ขอบฟ้ามีก้อนเมฆเหมือนเปลวเพลิงแผดเผา แสงสนธยายาวไกลพันลี้
เรือข้ามฟากจากหลงโจวลำหนึ่งที่มีชื่อว่าฟานโม่มาจอดเทียบท่าที่ท่าเรือตระกูลเซียนแห่งหนึ่ง คนทั้งกลุ่มเตรียมจะเปลี่ยนเรือเพื่อมุ่งหน้าไปยังแคว้นหวงเหลียง
คนที่เป็นผู้นำในกลุ่มคือเด็กชายชุดเขียวที่เดินอาดๆ ลงจากเรือไป ชายแขนเสื้อทั้งสองสะบัดดัง ข้างกายมีเด็กสาวคนหนึ่งที่ตรงเอวห้อยแท่นฝนหมึกขนาดพกพา ในมือถือไม้เท้าเดินป่าสีเขียว
ด้านหลังมีคนหนุ่มสวมชุดลัทธิขงจื๊อพาผู้เฒ่าชุดเหลืองลักษณะคล้ายผู้ติดตามมาด้วย รูปโฉมเหมือนคนโบราณ ตาลึกจมูกเหยี่ยว เพียงแต่เพราะร่างกายผ่ายผอมมีแต่หนังหุ้มกระดูก จึงดูเหมือนคนที่สวมชุดคลุมอาคมหลวมโพรก
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว บุรุษหนุ่มจึงดูเป็นปกติที่สุด
พวกเขาใช้สถานะของแขกที่จะมาเข้าร่วมงานพิธี ได้รับคำเชิญให้ไปร่วมพิธีเปิดยอดเขาแห่งหนึ่ง
นายท่านใหญ่ที่เดินเหมือนตัวลอย แน่นอนว่าก็คือเจียวน้ำขอบเขตก่อกำเนิดแห่งภูเขาลั่วพั่ว เฉินหลิงจวินผู้ถวายงานแห่งศาลบรรพจารย์นั่นเอง
ครั้งนี้กวอจู๋จิ่วที่เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเฉินผิงอันก็ติดตามเฉินหลิงจวินออกจากบ้านมาด้วย
ส่วนหลี่ไหวนักปราชญ์แห่งสำนักศึกษาซานหยากับเถาถิงแห่งไพศาลที่เรียกขานตัวเองว่านักพรตเนิ่นนั้นถือว่ามาขอกินขอดื่ม ออกเดินทางไกลมาผ่อนคลายอารมณ์
นอกจากฉายาว่า ‘นักพรตเนิ่น’ ที่ชื่อเสียงเลื่องระบือแล้ว เถาถิงยังได้ครอบครองเอกสารผ่านด่านอีกฉบับหนึ่ง คือผู้ฝึกตนอิสระของทักษินาตยทวีป ฉายาว่าหลงซานกง
คนที่ติดตามพวกเขามา หรือควรจะพูดว่าคนที่นำทางให้พวกเขายังมีผู้ฝึกลมปราณของยอดเขาอีไต้อีกสองคน นั่นคือซ่งหยวนและศิษย์น้องหญิงอย่างหลิวรุ่นอวิ๋น บนบ่าของฝ่ายหลังมีจิ้งจอกขาวอายุน้อยที่นอนขดตัวอย่างเกียจคร้าน
อยู่ห่างจากเวลาขึ้นเรืออีกครั้งอีกประมาณหนึ่งชั่วยาม เฉินหลิงจวินจึงเลือกเหลาสุราแห่งหนึ่งที่ท่าเรือ คิดว่าจะกินให้อิ่มหนำสักมื้อ จิบสุราเล็กๆ น้อยๆ บูชาศาลห้าอวัยวะให้ดีๆ เพราะถึงอย่างไรเรือฟานโม่ก็คือเรือข้ามฟากของบ้านตัวเอง เอาแต่กินดื่มอย่างเต็มคราบบนเรืออย่างเดียวคงไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร ผู้ฝึกตนของเกาะจูไชพวกนั้นปากมากนัก หากว่าดังไปเข้าหูใครบางคนเข้าต้องเจอคำพูดเหน็บแนมอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
เฉินหลิงจวินที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ของเหลาสุราเขย่งปลายเท้า มือสองข้างวางพาดลงบนโต๊ะคิดเงินตัวสูง ยื่นคอไปมองแผ่นไม้รายการอาหารที่แขวนอยู่บนผนัง สั่งอาหารกับลูกจ้างร้าน ฟังว่าสถานที่ที่มีชื่อว่าหอเจินซิวแห่งนี้ถึงกับมีการค้าขายอย่างใหม่ที่เฉินหลิงจวินไม่เคยได้ยินมาก่อน ที่แท้ทุกวันนี้เหนือใต้ของหนึ่งทวีป ท่าเรือตระกูลเซียนหลายแห่งต่างก็ก่อตั้งเหลาสุราเจินซิวขึ้นมา ผู้ฝึกตนแค่วางเงินเทพเซียนมัดจำไว้ก้อนหนึ่งที่เหลาสุราแห่งนี้ก็สามารถส่งกระบี่บินให้กับห้องกระบี่ของท่าเรือแห่งต่างๆ เมื่อทางเหลาสุราได้รับข่าวก็จะสามารถสั่งอาหารได้ ทางหอเจินซิวจะใช้กล่องอาหารที่ทำขึ้นด้วยกรรมวิธีลับของตระกูลเซียนบรรจุอาหารหายากหลากหลายชนิด ช่วยนำไปส่งให้ถึงประตูภูเขา รับรองว่ารสชาติจะยังคงเหมือนกินในร้านไม่มีผิดเพี้ยน...
