กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 929

หย่า​งจื่อ​พลัน​ใช้เสียง​ใน​ใจถามว่า​ “ขอให้​ข้า​พูดคุย​กับ​สหาย​ผู้​นั้น​สัก​สอง​สามประโยค​ได้​หรือไม่​”

เฉิน​ผิง​อัน​หยุดชะงัก​ จับ​ประคอง​งอบ​ คล้าย​กำลัง​ปรึกษา​อะไร​กับ​ใคร​อยู่​

ครู่หนึ่ง​ต่อมา​ ห่าง​ไป​ไกล​ก็​มีเสียง​กระดิ่ง​ผูก​อูฐ​ดัง​ขึ้น​ระลอก​หนึ่ง​ บน​เส้นทาง​เก่าแก่​ของ​ทะเลทราย​เหลือง​ เสียง​กระดิ่ง​ผูก​อิฐ​ดังก้อง​ยาว​ มีคน​สวม​หมวก​ผ้าคลุม​ สวม​ชุด​ตัว​ยาว​สีมรกต​จูงอูฐ​สีขาว​เดิน​ตรง​มาอย่าง​เนิบ​ช้า

ดวงตะวัน​ลอย​อยู่​กลาง​นภา​ส่องแสง​แผดเผา​พื้นดิน​ เส้น​แสงล้วน​บิดเบี้ยว​ แขก​ร้านเหล้า​ที่​กำลัง​เล่น​ทาย​หมัด​ต่าง​ก็​พา​กัน​ย้าย​เส้น​สายตา​มามอง​แล้ว​หันไป​กระซิบกระซาบ​กัน​ แขน​ข้าง​ที่​จูงอูฐ​นั้น​เผย​ให้​เห็น​ข้อ​มือสี​ขาว​เหมือน​ราก​บัว​จึงเริ่ม​เดา​ถึงอายุ​ของ​สตรี​ผู้​นั้น​ ไม่รู้​ว่า​หน้าตา​จะเป็น​เช่นไร​ จะใช่ญาติ​ของ​สตรี​คน​ขาย​เหล้า​หรือไม่​ อายุ​เท่าไร​ ออกเรือน​แล้ว​หรือยัง​…

เพียงแต่​ไม่นาน​ก็​ถูก​ภาพ​เหตุการณ์​ประหลาด​อีก​อย่าง​บดบัง​ เพราะ​กลางอากาศ​ห่าง​ออก​ไป​มีรถม้า​คัน​หนึ่ง​ห้อ​ตะบึง​ผ่าน​ภูเขา​ลูก​แล้ว​ลูก​เล่า​ ทะยาน​มายัง​ร้านเหล้า​แห่ง​นี้​ด้วย​ความเร็ว​ราว​สาย​ฟ้าแลบ​ ขบวน​ตรวจตรา​นั้น​ยิ่งใหญ่​มาก​ ทั้ง​ขุนนาง​บุ๋น​บู๊​ เทพ​หญิง​นางกำนัล​ ต้อง​มีคน​ร่วม​ๆ ยี่สิบ​คน​ จัด​ขบวน​เหมือน​การ​ออก​ลาดตระเวน​แปด​จังหวัด​อย่าง​ที่​กล่าวถึง​ใน​นิยาย​ทั้งหลาย​ ใน​มือถือ​กระบี่​อาญาสิทธิ์​ ตี​กลอง​เปิดทาง​ มีขุนนาง​ชั้นผู้น้อย​แบก​ป้าย​สอง​ป้าย​เป็น​คำ​ว่า​ นิ่ง​สงบ​เคารพ​ภูเขา​สายน้ำ​ คน​ไม่เกี่ยวข้อง​หลีก​ไป​ให้​ไกล​ ความต่าง​ที่​ใหญ่​ที่สุด​ก็​คือ​หนึ่ง​อยู่​บน​พื้น​ อีก​หนึ่ง​อยู่​บน​ฟ้า

