เฉินเหวินเชี่ยนหัวเราะอย่างขำๆ ปนฉุน “พวกเจ้าอยากได้เงินจนเป็นบ้ากันไปแล้วหรือ”
ทุกวันนี้เรื่องที่ศาลบุ๋นเริ่มการแต่งตั้งลำน้ำใหญ่อีกครั้งต้องขอบคุณคนสามคน
เหวยเซ่อแห่งธวัลทวีป ราชครูต้าหลี ซิ่วหู่ชุยฉาน หยวนพางแห่งสายหย่าเซิ่ง เจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
คนหนึ่งวิ่งเต้นเหน็ดเหนื่อยอยู่นานหลายปีเพราะเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้เหวยเซ่อจึงไม่ได้เข้าร่วมการประชุมของศาลบุ๋น แต่เล่าลือกันว่าเหวยเซ่อได้ยกเรื่องเก่าขึ้นมาพูดโดยการส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้กับเจ้าลัทธิศาลบุ๋นทั้งสามคน
ส่วนชุยฉานกลับไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ ถึงขั้นที่ว่าไม่ได้พูดคุยกับศาลบุ๋นด้วยซ้ำ เอาแต่ ‘ทำเรื่องของตัวเอง’ ‘ข้าทำของข้าเอง’ ก็ทำเรื่องนี้สำเร็จได้
การปรากฏตัวของลำน้ำฉีตู้กลายเป็นตัวอย่างทางตรงที่ดีที่สุด พิสูจน์ให้เห็นว่าขุนเขาสายน้ำของทวีปหนึ่งได้ครอบครองลำน้ำใหญ่หนึ่งสาย เอามาใช้รวบรวมโชคชะตาน้ำ มีประโยชน์มากกว่าผลเสีย
ต่อมาจึงเป็นหยวนพางที่เสนอเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างเป็นทางการระหว่างการประชุมศาลบุ๋น
แต่ในความเป็นจริงแล้วเฉินผิงอันยังรู้ความลับอีกเรื่องหนึ่ง บนเรือราตรีลำนั้น เฉินผิงอันเคยเจอกับกลุ่มของเทียนซือน้อยของภูเขามังกรพยัคฆ์กับภิกษุเด็กหนุ่มมาก่อน พวกเขานอกจากจะตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อนของการวัดชั่งตวงชนิดใหม่ล่าสุดแล้ว ยังเคยไปเยือนลำน้ำฉีตู้โดยเฉพาะมารอบหนึ่ง ถือว่าเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่ต้องไปตรวจสอบ
โต้วแยนรินเหล้าให้ตัวเองจนเต็มชาม ชูชามเหล้าไปให้ใครบางคน ยิ้มมองเซียนกระบี่ชุดเขียวที่มิอาจตัดสินเอาจากรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น เฉินเหวินเชี่ยนเจ้าเป็นแค่หูจวินตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไปยืนอยู่อีกด้านหนึ่งก่อนก็แล้วกัน
ใต้เท้าอิ่นกวาน ไม่สู้ท่านผู้อาวุโสโปรดบอกมาให้แน่ชัดหน่อยได้ไหม?
หากว่าไม่ได้ ข้าก็จะแนะนำสหายคนนั้นว่าอย่าได้จ่ายเงินเทพเซียนให้ละลายไปพร้อมกับสายน้ำ หากสำเร็จ ยอดเขาเตี๋ยอวิ๋นของข้าต่อให้ต้องทุบหม้อขายเหล็กก็ต้องรวบรวมเงินให้ได้ครบถ้วน
เฉินผิงอันรินเหล้าหนึ่งชาม แกว่งชามเหล้า จุ๊ปากเอ่ย “ราคาสุราของยอดเขาเตี๋ยอวิ๋น ราคาไม่ถูกเลยนะ”
เฉินเหวินเชี่ยนหยิบชามเหล้ามาเคาะลงบนโต๊ะ เตือนโต้วแยนว่าอย่าได้คืบแล้วจะเอาศอก ถลึงตาเอ่ย “เทพภูเขาใหญ่โต้ว อาจารย์เฉินพูดไปตั้งมากขนาดนั้นแล้ว เจ้าก็ยังจะฟังไม่เข้าใจ เป็นเทพภูเขานานเข้าก็เลยฟังภาษาคนไม่ออกแล้วใช่ไหม?”
