กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 932

ได้ยิน​การตัดสินใจ​นั้น​ของ​บรรพ​จารย์​ ทุกคน​ซึ่งรวมถึง​หวง​ฉู่ก็​หันมา​มองหน้า​กัน​ตา​ปริบๆ​

นี่​บรรพ​จารย์​คิด​จะทำ​อะไร​? ยัง​ไม่ทันกิน​อาหาร​มื้อ​ข้าม​ปี​เลย​นะ​ จะเริ่ม​แยก​บ้าน​ตั้งแต่​ตอนนี้​เลย​หรือ​?

อู๋​อี้​ใช้นิ้ว​เคาะ​ที่พัก​แขน​เก้าอี้​เบา​ๆ ยก​ปลายเท้า​ขึ้น​เหยียบ​ลง​บน​พื้น​ครั้งแล้วครั้งเล่า​

หัวใจ​ของ​หวง​ฉู่หดตัว​ รีบ​เอ่ย​ทันที​ว่า​ “ข้า​จะไป​เอา​ทำเนียบ​ของ​ศาล​บรรพ​จารย์​มาให้​ท่าน​บรรพ​จารย์​เลือก​ลูกศิษย์​เดี๋ยวนี้​”

หวง​ฉู่ไป​เอา​ตำรา​เล่ม​หนึ่ง​กลับมา​อย่าง​รวดเร็ว​ ใช้สอง​มือ​ถวาย​ให้​กับ​บรรพ​จารย์​ผู้บุกเบิก​ภูเขา​อย่าง​นอบน้อม​

อู๋​อี้​คลี่​กาง​ทำเนียบ​จวน​จื่อ​หยาง​เล่ม​นั้น​ออก​ เห็น​ชื่อ​ของ​คน​ที่​ถูกชะตา​บน​นั้น​ นาง​ก็​จะใช้นิ้วชี้​แล้ว​วาด​วงกลม​ลง​ไป​บน​ชื่อ​

ใน​ห้องโถง​ใหญ่​เงียบสงัด​จนกระทั่ง​เข็ม​ตก​ก็​คง​ได้ยิน​ มีเพียง​เสียง​แกรก​ๆ ตอน​ท่าน​บรรพ​จารย์​เปิด​หน้า​หนังสือ​เท่านั้น​ หวง​ฉู่ไม่กล้า​แม้แต่​จะหายใจ​แร​แง เพียงแต่​ใน​ใจพอ​จะสงบ​ได้​บ้าง​เล็กน้อย​ เพราะ​บรรพ​จารย์​วาด​วงกลม​ใน​ช่วง​หน้า​ๆ ของ​สมุด​ทำเนียบ​ไม่เยอะ​นัก​ กลับ​เป็นช่วง​กลางๆ​ ที่​เลือก​จำนวน​คน​ไป​เยอะ​ที่สุด​ นี่​หมายความว่า​ในอนาคต​จวน​จื่อ​หยาง​ก็​ยังมี​ผู้ฝึก​ตน​และ​ผู้​ถวายงาน​ขอบเขต​ประตู​มังกร​และ​ขอบเขต​ชมมหาสมุทร​ที่​เป็น​แกนกลาง​สำคัญ​อยู่​ค่อน​ข้างมาก​ หาก​บรรพ​จารย์​ยินดี​รักษา​สัญญาว่า​ต่อจากนี้​จะไม่ยื่นมือ​เข้า​แทรก​เรื่อง​ใน​จวน​อีก​จริงๆ​ การ​ที่​อีก​ฝ่าย​เดินทางไกล​ไป​อยู่​ใบ​ถงทวีป​ สำหรับ​เจ้าจวน​ที่​เป็น​เหมือน​หุ่นเชิด​อย่าง​หวง​ฉู่แล้วก็​ถือว่า​เป็นเรื่อง​ดี​ที่​ใหญ่​เทียมฟ้า​ครั้งหนึ่ง​เลย​จริงๆ​

อู๋​อี้​ยัง​คงอยู่​ใน​ท่วงท่า​เกียจคร้าน​ก้ม​หน้าเปิด​สมุด​อยู่​เหมือนเดิม​ เพียงแต่​จู่ๆ ก็​ขยับ​เปลือกตา​มอง​ขึ้น​มาด้านบน​ หวง​ฉู่กลับ​หลุบ​สายตา​ลง​ต่ำ​ไป​ก่อน​แล้ว​

