ๋นเชียน ส่วนเส้าอวิ๋นเหยียนก็เดินเคียงบ่าไปกับน่าหลันไฉ่ฮ่วน ห้องบัญชีของเรือนชุนฟานในอดีต นอกจากพวกเขาสองคนแล้วยังมีเยี่ยนหมิง นอกจากนี้ก็มีเหวยเหวินหลงคอยเป็นผู้ช่วย เซียนกระบี่ใหญ่หมี่รับหน้าที่เฝ้าประตูใหญ่
เส้าอวิ๋นเหยียนยิ้มกล่าว “อันที่จริงก็เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น แต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่กันคนละโลกเลย”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนยิ้มรับ นอกจากจะคุยกับนางเรื่องเงินแล้ว นางก็ไม่มีความสนใจในเรื่องอื่นอีกจริงๆ
เส้าอวิ๋นเหยียนใช้เสียงในใจพูดคุยเรื่องบางอย่าง สีหน้าของน่าหลันไฉ่ฮ่วนเต็มไปด้วยความตกตะลึง หลุดปากเอ่ยออกมาว่า “อะไรนะ?! จริงหรือ?!”
เฉินผิงอันถึงกับสามารถแกะสลักตัวอักษรลงบนหัวกำแพงเมืองได้?!
เส้าอวิ๋นเหยียนยิ้มกล่าว “จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจเจ้า อย่างมากเจ้าก็กลับไปดูกับตาตัวเองสักครั้ง ถึงอย่างไรก็อยู่ห่างไปแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนถอนหายใจหนักๆ เอ่ยอย่างจนใจว่า “มีอะไรให้ไม่เชื่อกันเล่า หากเป็นเจ้าหมอนั่น ไม่ว่าเรื่องประหลาดแค่ไหนก็ไม่ประหลาดอีกต่อไป”
บอกตามตรง น่าหลันไฉ่ฮ่วนหวาดเกรงอิ่นกวานหนุ่มผู้นั้นจริงๆ ไม่ได้ดีไปกว่าถัวเหยียนฮูหยินสักเท่าไรเลย
พวกนางทั้งสองคนต่างก็ต้องกล้ำกลืนความทุกข์ยากขมขื่นอย่างเต็มกลืนด้วยน้ำมือของอีกฝ่ายมาก่อน
ไอ้หมอนี่มีความแค้นกับสตรีหน้าตาดีมากนักหรือ?
แต่พอเป็นอวิ๋นเชียนก็ไม่ใช่ว่าเขาให้การดูแลดีมากหรือไร
น่าหลันไฉ่ฮ่วนกดข่มความตกตะลึงในใจลงไป เริ่มหาพวก เชื้อเชิญให้เส้าอวิ๋นเหยียนกับถัวเหยียนฮูหยินมาเป็นเค่อชิงของบ้านตน ในเมื่อต่างก็เป็นคนคุ้นเคยกันดี พูดเรื่องเงินจะทำลายความรู้สึกแล้ว
คุณสมบัติด้านการฝึกเวทกระบี่ของเส้าอวิ๋นเหยียน หากเอาไปวางไว้ในกำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ได้แต่ถือว่าธรรมดาเท่านั้น ทว่าอาศัยน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่หลายลูกที่ผลิออกมาจากเถาน้ำเต้าเส้นนั้นทำให้เขามีเส้นสายอยู่ในใต้หล้าไพศาลไม่น้อย
เส้าอวิ๋นเหยียนเองก็ไม่คิดมากหากจะมีสถานะเป็นเค่อชิงที่ได้แขวนชื่อเพิ่มมาอีกหนึ่งสถานะ ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนบางคนของใต้หล้าไพศาลที่มีช่องทางทำเงิน มียศตำแหน่งผู้ถวายงานเค่อชิงเป็นกองพะเนิน และถัวเหยียนฮูหยินก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับอวิ๋นเชียนมาก่อน แน่นอนว่าย่อมไม่มีความเห็นต่าง
เส้าอวิ๋นเหยียนไม่ได้อยู่ที่สำนักอวี่หลงนานนัก แค่พักสองวัน ก่อนจะลากตัวถัวเหยียนฮูหยินที่อยากจะพักอยู่ที่นี่ไปนับแต่นี้ออกเดินทางข้ามมหาสมุทรไปหาประสบการณ์กันต่อ
ระหว่างนั้นเดินทางผ่านถ้ำแห่งโชควาสนาของเกาะหลูฮวา ถัวเหยียนฮูหยินก็เริ่มออกไปเดินเล่นอีกครั้ง เส้าอวิ๋นเหยียนจึงได้แต่เอ่ยเตือนว่า “นี่เจ้าคิดว่าตัวเองออกมาท่องเที่ยวขุนเขาสายน้ำจริงๆ หรือไร?”
