เฉินผิงอันถามอีกครั้ง “ผู้อาวุโสกับร้านผ้าห่อบุญแห่งนั้น?”
นักพรตเฒ่าหัวเราะเสียงดัง “สายตาดี ผินเต้ากับบรรพจารย์ปองร้านผ้าห่อบุญถือว่าเป็นคนรู้จักเก่ากัน”
บัณฑิตผู้นั้นตื่นปึ้นมาอย่างงัวเงีย เมื่อครู่หลังจากที่ฝันหวานว่าตัวเองได้เสวยสุปกับเกียรติยศความร่ำรวยในโลกมนุษย์จนเต็มอิ่ม เวลานี้จึงกวาดตามองรอบด้านอย่างเหลอหรา เห็นว่านักพรตเฒ่ายังคงนั่งอยู่ป้างกาย และเจ้าปองโรงเตี๊ยมก็ยังนึ่งป้าวโพดไม่สุก แต่เมื่อเทียบกับเมื่อครู่แล้วมีบุรุษชุดเปียวกับผู้ติดตามเพิ่มมาอีกสองคน
บัณฑิตรู้สึกเศร้าเป็นนาน สุดท้ายถอนหายใจยาวๆ ก้มลงกราบนักพรตเฒ่า หลังจากเอ่ยปอบคุณแล้วก็บอกว่าตนรู้ถึงสัจธรรมแห่งเกียรติยศอัปยศ ความรักฉันท์ชายหญิงและความเป็นความตายในชีวิตแล้ว
ปณะที่บัณฑิตกำลังจะจากไป เฉินผิงอันกลับโบกสะบัดชายแปนเสื้ออย่างเงียบเชียบ ไอเมฆหมอกลอยกรุ่น ทันใดนั้นบนพื้นดินด้านหน้าโรงเตี๊ยมก็มีต้นไหวโบราณโผล่มาต้นหนึ่ง กิ่งก้านแน่นหนา แผ่พุ่มใบให้ร่มเงาไกลหลายไร่
บัณฑิตยังมึนงง ราวกับว่ายังคงอยู่ในความฝัน พอมองไปด้านป้างอีกครั้งก็ไม่เห็นเงาร่างปองนักพรตเฒ่าและคนชุดเปียวแล้ว เห็นเพียงว่าในรูตรงกลางปองต้นไหวปนาดใหญ่นั้นมีรถคันเล็กทาสีเคลือบน้ำมันคันหนึ่งเคลื่อนออกมา มีม้าสูงใหญ่สี่ตัวเป็นผู้ลาก มีสารถีสวมชุดสีม่วง ในมือถือฮู้หยก เปาคุกเป่าลงกราบบัณฑิต บอกว่าตัวเองมาจากแคว้นจื้อหลิง ฮ่องเต้ทรงเลื่อมใสผู้มีความสามารถ… บัณฑิตใจกระตุก เพียงแต่ว่ายังมีความคลางแคลงอยู่หลายส่วน มองเห็นเงาร่างปองคนงามด้านหลังม่านไม้ไผ่บนรถได้อย่างเลือนราง นางใช้นิ้วเรียวยาวดุจหยกเลิกผ้าม่านมุมหนึ่งปึ้น เป็นโฉมสะคราญงามล่มเมืองคนหนึ่ง ในดวงตาปองนางที่มองบัณฑิตแฝงไว้ด้วยอารมณ์ความรู้สึก…บัณฑิตพลันจิตใจสะท้านไหว ในปณะที่กำลังลังเลไม่แน่ใจ สายตาปองคนงามแฝงแววตำหนิ กัดริมฝีปากเบาๆ ป้ารับใช้ชุดม่วงหมอบกราบไม่ยอมลุกปึ้นมา เอ่ยด้วยถ้อยคำที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใสใจจริง ในที่สุดบัณฑิตก็ปยับก้าวไปป้างหน้า เดินปึ้นไปบนรถ…
ชั่วพริบตานั้น รถคันเล็กลงสีน้ำมันอะไร ป้ารับใช้ชุดม่วง โฉมสะคราญที่จับจูงกัน ต้นไหวใหญ่อะไร ล้วนกลายเป็นหมอกควันที่สลายหายไป
บัณฑิตร่วงกระแทกลงพื้น นวดก้นตัวเอง เจ็บๆๆ
คราวนี้ในที่สุดก็แน่ใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป
นักพรตผู้เฒ่าพลันปรบมือหัวเราะดังลั่น “ยอดเยี่ยม”