อู๋​อี้​โยน​สมุด​เล่ม​นั้น​กลับ​คืนให้​หวง​ฉู่ แล้วจึง​สะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​ “นอกจาก​หวง​ฉู่แล้ว​คนอื่นๆ​ ถอย​ออก​ไป​ให้​หมด​ ไป​ทำ​ธุระ​ของ​ตัวเอง​ต่อ​เถอะ​”

หวง​ฉู่เก็บ​สมุด​ทำเนียบ​ใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ เพ่ง​ลมหายใจ​ทำสมาธิ​ รอ​ให้​บรรพ​จารย์​ออกคำสั่ง​

อู๋​อี้​ลุกขึ้น​ยืน​ เดินลง​บันได​มา หวง​ฉู่ถอย​ไป​ข้างหลัง​หลาย​ก้าว​ จากนั้น​เบี่ยง​ตัว​หันข้าง​ รอ​กระทั่ง​บรรพ​จารย์​เดินผ่าน​ตัวเอง​ไป​แล้ว​เขา​ถึงค่อย​หมุนตัว​เดินตาม​ไป​

อู๋​อี้​ถามด้วย​สีหน้า​ไม่สบอารมณ์​ “เซียว​หลวน​มาเอง​โดย​ไม่ได้​รับเชิญ​เช่นนี้​ นาง​คิด​จะทำ​อะไร​กัน​แน่​?”

หวง​ฉู่แข็งใจ​ตอบกลับ​ว่า​ “นาง​ปิดปาก​สนิท​มาก​ ข้า​เจอ​กับ​นาง​สอง​ครั้ง​ก็​ยัง​ถามไม่รู้ความ​ นาง​บอก​แค่​ว่า​ต้องการ​พูดคุย​กับ​ท่าน​บรรพ​จารย์​ต่อหน้า​”

สีหน้า​ของ​อู๋​อี้​ยิ่ง​มืด​ทะมึน​ นาง​ไม่เคย​เห็น​เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​แม่น้ำ​ป๋า​ย​หู​อยู่​ใน​สายตา​ ปี​นั้น​เซียว​หลวน​กลับมา​เยี่ยมเยือน​จวน​จื่อ​หยาง​ อู๋​อี้​ก็​เคย​ทำให้​นาง​ลำบากใจ​สุดขีด​ หาก​ไม่เป็น​เพราะ​ตอนนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ช่วย​ไกล่เกลี่ย​สถานการณ์​ให้​ เดิมที​เวลา​นั้น​อู๋​อี้​ก็​ตั้งใจ​ไว้​แล้ว​ว่า​จะต้อง​ทำให้​เซียว​ฮูหยิน​ที่​ถูก​เรียกขาน​อย่าง​ไพเราะ​ว่า​ ‘สาวงาม​พุทธรักษา​’ ผู้​นี้​ดื่ม​ใน​ห้องโถง​ใหญ่​บ้าน​ตน​ไป​มาก​เท่าไร​ก็​ต้อง​อาเจียน​ออกมา​มาก​เท่านั้น​ ต่าง​ก็​พูด​กัน​ว่า​เหนียง​เนียง​เทพ​แม่น้ำ​อย่าง​เจ้ามีรูปโฉม​งดงาม​เลอ​ค่า​ บุคลิก​ท่วงท่า​สูงส่งไม่ใช่หรือ​? ถ้าอย่างนั้น​ข้า​ก็​จะทำให้​เซียว​หลวน​ต้อง​เผย​ความอัปลักษณ์​ออกมา​ให้​เห็น​ คอย​ดูเถอะ​ว่า​พวก​คนใต้​กระโปรง​ที่​เห็น​เจ้าเป็น​เทพ​หญิง​ใน​ภาพวาด​พวก​นั้น​ พอ​คิดถึง​ภาพ​เหตุการณ์​ที่​ ‘งดงาม​จน​มิอาจ​บรรยาย​’ นั้น​แล้ว​จะมีความรู้สึก​เช่นไร​?