เพียงแต่ว่าค่าเดินทางส่วนเกินก้อนนั้นต้องคิดคำนวณตามระยะทางขุนเขาสายน้ำ
เด็กชายชุดเขียวอึ้งตะลึงไปนาน วันนี้นายท่านใหญ่เฉินได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
การค้าทำกันแบบนี้ได้ด้วยหรือ? เพียงแต่ว่าเหตุใดท่าเรือหนิวเจี่ยวบ้านตน และยังมีเมืองหงจู๋ที่ออกห่างไปไกลอีกเล็กน้อยถึงไม่มีเหลาสุราเจินซิวไปสร้างไว้บ้างเล่า?
หลี่ไหวมีการคาดเดาอย่างที่หาได้ยาก คงไม่ใช่ฝีมือของต่งสุ่ยจิ่งอีกกระมัง? ทำแบบนี้สามารถทำการค้าได้จริงหรือ?
เพราะว่ามีคนมาก นั่งต่อโต๊ะย่อมไม่เข้าท่า เฉินหลิงจวินจึงขอห้องเดี่ยว ราคาเริ่มต้นที่สิบเหรียญเงินเกล็ดหิมะ เพียงไม่นานอาหารก็ยกมาวางเต็มโต๊ะ เฉินหลิงจวินสั่งเหล้ามาสองกา นั่งไขว่ห้าง จิบเหล้าหมักเซียนหนึ่งคำ หันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง ทางฝั่งของท่าเรือทยอยมีเรือยันต์ส่วนตัวหลายลำมาจอดเทียบท่า ไม่ถึงขั้นชนปะทะกันโดยตรง แต่ทุกลำล้วนจะต้องแสดงความเร็วของเรือยันต์ให้เห็นอย่างไม่มีข้อยกเว้น เฉินหลิงจวินเหลือบมองบุคคลบนเรือยันต์ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นชายหนุ่มที่พาสาวงามมาด้วย พวกเขาเหมือนแกะสลักตัวอักษรสองคำไว้บนหน้าผากว่า มีเงิน ส่วนสายตายามมองคนก็มีสองคำเหมือนกัน ผียากจน
นักพรตเนิ่นแค่จิบเหล้าเล็กน้อยเท่านั้น เรื่องของการปกป้องมรรคา จะประมาทเลินเล่อไม่ได้
ละโมบดื่มทำให้เสียงาน? ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่ เพียงแต่ว่าก็ต้องวางตัวให้ดีสักหน่อย
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจะถูกเฒ่าตาบอดกระชากเข้าไปในความฝันแล้วกระทืบอีกหลายๆ ทีหรือไม่?
เพราะถึงอย่างไรเฒ่าตาบอดทำอะไรก็ดูแค่ที่อารมณ์เท่านั้น ไม่เคยใช้เหตุผลเลย
ครั้งก่อนมีคุณความชอบด้านการปกป้อง เฒ่าตาบอดแสดงมโนธรรมให้เห็นอย่างที่หาได้ยากจึง ‘ถือโอกาส’ โยนตำราโบราณเล่มหนึ่งมาที่ร่างของเถาถิง คือคาถาหลอมภูเขาครึ่งฉบับบน
หลายวันมานี้เถาถิงไม่ได้เกียจคร้านแม้สักชั่วขณะ ล้วนปิดด่านอยู่ตลอด แน่นอนว่าสำหรับผู้ฝึกตนใหญ่บนยอดเขาสูงสุดอย่างเถาถิงแล้ว คำว่า ‘ปิดด่าน’ ต้องไม่ใช่อย่างผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยานทั่วไปที่ในความหมายโดยทั่วไปแล้วคือการตามหาพื้นที่ลับตามขุนเขาสายน้ำแล้วอยู่เกาะติดที่ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน และผู้ฝึกตนสองขอบเขตอย่างก่อกำเนิดกับบินทะยาน ก็ถูกบนภูเขาเอ่ยหยอกล้อมาตลอดว่าเป็น ‘ตะพาบพันปีเต่าหมื่นปี’ แน่นอนว่าเถาถิงไม่ได้ยากแค้นถึงขั้นนี้