ถัวเหยียนฮูหยินสะบัดค้อนใส่ “อิ่นกวานไม่ได้ให้กำหนดเวลาที่แน่นอนเสียหน่อย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลย”
อยู่ร่วมกับเฉินผิงอันมีข้อดีแค่อย่างเดียว ทำการค้ายุติธรรม ฉับไวตรงไปตรงมาอย่างมาก
กว่าเส้าอวิ๋นเหยียนจะห้ามไม่ให้ถัวเหยียนฮูหยินไปเยือนพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาของสำนักกุยหยกได้ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาเลือกจะนั่งโดยสารเรือข้ามทวีปลำหนึ่งกลางทาง ตรงดิ่งไปที่นครมังกรเฒ่าของแจกันสมบัติทวีป
ไปถึงอาณาเขตของทะเลสาบหนันถัง ถัวเหยียนฮูหยินเห็นต้นเหมยที่แห้งเหี่ยวพวกนั้นแล้วนางก็ยื่นนิ้วมาคลึงหว่างคิ้ว จุ๊ปากพูด “สภาพอเนจอนาถจนแทบทนมองมิได้ อนาถแค่ไหน ก็แค่ว่าใต้เท้าอิ่นกวานมอบปัญหายากใหญ่เทียมฟ้าให้ข้าเสียแล้ว”
เพราะความสัมพันธ์ในเรื่องของเถาน้ำเต้าเส้นนั้น เกี่ยวกับการเพาะปลูกพืชพรรณ เส้าอวิ๋นเหยียนจึงพอจะถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ครึ่งตัว ถึงขั้นที่ว่าชำนาญเข้าขั้นกว่าผู้ฝึกตนสำนักกสิกรรมทั่วไปด้วยซ้ำ
เส้าอวิ๋นเหยียนพยักหน้าเอ่ย “ยากมากจริงๆ หากไม่ไหวก็อย่าฝืนเลย ใต้เท้าอิ่นกวานไม่ถือสาหรอก”
ถัวเหยียนฮูหยินคลี่ยิ้มหวาน “ไม่ไหว? เซียนกระบี่เส้าไม่ไหวก็เป็นเรื่องปกติมาก ก็บุรุษนี่นะ”
เส้าอวิ๋นเหยียนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพียงแค่เอ่ยว่า “ทางหนึ่งคือไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง หรืออีกทางก็คือหากเจ้าอยากจะช่วยให้อารามชิงเหมยกลับคืนสู่สภาพเดิมได้จริงก็ต้องทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดอย่างไม่มีออมแรง”
ถัวเหยียนฮูหยินกลอกตาใส่ “ต้องให้เจ้าบอกด้วยหรือ?”
คนทั้งสองทะยานลมข้ามไปเหนือผิวน้ำของทะเลสาบหนันถัง ไปยังเกาะที่ตั้งของอารามชิงเหมย
พลิ้วกายลงนอกประตูใหญ่ของอารามชิงเหมย คนเฝ้าประตูคือเด็กสาวอายุน้อยขอบเขตถ้ำสถิตคนหนึ่ง
ถัวเหยียนฮูหยินยื่นเทียบรายชื่อสองแผ่นที่เตรียมไว้นานแล้วไปให้ เขียนด้วยกระดาษสีแดงตัวอักษรสีทองเข้มหนึ่งบรรทัด เหมยโส่ว ฉายาเจ้าแห่งดอกเหมย
เส้าอวิ๋นเหยียนเหลือบตามองเทียบรายชื่อของตัวเองแล้วก็ยิ้มอย่างอ่อนใจ เส้าซานสือ ช่างเป็นชื่อดีที่สุภาพไพเราะจริงๆ อีกทั้งไม่มีแม้กระทั่งฉายาด้วยซ้ำ
ถัวเหยียนฮูหยินยิ้มเอ่ย “พวกเรามาจากทักษินาตยทวีป ได้ยินว่าดอกเหมยของทะเลสาบหนันถังงดงามมาก จึงมาเยือนเพราะเลื่อมใสในชื่อเสียงมานาน”
นางแสร้งทำเป็นเหลียวซ้ายแลขวา “สิบปากว่าย่อมไม่เท่าตาเห็น”
แม่นางน้อยที่เป็นคนเฝ้าประตูสีหน้าอิหลักอิเหลื่อ แขกท่านนี้ล้อกันเล่นหรืออย่างไร
เส้าอวิ๋นเหยียนไม่ปล่อยให้ถัวเหยียนฮูหยินพูดเหลวไหลต่อ ยิ้มเอ่ยว่า “ผ่านมาเยือนสถานที่สูงศักดิ์แห่งนี้ อยากจะขอดื่มน้ำบ๊วยจากอารามชิงเหมยสักสองถ้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!