พื้นที่ใจกลางของแจกันสมบัติทวีป เรือนขนาดยักษ์ที่ทำมาจากหยกโอฬารหรูหราแห่งหนึ่ง จวนฉางชุนโหว ตำหนักปี้เซียวแห่งลำน้ำใหญ่
ในจวนน้ำแขวนกรอบป้ายไว้มากมาย บุญกุศลคงอยู่ตลอดไปที่เจ้าขุนเขาสำนักศึกษากวานหูมอบให้ ยึดหลักศีลธรรมสืบทอดกันไปรุ่นต่อรุ่นที่เขียนด้วยลายมือของเจ้าประมุขสกุลเจียงหลินอวิ๋น และยังมีฉากกั้นแห่งเมืองเทพที่สำนักศึกษาหลินลู่ส่งมาให้
แม้แต่หลิ่วชิงเฟิงอดีตเจ้ากรมพิธีการของเมืองหลวงต้าหลี ตอนมีชีวิตอยู่ก็ยังเคยมอบผลงานน้ำหมึกอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ตัวอักษรใหญ่สี่คำว่า ‘ฟ้าใสทำนาฝนตกอ่านตำรา’ เขียนได้ทรงพลังอย่างยิ่ง
บนบกของแจกันสมบัติทวีปในทุกวันนี้ หยางฮวาที่ศาลบุ๋นแต่งตั้งตำแหน่งโหวให้ก็คือผู้นำของเทพวารีอย่างสมชื่อ
เฉินผิงอันไม่ได้ไปหาหยางฮวาโดยตรง
ช่วยไม่ได้ ท่านโหวหญิงของลำน้ำใหญ่ผู้นี้เป็นคนที่เอาจริงเอาจังมาก จึงต้องให้คนเฝ้าประตูไปแจ้งนางก่อน
เพียงแต่ว่าหากมีใครที่สามารถเดินตามมาด้านท้าย คอยมองดูการท่องในความฝันทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็จะค้นพบว่าดินแดนแห่งความฝันที่เฉินผิงอันสร้างขึ้นยิ่งนานก็ยิ่งขยับเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกทีแล้ว
เฉินผิงอันเดินขึ้นบันได เดินไปทางห้องของคนเฝ้าประตู
ได้ยินมาว่าเรื่องแรกที่หยางฮวาทำหลังจากเข้ารับตำแหน่งก็คือสั่งให้ขุนนางชั้นผู้น้อยในขุนเขาสายน้ำใต้อาณัติทั้งหมด ห้ามมาแสดงความยินดีถึงที่จวน ดังนั้นอย่าว่าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้ำมากมายใต้อาณัติของจวนโหวเลย แม้แต่เทพวารีที่ระดับขั้นไม่ต่ำ และยังมีท่านเทพอภิบาลเมืองของเขตต่างๆ ทางทิศใต้ของต้าหลี ทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยมีใครได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหยางฮวามาก่อน
ลองมองเว่ยซานจวินของพวกเราท่านนั้น ในเรื่องนี้ต้องบอกว่า ‘ใกล้ชิดกับคนง่าย’ กว่ามากนัก แม้แต่เทพอภิบาลเมืองประจำอำเภอ เทพแห่งผืนดิน พวกแม่ย่าลำคลองทั้งหลาย ต่างก็เคยโชคดีได้ร่วมงานเลี้ยงท่องราตรี เคยได้เห็นซานจวินบ้านตนกับตาตัวเองมาก่อน
ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันอาศัยมือของโต้วแยนเทพภูเขาแห่งยอดเขาเตี๋ยอวิ๋นให้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้หยางฮวา เชื่อว่าด้วยจิตใจที่ละเอียดอ่อนดุจเส้นผมของหยางฮวาแล้ว หากไม่ผิดไปจากที่คาด หยางฮวาก็น่าจะไปเยือนยอดเขาเตี๋ยอวิ๋นและที่ตั้งเก่าของลำคลองเที่ยวโปแล้ว อีกทั้งเกินครึ่งคงจะเป็นการเปลี่ยนชุดแต่งกายไปเยี่ยมเยือนเป็นการส่วนตัวด้วย เชื่อว่าด้วยนิสัยที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านของเทพภูเขาโต้วแล้ว ความสามารถในการจัดการน้ำของพ่อปู่ลำคลองเฉิน บางทีหยางฮวาอาจไม่ได้รู้สึกตกตะลึงระคนยินดีสักเท่าไรที่ในอาณาเขตของตัวเองมี ‘ไข่มุกหายากในมหาสมุทร’ เช่นนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดนางก็ต้องไม่มีทางรู้สึกผิดหวัง
คนเฝ้าประตูคือผู้ฝึกตนเฒ่าขอบเขตชมมหาสมุทรคนหนึ่ง จัดการตัวเองได้อย่างสะอาดเอี่ยม สวมชุดคลุมอาคมตัวหนึ่งที่บอกว่าถักทอด้วยกรรมวิธีของจวนไฉ่เชวี่ยแห่งอุตรกุรุทวีป ซึ่งชุดคลุมอาคมประเภทนี้ทุกวันนี้แทบจะกลายมาเป็นรูปแบบชุดขุนนางของวงการขุนนางภูเขาสายน้ำของต้าหลีแล้ว
คนเฝ้าประตูบ้านอัครเสนาบดีคือขุนนางขั้นสาม (เปรียบเปรยว่าอยู่กับคนมีอำนาจ แม้จะเป็นคนตำแหน่งต่ำต้อยก็ยังมีหน้ามีตา มีคนให้เกียรติ) ทว่าคนเฝ้าประตูผู้เฒ่าคนนี้กลับยังคงมีสีหน้าเป็นมิตร เป็นฝ่ายออกจากประตูมาต้อนรับแขก พอได้ยินแขกคนนั้นบอกว่าตัวเองคือเฉินผิงอันแห่งภูเขาลั่วพั่ว
ผู้ฝึกตนเฒ่าก็อดไม่ไหวหลุดปากถามออกไปว่า “ใครนะ?!”