เคย​มีเซียน​กระบี่​อาวุโส​ก่อกำเนิด​จาก​ต่างถิ่น​คน​หนึ่ง​เดิน​ทางผ่าน​แคว้น​หวง​ถิง โดยสาร​เรือ​ล่อง​แม่น้ำ​ ร่ำสุรา​ใต้​แสงจันทร์​กับ​สหาย​ เกิด​นึก​สนุก​ขึ้น​มาใน​ฉับพลัน​ โยก​จอก​สุรา​ทิ้ง​ลง​น้ำ​ มัน​ก็​กลายร่าง​เป็น​ห่าน​ฟ้าขาว​ตัว​หนึ่ง​ (ป๋า​ย​หู​)

ภายหลัง​เคย​มีความสัมพันธ์​ฉาบฉวย​กับ​ฮ่องเต้​บุกเบิก​แคว้น​ของ​แคว้น​หวง​หลวน​อยู่​ช่วง​ระยะเวลา​หนึ่ง​

และ​ ‘สหาย​’ ของ​ผู้ฝึก​ตน​ก่อกำเนิด​คน​นั้น​ก็​คือ​บิดา​ของ​อู๋​อี้​ เฉิงหลง​โจว​เจียว​เฒ่าอายุ​หมื่น​ปี​ ซึ่งได้​ขอ​ความรู้​ด้าน​มรรค​กถา​จาก​นักพรต​เต๋า​ที่​พเนจร​ท่องเที่ยว​มาจน​ถึงที่​แห่ง​นี้​อย่าง​นอบน้อม​

ดังนั้น​ใน​สายตา​ของ​อู๋​อี้​แล้ว​ เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​แม่น้ำ​ป๋า​ย​หู​ที่​ความเป็นมา​ไม่เที่ยงตรง​ ไม่มีคำ​ว่า​ชาติกำเนิด​ให้​กล่าวถึง​ผู้​นี้​จะคู่ควร​มานั่ง​ทัดเทียม​กับ​ตน​ได้​อย่างไร​?

เพียงแต่​จนถึง​ทุกวันนี้​อู๋​อี้​ก็​ยัง​ไม่รู้​ตัวตน​ที่​แท้จริง​ของ​นักพรต​ผู้​นั้น​ แม้แต่​ชื่อ​ก็​ยัง​ไม่ทราบ​

จำได้​แค่​ว่า​เป็น​นักพรต​ต่างถิ่น​ที่​มีรูปโฉม​เป็น​วัยกลางคน​ สวม​เสื้อ​สีเหลือง​รองเท้า​ผ้าป่าน​ สะพาย​กระบี่​ถือ​แส้ปัดฝุ่น​ มีมาด​ของ​เซียน​อยู่​มาก​จริงๆ​

ภายหลัง​อู๋​อี้​เคย​ถามบิดา​อยู่​ครั้งหนึ่ง​ จากนั้น​ก็​ไม่กล้า​ถามอีก​

ปี​นั้น​เฉิงหลง​โจว​แค่​เอ่ย​มาสอง​ประโยค​ราวกับ​การ​ทาย​คำ​ปริศนา​ พูด​ก็​เหมือน​ไม่ได้​พูด​

‘ใช้เรือน​กาย​ที่​มีจำกัด​หลอม​เรือน​แห่ง​เพลิง​อัน​ไร้​ที่​สิ้นสุด​’

‘สร้าง​โอสถ​ทอง​ที่​ไร้​ผู้ใด​ทัดทาน​ เซียน​ดิน​ไม่ถูก​เซียน​ฟ้าหมิ่น​เกียรติ​’

เห็นได้ชัด​ว่า​บิดา​เลื่อมใส​ใน​ตัว​นักพรต​พเนจร​ผู้​นั้น​มาก​

หาก​ไม่เป็น​เพราะ​มีความสัมพันธ์​ใน​ชั้นนี้​อยู่​ เซียว​หลวน​ก็​อย่า​หวัง​ว่า​จะได้​นั่ง​ตำแหน่ง​ของ​เทพ​วารี​แม่น้ำ​ป๋า​ย​หู​ได้​อย่าง​มั่นคง​

อู๋​อี้​เพิ่ม​น้ำหนัก​เสียง​ถามว่า​ “ทาง​ฝั่งนั้น​ยัง​ปิด​ภูเขา​อยู่​อีก​หรือ​?”