เฉิน​ผิง​อัน​เดิน​ไป​ถึงข้าง​กาย​ชิงถงแล้ว​พยักหน้า​ จากนั้น​เหลือบตา​มอง​จุด​สูงก็​เห็น​ว่า​ใน​รถม้า​ทาสี​เขียว​ปัก​ธงเหลือง​มีเด็กหนุ่ม​คน​หนึ่ง​ ใบหน้า​ขาว​ราวกับ​หยก​ ดวงตา​ทั้งคู่​เป็น​สีทอง​อ่อน​จางแปลกตา​น่ามอง​ กำลัง​หลุบ​ตา​ลง​ต่ำ​มอง​มายัง​ร้านเหล้า​แห่ง​นี้​ เพียงแค่​กวาดตา​มอง​คน​ที่​ผ่าน​ทาง​มาสอง​คน​แล้วก็​ไม่ใส่ใจอีก​ ใช้เวท​มอง​ลมปราณ​ก็​เป็น​แค่​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​ห้า​คน​หนึ่ง​กับ​ผู้ฝึก​ตน​หญิง​ขอบเขต​ชมมหาสมุทร​คน​หนึ่ง​เท่านั้น​ คู่รัก​บน​ภูเขา​ที่​เป็น​เช่นนี้​ กลาย​มาเป็น​แขก​ผู้สูงศักดิ์​ของ​เทพ​ภูเขา​กง​ซิน​โจว​ก็​มาก​พอ​เหลือแหล่​ เพียงแต่ว่า​มิอาจ​เข้าตา​ตน​ได้​เลย​จริงๆ​

ภูต​ภูเขา​ที่นั่ง​ดื่มเหล้า​ทาย​หมัด​อยู่​บน​โต๊ะ​ตัว​ใหญ่​พา​กัน​หยุด​เสียง​โห่ร้อง​เฮฮา รีบ​หยิบ​เสื้อ​ขึ้น​มาสวม​ด้วย​ท่าทาง​รีบร้อน​ เป็น​การสวม​เสื้อผ้า​ที่​แทบจะ​เรียก​ได้​ว่า​ลนลาน​ ถึงท้ายที่สุด​ก็​กลายเป็น​ภาพ​น่าขัน​ที่​คน​ผอม​สวม​เสื้อ​ตัว​ใหญ่​ คน​อ้วน​สวม​เสื้อ​ตัวเล็ก​คับ​แน่น​ เพียงแต่ว่า​เวลา​กระชั้นชิด​จึงไม่มีเวลา​ให้​พวกเขา​เปลี่ยน​กลับมา​สวม​ใหม่​ แต่ละคน​พลัน​รู้สึก​หัวโต​ขึ้น​มาทันใด​ ใคร​บ้าง​ไม่รู้​ว่า​ฝู่จวิน​ผู้​นั้น​พิถีพิถัน​ใน​เรื่อง​มารยาท​ไร้สาระ​พวก​นั้น​ที่สุด​แล้ว​ หวัง​เพียง​ว่า​อย่า​ได้​ถูก​เล่นงาน​เพราะ​เรื่อง​ขี้หมูราขี้หมาแห้ง​แบบนี้​เลย​

นาย​ท่าน​เทพ​ภูเขา​กับ​เด็กสาว​แม่ย่า​ลำคลอง​ของ​ใน​พื้นที่​ต่าง​ก็​ลุกขึ้น​จาก​โต๊ะ​สุรา​ มาที่​นอ​กร้าน​เพื่อ​รอ​ต้อนรับ​ราชรถ​ของ​ผู้บังคับบัญชา​ที่อยู่​เหนือศีรษะ​แล้ว​

ทั้งสองฝ่าย​ฝ่าย​หนึ่ง​เดิน​เข้า​ฝ่าย​หนึ่ง​เดิน​ออก​ จึงเดินสวน​ไหล่​กับ​บุรุษ​ที่​สวม​ชุด​เขียว​สวม​งอบ​ และ​ ‘สตรี​’ ที่​สวม​หมวก​ม่าน​คลุม​หน้า​ไป​พอดี​