อันที่จริงการกระทำนี้ถือว่าเสียมารยาทมากแล้ว ด้วยประสบการณ์เก่าแก่ของคนเฝ้าประตูผู้เฒ่า เดิมทีไม่ควรจะทำความผิดประเภทนี้ เพียงแต่ข้อมูลที่หูได้ยินสร้างความตะลึงพรึงเพริดให้เขามากเกินไป อีกฝ่ายมาเยือนจวนโหวเพียงลำพัง เมื่อครู่นี้ก็ไม่ได้มีลางว่ามีแสงกระบี่เปล่งวาบบนขอบฟ้าอะไร ไม่ว่าอย่างไรลักษณะก็ไม่เหมือนเซียนกระบี่คนอื่น
เฉินผิงอันจึงทำเพียงยิ้มแล้วบอกตัวตนไปอีกครั้ง
คราวนี้บนหน้าผากของผู้เฒ่าคนเฝ้าประตูมีเหงื่อซึมออกมาแล้ว แล้วก็ไม่กล้าพูดบ่นแม้แต่ครึ่งคำ ได้แต่บากหน้าเอ่ยว่า “ใต้เท้าอิ่นกวานโปรดรอให้ข้าไปแจ้งข้างในก่อนสักหน่อยได้หรือ?”
ไม่ได้เรียกอีกฝ่ายว่าเจ้าขุนเขาหรือเซียนกระบี่เฉิน ผู้เฒ่าคนเฝ้าประตูเรียกด้วยสถานะที่ตัวเองคิดว่าสำคัญที่สุด
ผู้เฒ่าเองอยากจะปล่อยตัวอีกฝ่ายไปทันที เพียงแต่จวนโหวมีกฎเข้มงวด หลายปีที่ผ่านมานี้ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าคนเฝ้าประตูขัดขวางแขกผู้สูงศักดิ์ไปกี่คนแล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีท่านเทพอภิบาลประจำเมืองหลวงสำรองของต้าหลีมาเยือนเพื่อพูดคุยธุระ คนเฝ้าประตูขบคิดอย่างระมัดระวังแล้วก็รู้สึกว่าไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะปล่อยตัวอีกฝ่ายเข้าไปโดยไม่จำเป็นต้องไปแจ้งก่อน ผลคือภายหลังถูกหลิวหมัวมัวกองมรรยาทลากตัวเขาไปด่าอย่างรุนแรงรอบหนึ่ง บอกว่าเหตุใดเจ้าถึงได้ไม่แยกแยะเช่นนี้
เฉินผิงอันพยักหน้ายิ้มรับ “ทำตามกฎไปก็พอ”
ผู้เฒ่าคนเฝ้าประตูยืนรออยู่นอกประตูจวนโหวเป็นเพื่อนใต้เท้าอิ่นกวานด้วยความกระวนกระวาย
ตอนนี้เขารู้สึกสงสัยใคร่รู้อยู่บ้าง ไม่รู้ว่าวันนี้จวนโหวบ้านตนจะเปิดประตูใหญ่ต้อนรับแขกหรือไม่
เป็นการปฏิบัติตามมารยาทที่มีเพียงจักรพรรดิและอ๋องผู้ครองแคว้นของต้าหลีถึงจะได้รับ หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องให้ซานจวินของห้ามหาบรรพตในหนึ่งทวีปมาเยือน
ทว่าเซียนกระบี่หนุ่มที่มีชาติกำเนิดจากแจกันสมบัติทวีปแต่ไปรับหน้าที่เป็นอิ่นกวานคนสุดท้ายของกำแพงเมืองปราณกระบี่ผู้นี้อุตส่าห์ได้มาเยือนทั้งที แล้วนับประสาอะไรกับที่เจ้านายบ้านตนก็เลื่อนขั้นมาจากตำแหน่งเทพวารีแม่น้ำเถี่ยฝูซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ในระยะประชิดกับภูเขาลั่วพั่ว
ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนรวมหรือเหตุผลส่วนตัว จวนโหวก็ควรจะต้องเปิดประตูใหญ่ต้อนรับแขก