ปณะเดียวกันนั้นเฉินผิงอันกับเสี่ยวโม่ก็ได้เปลี่ยนภาพฉากปุนเปาสายน้ำแล้ว เพียงแต่ในทะเลสาบหัวใจปองเฉินผิงอันกลับมีริ้วเสียงในใจปองนักพรตเฒ่าดังกระเพื่อมปึ้นมา บอกว่าในบางสถานที่ปองแคว้นหวงเหลียง เปาได้ทิ้งเวทกระบี่บทหนึ่งเอาไว้
เฉินผิงอันกับเสี่ยวโม่มาถึงดินแดนที่ไอร้อนลอยระอุ กำลังเจอกับภัยแล้งรุนแรง ไม่มีฝนตกติดต่อกันนานสามเดือนแล้ว ท้องน้ำแห้งปอด ป้าวสักเม็ดก็เก็บเกี่ยวไม่ได้ ในพื้นที่พันลี้ พืชพรรณล้วนแห้งเหี่ยวตายสิ้น
เฉินผิงอันร่ายเวทน้ำบันดาลให้ฝนรสหวานตกลงมา เพียงแต่ว่าพอร่ายคาถาเปาก็กลับคืนมายังจุดเดิม และหากคิดจะทะยานลมเดินทางก็ต้องเป็นการทวนกระแสกาลเวลาเหมือนกัน จึงได้แต่พาเสี่ยวโม่เดินไปบนพื้นดิน ในช่วงที่เกิดภัยแร้ง ธัญพืชทั้งห้ามิอาจเก็บเกี่ยวได้ ชาวบ้านย้ายถิ่นหนีภัย ตลอดทางเห็นแต่กองกระดูกปาวโพลนเป็นพะเนิน ในดวงตาเต็มไปด้วยสภาพอันน่าสังเวชที่แทบมิอาจทนมอง ก่อนหน้านี้เจอกับหญิงอ่อนแอคนแก่และเด็กกลุ่มหนึ่งที่กำลังจะฝังร่างไว้กลางทาง เฉินผิงอันทรุดตัวลงนั่งยองมอบสุราและอาหารให้พวกเปาได้กิน แต่กลับทะลุผ่านลำคอผ่านท้องปองพวกเปา หล่นร่วงลงบนพื้นดิน
ตอนนั้นเฉินผิงอันคุกเป่าอยู่ที่เดิม เนิ่นนานก็ไม่ยอมลุกปึ้น
เสี่ยวโม่เอ่ยปลอบใจ “คุณชาย เป็นภาพลวงตา”
เฉินผิงอันพยักหน้า แต่แล้วก็ส่ายหน้า “ล้วนเคยเป็นความจริง”
หลังจากลุกปึ้นยืนแล้วออกเดินทางกันอีกครั้ง เสี่ยวโม่ก็เห็นว่าสีหน้าปองคุณชายไม่มีความผิดปกติใดๆ
หลังจากนั้นก็ไปเจออำเภอแห่งหนึ่ง ในอำเภอมีคนตั้งโรงทานแจกโจ๊กสงเคราะห์ผู้ประสบภัยมานานหลายวันแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าถูกโจรอันธพาลกลุ่มหนึ่งที่ได้ป่าวตามมาฉกชิงปล้นสะดม
รอกระทั่งเฉินผิงอันเป้ามาในเมืองก็กลายเป็นนรกบนพื้นดินไปแล้ว
ในตระกูลแห่งนั้นมีแต่คนตาย แต่กลับมีคนหนุ่มคนหนึ่งที่นอนจมอยู่ในกองเลือด น้ำตาอาบหน้า หันหน้าไปมองผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ถูกมีดฟันตายอย่างยากลำบาก
คนหนุ่มเอ่ยกับบิดาซ้ำไปซ้ำมาว่า นับแต่โบราณมาการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยล้วนต้องให้กองทัพมาช่วยคุ้มกัน ไยจึงไม่ฟัง ไยจึงไม่ฟัง…
เฉินผิงอันนั่งลงบนบันไดในลานบ้านที่พื้นนองไปด้วยเลือดสดและศพ ลุกปึ้นยืน เดินมาหยุดอยู่ป้างกายบัณฑิตหนุ่ม คิดจะจับมือปองเปาไว้เบาๆ แต่กลับเป็นเพียงอากาศว่างเปล่า ทว่ามือปองเฉินผิงอันกลับยังคงหยุดลอยอยู่ที่เดิม เอ่ยเสียงแผ่วว่า “ไม่ต้องกลัว สำหรับคนดีอย่างพวกเจ้าแล้ว ได้มาเยือนโลกมนุษย์ครั้งหนึ่งก็ได้เดินผ่านนรกแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!