ชิงถงเดิน​ไป​ถึงข้าง​โต๊ะ​เหล้า​ ไม่ได้​ปลด​หมวก​คลุม​หน้า​ออก​ เพียงแค่​เลิก​มุมหนึ่ง​ขึ้น​มอง​หย่า​งจื่อ​ เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​ใสกังวาน​ “สหาย​หย่า​งจื่อ​ เรียก​ข้า​ว่า​ชิงถงก็​พอ​”

เวท​อำ​พรางตา​น้อย​นิด​แค่นั้น​ที่​หย่า​งจื่อ​ร่าย​ไว้​ สำหรับ​ชิงถงแล้ว​ไม่ต่าง​จาก​ภาพมายา​ และ​อยู่​ใน​ใบ​ถงทวีป​ อันที่จริง​ชิงถงก็​มักจะ​เห็น​เงาร่าง​ของ​หย่า​งจื่อ​อยู่​เป็นประจำ​ หาก​จะบอ​กว่า​ไม่อิจฉา​เลย​ก็​เป็นไปไม่ได้​ หย่า​งจื่อ​ในเวลานั้น​มีฐานะ​เป็น​ผู้​ครอง​ลำคลอง​เย่ลั่ว​เก่า​ เป็นหนึ่ง​ใน​สิบ​สี่ปีศาจ​ใหญ่​บน​บัลลังก์​ ปกครอง​กระ​โจมทัพ​สอง​แห่ง​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ ฐานะ​สูงเหนือ​เฟยเฟย​ เรียก​ได้​ว่า​กุมอำนาจ​ใหญ่​อยู่​ใน​มือ​ มีความหวัง​บน​มหา​มรรคา​อย่าง​แท้จริง​

“เชิญนั่ง​ตามสบาย​”

หย่า​งจื่อ​ใช้พัด​ใบลาน​ใน​มือ​ชี้ไป​ยัง​ม้านั่ง​ตัว​ยาว​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ใน​เมื่อ​เป็น​นักโทษ​ก็​คง​ไม่มีวิถี​แห่ง​การ​รับรอง​แขก​อะไร​ให้​พิถีพิถัน​อีกแล้ว​”

เมื่อ​เฉิน​ผิง​อัน​นั่งลง​อีกครั้ง​ หย่า​งจื่อ​ถึงได้​ถามว่า​ “คน​บางคน​ลืม​จ่าย​เงิน​ค่า​เหล้า​หรือไม่​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ก็​ยัง​ไม่ได้​ไป​ไม่ใช่หรือ​ พอดี​กับ​ที่​คิดบัญชี​เก่า​ใหม่​รวมกัน​ได้​เลย​”

หย่า​งจื่อ​ทำเป็น​ว่า​ฟังความนัย​นอกเหนือจาก​ประโยค​นี้​ไม่ออก​ หันหน้า​ไป​มอง​ชิงถง โบก​พัด​ใบลาน​เบา​ๆ “ทาง​ฝั่งของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ต่าง​ก็​พูด​กัน​ว่า​ทำการค้า​กับ​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​มีแต่​กำไร​ไม่มีขาดทุน​ ลง​เดิมพัน​มาก​ก็​ชนะ​มาก​ สหาย​ชิงถงสายตา​ดี​จริงๆ​”

ชิงถงถอนหายใจ​เบา​ๆ หนึ่ง​ที​ พูด​อย่าง​เปิดเผย​ว่า​ “ก็​แค่​การกระทำ​ด้วย​ความ​จนใจ​เท่านั้น​ ตอนแรก​ก็​ถามหมัด​กับ​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ก่อน​ จากนั้น​ก็​รับ​การ​ถามกระบี่​จาก​เสี่ยว​โม่ หาก​ยัง​ไม่รู้​กาลเทศะ​อีก​ ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ก็​จะยก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​อีก​ครึ่งหนึ่ง​มาไว้​ที่​ใบ​ถงทวีป​ ข้า​ยัง​จะทำ​อย่างไร​ได้​อีก​”

หย่า​งจื่อ​ยิ้ม​ถาม “ถามกระบี่​? เสี่ยว​โม่?”