ทว่าคนที่ออกมาต้อนรับอิ่นกวานกลับเป็นบุคคลอันดับสองของกรมมรรยาท รวมไปถึงเทพหญิงถือตราประทับที่ดูแลกรมตราประทับของจวนโหวคนหนึ่ง ฉางชุนโหวไม่ได้ปรากฏตัวด้วยตัวเอง เพียงแค่เรื่องนี้ก็ทำให้คนเฝ้าประตูรู้สึกละอายใจ ยิ่งหวาดหวั่นมากกว่าเดิม ไม่กล้าเอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว
นี่แสดงให้เห็นว่าอันดับแรกที่ไปเข้าร่วมงานพิธีของภูเขาตะวันเที่ยง แล้วตามมาด้วยสถานะอิ่นกวานที่ชวนตะลึงพรึงเพริด อาศัยรายงานข่าวที่แพร่ไปทั่วทั้งทวีปภายในค่ำคืนเดียว ทุกอย่างเป็นดั่งน้ำลดหินผุด ในวงการขุนนางภูเขาสายน้ำของแจกันสมบัติทวีปในทุกวันนี้ ชื่อ ‘เฉินผิงอัน’ นี้ เดิมทีก็คือเอกสารผ่านด่านที่ใช้ได้ผลที่สุด
เทพหญิงที่ดูแลตราประทับใช้สถานะของขุนนางหญิงคารวะเฉินผิงอันก่อน จากนั้นจึงยอบกายคารวะอีกครั้ง เอ่ยขออภัยว่า “เจ้าขุนเขาเฉิน นายท่านของข้ากำลังต้อนรับแขกอยู่พอดี ตอนนี้ไม่สะดวกจะทิ้งแขกเอาไว้ หวังว่าเจ้าขุนเขาเฉินจะให้อภัย”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ตามหลักแล้วควรเป็นเช่นนี้ มาเยี่ยมเยือนกะหันทัน ไม่ได้แจ้งข่าวมาก่อน ไม่ได้กินน้ำแกงประตูปิดก็ถือว่าดีมากแล้ว”
เทพหญิงจวนโหวทั้งสองคนที่ไม่ได้เป็นขุนนางเก่าของแม่น้ำเถี่ยฝูต่างก็ถอนหายใจโล่งอกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ไม่ค่อยเหมือนกับใต้เท้าอิ่นกวานผู้สูงส่งเหนือใครอย่างที่จินตนาการไว้เลย ควรจะพูดให้ถูกก็คือ ไม่เหมือนเกินไปแล้ว
ผลคือพอคนทั้งสามเดินลอดผ่านระเบียง เดินไปได้ครึ่งทางก็มีขุนนางหญิงที่สวมชุดขุนนางจากต่างกองเดินมาอีกสองคน ดูจากลายปักบนชุดแล้วน่าจะเป็นบุคคลอันดับหนึ่งและอันดับสองในบรรดากองมากมายของจวนวารี
พวกนางคล้ายเฝ้าตอรอกระต่ายอยู่บนทางเส้นนี้มานานแล้ว แต่อ้างว่าบังเอิญผ่านทางมาพอดี แล้วก็เพราะว่าต้องไปทางเดียวกันจึงสามารถตรงไปที่ห้องโถงรับรองแขกของกองมรรยาทพร้อมกันได้พอดี ทำได้อย่างรัดกุมไร้ช่องโหว่ หาข้อบกพร่องไม่ได้แม้แต่น้อย
พวกขุนนางหญิงกองมรรยาทถลึงตาใส่คนทั้งสอง เมื่อครู่นี้ได้รับรายงานจากคนเฝ้าหน้าประตู ก่อนที่ตนจะออกจากที่ว่าการมาก็เตือนขุนนางกองทั้งหลายไว้โดยเฉพาะว่าอย่าก่อเรื่อง เหตุใดถึงได้ทำเป็นเล่นเช่นนี้?!
เทพหญิงกองตราประทับจึงได้แต่ใช้เสียงในใจเตือนคนทั้งสองด้วยเสียงหนักเข้มงวดว่า “มาก็มาแล้ว แต่ต่อจากนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามเปิดปากพูด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!