ในฐานะบรรพบุรุษสายขับไล่ภูเขาของยุคบรรพกาล เถาถิงคือบรรพบุรุษบุกเบิกภูเขาอย่างสมชื่อ เป็นปีศาจใหญ่แห่งเปลี่ยวร้างที่มีลำดับศักดิ์เท่ากันและอายุการฝึกตนเท่ากันกับหยวนโส่วสายย้ายภูเขาปีศาจใหญ่บนบัลลังก์เก่า เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ถูกกับภูเขา แน่นอนว่าจึงมีการช่วงชิงบนมหามรรคาอย่างที่มองไม่เห็น หากจะพูดถึงเรื่องของการขับไล่ภูเขาย้ายภูเขา เถาถิงคิดว่าตัวเองไม่ได้แย่กว่าหยวนโส่วสักเท่าไร มีเพียงวิถีของการ ‘หลอมภูเขา’ เท่านั้นที่ด้อยกว่ามาก พูดง่ายๆ ก็คือย้ายภูเขา ขับไล่ภูเขา ความสามารถสองด้านนี้เหมือนกัน แต่ความสามารถในการ ‘กินภูเขา’ เถาถิงกลับสู้หยวนโส่วไม่ได้
ในใต้หล้าเปลี่ยวร้างที่ผู้แข็งแกร่งกินเนื้อ ผู้อ่อนแอถูกกินเนื้อ ทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้งกัน ฝ่ายที่สู้ไม่ได้ก็ได้แต่หลบเลี่ยงประกายเฉียบคม หนีไปเท่านั้น
หวนนึกถึงอดีตอันห่างไกล เถาถิงที่ ‘อายุน้อยอารมณ์พลุ่งพล่าน’ เคยมีจิตใจทะเยอทะยาน พยายามจะอาศัยวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิต พยายามก่อภูเขาสูงลูกหนึ่งขึ้นมาเหมือนกลิ้งลูกหิมะ แล้วยังป่าวประกาศออกไปว่าจะสร้าง ‘ชิงซาน’ ที่เหนือกว่า ‘ชิงซาน’ มหาบรรพตแห่งเปลี่ยวร้างอีกด้วย
ส่วนการแลกเปลี่ยนที่สกปรกระหว่างเฟยเฟยและหยางจื่อสตรีแก่ทั้งสองคน คิดจะหลอกผู้ฝึกตนทั่วไปย่อมไม่มีปัญหา แต่สำหรับปีศาจใหญ่บนยอดเขาแล้ว มีหรือจะไม่รู้เรื่องวงใน เถาถิงดูแคลนที่จะเอาอย่าง แล้วนับประสาอะไรกับที่จูเยี่ยนก็เป็นคนที่ไม่ชอบก่อสำนักตั้งพรรค ปีนั้นเถาถิงจึงได้แต่ตัดสินใจอำมหิต แสวงหาความร่ำรวยสูงศักดิ์ท่ามกลางความเสี่ยง ดูว่าอยู่ที่ริมเขตชายแดนของภูเขาใหญ่แสนลี้จะมีโอกาสวันนี้ขโมยภูเขาหนึ่งลูก พรุ่งนี้ย้ายภูเขาหนึ่งลูกหรือไม่ รอกระทั่งกินอิ่มแล้วค่อยไปแบ่งสูงต่ำกับจูเยี่ยนอีกที ผลลัพธ์…ก็คือถูกเฒ่าตาบอดจับไปเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน วันเวลาที่น่าสังเวชซึ่งยากจะบรรยายให้ใครเข้าใจได้นั้น หากไม่ต้องคิดได้ก็จะไม่ไปคิดถึง
นี่จึงเป็นเหตุให้การที่ได้คาถาหลอมภูเขาครึ่งบทมาจากมือของเฒ่าตาบอด ก็คือเรื่องราวดีงามที่แม้แต่ฝันเถาถิงก็ยังไม่กล้าฝัน
จุดหมายในการเดินทางมาเยือนครั้งนี้ของพวกเขาคือจวนเซียนบนภูเขาแห่งหนึ่งที่ชื่อว่าพรรคหวงเหลียง
ในอาณาเขตของแคว้นเมิ่งเหลียง นอกจากภูเขาเมฆาเรืองที่มีหวังจะเลื่อนขั้นเป็นสำนักแล้วยังมีพรรคตระกูลเซียนที่มิอาจดูแคลนอีกแห่งหนึ่ง ก็คือพรรคหวงเหลียง ก่อนศึกใหญ่ อยู่ในแจกันสมบัติทวีปคือจวนเซียนบนภูเขาที่สามารถถือว่า ‘อยู่รั้งท้ายอันดับสองได้อย่างถูไถ แต่เป็นยอดบนสุดของอันดับสามกลับไม่เป็นธรรม’ ทุกวันนี้อาณาเขตทางทิศใต้ของแจกันสมบัติทวีป ภูเขาปริแตกไปนับไม่ถ้วน ฐานะของพรรคจึงลอยขึ้นสูงเหมือนเรือที่ลอยตามน้ำไปด้วย
‘แดนบิน’ ที่ไม่เชื่อมต่อกับภูเขาบรรพบุรุษพวกนั้นอยู่ห่างกันค่อนข้างไกล หากคิดจะเลียนแบบสำนักเบื้องบนกับสำนักเบื้องล่างก็จะมีการแบ่งระหว่าง ‘บนภูเขากับล่างภูเขา’
และพรรคหวงเหลียงก็คือ ‘บนภูเขา’ ของยอดเขาอีไต้แห่งฉู่โจว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!