พอ​ชิงถงนึกถึง​เจ้าหมอ​นั่น​ที่​ฟื้น​คืน​สู่พลัง​สูงสุด​ที่​หอ​สยบ​ปีศาจ​ ใบหน้า​ก็​เปลี่ยนสี​ไป​เล็กน้อย​ ยิ่ง​จนใจ​มากกว่า​เดิม​ “ก่อนหน้านี้​เจ้าก็​เดา​ตัวตน​เขา​ออก​แล้ว​ ตอนนี้​เขา​ติดตาม​อยู่​ข้าง​กาย​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ ไม่รู้​ว่า​ทำไม​ถึงเรียก​ตัวเอง​ว่า​นักรบ​พลีชีพ​ด้วย​ความภาคภูมิใจ​ ทั้ง​ยัง​เป็น​ผู้​ถวายงาน​ที่​ได้รับ​การ​บันทึก​ชื่อ​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ ใน​ศาล​บุ๋น​ใช้นามแฝง​ว่า​โม่เซิง ฉายา​ ‘สี่จู๋’ เวลา​ปกติ​ชอบ​เรียก​ตัวเอง​ว่า​เสี่ยว​โม่”

หย่า​งจื่อ​หยุด​โบก​พัด​ ถามอย่าง​ใคร่รู้​ “เมื่อ​เทียบ​กับ​เมื่อ​หมื่น​ปีก่อน​ เวท​กระบี่​ของ​เจ้าหมอ​นี่​พัฒนา​ไป​ได้​กี่​ส่วน​แล้ว​?”

ชิงถงยิ้ม​ขื่น​ “ตอนนั้น​เวท​กระบี่​ของ​เขา​เป็น​อย่างไร​ ข้า​ก็​ไม่ได้​รู้​ด้วย​สักหน่อย​”

หย่า​งจื่อ​พยักหน้า​ โลก​มนุษย์​ในเวลานั้น​ คน​ที่​รู้​ว่า​เวท​กระบี่​ของ​เสี่ยว​โม่สูงหรือ​ต่ำ​ดี​ที่สุด​ นอกจาก​ผู้ฝึก​กระบี่​บน​ยอดเขา​ที่​มีเพียง​หยิบมือ​แล้ว​ ก็​คงจะ​เป็น​นาง​หย่า​งจื่อ​นี่แหละ​ที่​มีคุณสมบัติ​จะพูด​ได้​

หาก​พวก​ปีศาจ​ใหญ่​ยุค​บรรพกาล​ที่​หลับสนิท​นาน​หมื่น​ปี​กลุ่ม​ของ​เสี่ยว​โม่ตื่นขึ้น​มาเร็ว​กว่า​นี้​แค่​ไม่กี่​ปี​ จากนั้น​ก็​เข้าสู่​ตำหนัก​อิง​ห​ลิง​กลายเป็น​ราชา​บน​บัลลังก์​ สามารถ​ต่อสู้​เคียงบ่าเคียงไหล่​กับ​ราชา​บน​บัลลังก์​เก่า​ขอบเขต​สิบ​สี่อย่าง​ตน​ล่ะ​?