เพราะเฉินเหวินเชี่ยนมั่นใจได้เลยว่า ขอแค่ไม่ผิดไปจากที่คาด ใบถงทวีปอย่าได้หวังว่าจะบุกเบิกลำน้ำใหญ่ เมื่อครู่คำพูดประโยคนั้นของเซียนกระบี่เฉินได้เปิดเผยความลับสวรรค์มาแล้ว ถือเป็นการให้คำยืนยันกับเรื่องนี้
พันธมิตรใบท้อครั้งนั้นมีกองกำลังของบนภูเขาและล่างภูเขาอยู่แค่ไม่กี่แห่ง ไหนเลยจะมีปัญญาสร้างวีรกรรมเช่นนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ คำว่าหนึ่งในระเบียบวาระ ก็คือการลงแรงที่แสดงออกภายนอก นำมาใช้รวบรวมใจคน
ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่ถึงจะมีหวังสร้างลำน้ำใหญ่สายหนึ่งให้กับใบถงทวีปได้สำเร็จ นั่นก็คือให้ผู้นำอย่างสำนักกุยหยก อีกทั้งยังต้องให้เหวยอิ๋งออกหน้าเอง ยอมเผาผลาญคุณความชอบของสำนักตัวเองอย่างไม่เสียดาย จากนั้นลากเอามังกรข้ามแม่น้ำที่มือเติบใจป้ำอย่างสกุลหลิวธวัลทวีปมา แล้วก็มีความเป็นไปได้ว่ายังต้องลากเอาพันธมิตรพันธมิตรทางเหนืออย่างราชสำนักต้าหลีให้มานั่งแบ่งทรัพย์สินกันด้วย
เฉินผิงอันคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ไม่เพียงแค่พี่ใหญ่โต้วเท่านั้น หากอาจารย์เฉินมีเงินที่พอเหลืออยู่ในมือก็สามารถเอามารวมได้”
เฉินเหวินเชี่ยนอึ้งตะลึง หูจวินท่านใหม่เริ่มสับสนเสียแล้ว
เฉินผิงอันเอ่ยต่อไปว่า “เทพภูเขาโต้ว ท่านต้องรับปากกับข้าว่า จะไปยืมเงินกับใครที่ไหนก็ได้ แต่ต่อให้เป็นสหายรักคนนั้นของท่านกลับอย่าได้เปิดปากแม้แต่ครึ่งคำ ต่อให้ไม่อาจต้านทานการซักถามของอีกฝ่ายได้ ท่านก็ตอบรับอย่างขอไปทีแล้วกัน บอกไปแค่ว่าได้ยินข่าวลือเล็กๆ มาเรื่องหนึ่ง ไม่อาจแน่ใจได้ เชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว ไม่ใช่ว่าวันไหนดื่มเหล้าจนเมามายแล้วเผลอเอาเรื่องที่พวกเราคุยกันวันนี้ไปโพนทะนากับคนอื่นล่ะ”
โต้วแยนพยักหน้าเหมือนโขลกกระเทียม พูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “หากว่ากฎในวงการขุนนางน้อยนิดแค่นี้ยังไม่เข้าใจ ข้าก็คงเป็นเทพภูเขาของยอดเขาเตี๋ยอวิ๋นมาอย่างเสียเปล่าแล้ว”
เฉินเหวินเชี่ยนถามอย่างใคร่รู้ “นี่คือ?”
ผลคืออีกฝ่ายยิ้มให้คำตอบ
“ข้าจะกระตุ้นเรื่องนี้ให้สำเร็จ”
เฉินเหวินเชี่ยนอึ้งงันไร้คำพูด รู้สึกว่าเหลือเชื่อมาก ไม่กล้าเชื่อ เพียงแต่จำต้องเชื่อ
ความนัยในประโยคนี้ของเซียนกระบี่หนุ่มชัดเจนไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
เรื่องที่เจ้าขุนเขาทั้งสามท่านต่างก็ไม่กล้าพยักหน้าตอบตกลง ข้าทำได้
เฉินเหวินเชี่ยนเงียบงันไปนาน ผลคือพอท่านหูจวินเอ่ยประโยคนี้ก็เกือบจะทำให้โต้วแยนพ่นเหล้าที่อยู่ในปากออกมา
“อาจารย์เฉิน กระเป๋าเงินของข้าฟีบแบนมานานแล้ว ท่านต้องให้ข้ายืมเงินสักหน่อย แน่นอนว่าต้องเป็นเงินฝนธัญพืช”
มือที่เพิ่งจะคีบปลาหลูนึ่งของเฉินผิงอันลอยค้างอยู่กลางอากาศ ใบหน้าเต็มไปด้วยความจนใจ “ปลาจานนี้ก็ไม่ถูกเลยจริงๆ”
สุดท้ายพอเฉินผิงอันออกไปจากยอดเขาเตี๋ยอวิ๋นแล้ว
โต้วแยนก็เอ่ยอย่างกังขาว่า “ประหลาดใจนัก ทำไมข้าถึงมักจะมีความรู้สึกลวงตาบางอย่างล่ะ ไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ”
เฉินเหวินเชี่ยนยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ทั้งๆ ที่ดื่มเหล้าโต๊ะเดียวกัน แต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่ห่างกันคนละโลก?”
โต้วแยนตบโต๊ะ “พูดตรงเผงเลย! ข้าก็มีความรู้สึกเช่นนี้แหละ! เหวินเชี่ยน พวกเราสองคนคงไม่ได้ฝันไปหรอกกระมัง?”
เฉินเหวินเชี่ยนยิ้มถาม “หากต้องการพิสูจน์เรื่องนี้ว่าเป็นจริงหรือเท็จก็ง่ายดายมากเลย ยื่นหน้ามา ข้าจะตบหน้าเจ้าสักที”
โต้วแยนด่าขำๆ ไปสองสามประโยค พอหุบยิ้มแล้วก็ถามเสียงเบาว่า “พวกเราสองคนมีเรื่องดีๆ แบบนี้ก็เพราะบัณฑิตแซ่ชุยในปีนั้นกระมัง?”
เฉินเหวินเชี่ยนพยักหน้ารับ
โต้วแยนเงียบไปพักใหญ่ สุดท้ายก็ได้แต่เอ่ยออกมาประโยคเดียวว่า “คนแซ่เฉินผู้นี้นับว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าแก่ไม่น้อย”
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!