ถ้าอย่างนั้น​การต่อสู้​ก่อนหน้านี้​ กระ​โจมทัพ​เปลี่ยว​ร้าง​ก็​แค่​ต้อง​ผลักดัน​รุดหน้า​ไป​ตลอดทาง​เท่านั้น​ ไม่กล้า​พูดว่า​สุดท้าย​แล้ว​ต้อง​ยึดครอง​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​ที่​รากฐาน​ลึกล้ำ​มาได้​ แต่​อันดับ​แรก​ ทัก​ษินา​ตย​ทวีป​ต้อง​ถูก​ตี​แตก​ได้​ใน​ไม่นาน​ บางที​เฉิน​ฉุน​อัน​ผู้รอบรู้​ก็​อาจจะ​ตาย​ไป​พร้อม​ชื่อเสียง​ที่​ดีกว่า​นี้​? จากนั้น​ธวัล​ทวีป​ที่อยู่​ทาง​ทิศเหนือ​ของ​เกราะ​ทอง​ทวีป​ก็​มีแต่​จะถูก​ยึดครอง​มาตาม​โอกาส​อำนวย​ พวก​หญ้า​ยอด​กำแพง​ที่​ล้ม​เอน​ไป​ตาม​แรงลม​ของ​ธวัล​ทวีป​ โดยเฉพาะ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ ไม่ว่า​ทุกวันนี้​ใคร​จะเป็น​ประมุข​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ หย่า​งจื่อ​ก็​มั่นใจ​ใน​เรื่อง​หนึ่ง​ว่า​ รอ​ให้​สงคราม​สิ้นสุดลง​ ภูเขา​สายน้ำ​ของ​หนึ่ง​ทวีป​มีแต่​จะแตกสลาย​ยับเยิน​ เป็นเหตุให้​โลก​มนุษย์​ไม่มีแจกัน​สมบัติ​ทวีป​อยู่​อีก​ ต่อให้​ซูจื่อ​หลิ่ว​ชีหวน​กลับคืน​มายัง​ไพศาล​ก็​ยัง​ไร้ประโยชน์​ ไม่แน่​ว่า​นอกจาก​ป๋า​ย​เห​ย่​แล้ว​ ฝูลู่​อวี๋​เสวียน​ก็​ยัง​ต้อง​ตาย​ดับ​อยู่​ใน​ฝูเหยา​ทวีป​ไป​ด้วย​…

ตัวนาง​เอง​ก็​ไม่คง​ถึงขั้น​ถูก​ขัดขวาง​บน​เส้นทาง​หลบหนี​ ถูกจับ​ขัง​ไว้​ที่นี่​ ได้​แต่​ขาย​เหล้า​อ่าน​ตำรา​ฆ่าเวลา​ใน​แต่ละวัน​ให้​ผ่าน​พ้นไป​เท่านั้น​

ชิงถงกวาดตา​มอง​รอบด้าน​ เอ่ย​ว่า​ “ดูเหมือนว่า​ทาง​ศาล​บุ๋น​จะไม่ได้​สร้าง​ตรา​ผนึก​แห่ง​ขุนเขา​สายน้ำ​ไว้​ที่นี่​นะ​?”

หย่า​งจื่อ​อืม​รับ​หนึ่ง​ที​ “มีสัญญาวิญญูชน​ร่วมกับ​จอม​ปราชญ์​น้อย​ไป​ครั้งหนึ่ง​ ใน​พื้นที่​รัศมี​พัน​ลี้​รอบด้าน​ ข้า​สามารถ​ไปมา​ได้​อย่าง​อิสระ​ ขอ​แค่​ไม่สังหาร​คน​พร่ำ​เพื่อ​ก็​ไม่มีข้อห้าม​ใดๆ​ อีก​ทั้ง​ข้า​เอง​ก็​ไม่ต้อง​ทำ​อะไร​เพื่อ​ศาล​บุ๋น​ นักโทษ​ที่​เป็น​อย่าง​ข้า​ บางที​อาจ​มีให้​เห็น​ได้​ไม่มาก​นัก​”

ชิงถงเอ่ย​ชมจาก​ใจจริง​ “จอม​ปราชญ์​น้อย​ยังคง​ใจกว้าง​อยู่​เหมือนเดิม​”

ยาม​ที่​ทั้งสอง​คน​พูดถึง​ห​ลี่​เซิ่งก็​ยังคง​เคยชิน​ที่จะ​เรียก​ว่า​จอม​ปราชญ์​น้อย​

หย่า​งจื่อ​หัวเราะ​ ก่อน​เอ่ย​ว่า​ “นาย​ท่าน​ป๋า​ย​เจ๋อ​ของ​พวกเรา​ท่าน​นั้น​ ต่อให้​จะมีดี​นับ​พัน​นับ​หมื่น​ข้อ​ แต่​เมื่อ​เทียบ​กับ​จอม​ปราชญ์​น้อย​แล้ว​ ข้า​ก็​ยัง​รู้สึก​ว่า​ขาด​ความหมาย​อะไร​บางอย่าง​ไป​อยู่ดี​”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!