หวง​ฉู่พยักหน้า​ “ยังคง​ห้ามไม่ให้​ผู้​ที่​เกี่ยวข้อง​เข้าไป​ ห้าม​ใคร​มาเยี่ยมเยือน​”

อู๋​อี้​เบ้​ปาก​ พูด​ด้วย​สีหน้า​ซับซ้อน​ “กล้า​เชื่อ​หรือไม่​?”

หวง​ฉู่ปิดปาก​อย่าง​รู้​กาลเทศะ​

ใช้เวลา​ไม่ถึงสามสิบ​ปี​ ภูเขา​ลั่วพั่ว​ก็​เปลี่ยน​จาก​ภูเขา​ที่​ไม่มีชื่อเสียง​กลาย​มาเป็น​สำนัก​อักษร​จงแห่ง​หนึ่ง​

จวน​เซียน​บน​ภูเขา​หลาย​แห่ง​ที่​กว่า​จะก่อตั้ง​สำนัก​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ บางที​เวลา​สามสิบ​ปี​ผ่าน​ไป​อาจจะ​ได้​แค่​รับ​ลูกศิษย์​มาไม่กี่​คน​ สร้าง​จวน​ซึ่งเป็น​สถานที่​ประกอบ​พิธีกรรม​ สร้าง​ค่าย​กล​ใหญ่​ปกป้อง​ภูเขา​ได้​สำเร็จ​ แค่​พอ​จะถือว่า​มีรูป​มีร่าง​อย่าง​ถูไถ และ​หาก​สามารถ​หยัดยืน​อยู่​ใน​พื้นที่​ได้​อย่าง​มั่นคง​ คุ้นหน้า​คุ้นตา​กัน​ดี​กับ​จวน​เซียน​หรือ​แคว้น​ล่าง​ภูเขา​ใกล้เคียง​ก็​ต้อง​จุด​ธูป​ขอบคุณ​พระ​ขอบคุณ​เจ้าแล้ว​

ดังนั้น​หวง​ฉู่ย่อม​ไม่กล้า​เชื่อ​

เพียงแต่​เขา​หรือ​จะกล้า​ปากมาก​วิพากษ์วิจารณ์​การลุก​ผงาด​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​

อันที่จริง​สำหรับ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​แห่ง​นั้น​ ปี​นั้น​อู๋​อี้​และ​จวน​จื่อ​หยาง​ไม่เคย​เก็บ​มาใส่ใจสัก​เท่าไร​ แล้วก็​ไม่เคย​คิด​จะสาน​สัมพันธ์​ดึง​มาเป็น​พวก​ ประคับประคอง​ความสัมพันธ์​ควัน​ธูป​ต่อกัน​ด้วย​

แต่​พอ​มาถึงวันนี้​ ต่อให้​จวน​จื่อ​หยาง​อยาก​จะไป​ตีสนิท​ด้วย​ก็​ไม่มีทาง​ปีนป่าย​ได้​ถึง

ภูเขา​ลั่วพั่ว​ที่​ไม่มีชื่อเสียง​ซึ่งตั้งอยู่​ใกล้​กับ​ภูเขา​พี​อวิ๋น​แห่ง​นั้น​ ตอน​ไม่ส่งเสียง​ก็​เงียบงัน​ พอ​ส่งเสียง​ที​กลับ​สร้าง​ความ​ตะลึงพรึงเพริด​ให้​กับ​ผู้คน​ ภูเขา​ตะวัน​เที่ยง​ที่​เพิ่งจะ​เลื่อนขั้น​เป็น​สำนัก​ก็​เหมือน​หิน​รองเท้า​น่าเวทนา​ที่​ได้​แต่​ช่วย​ขับดัน​ให้​ภูเขา​ลั่วพั่ว​โดดเด่น​ขึ้น​

ก็​เหมือน​อย่าง​ฝั่งของ​ศาล​ลม​หิมะ​ที่​เอ่ย​ประโยค​เป็นธรรม​ บอก​ว่าการ​จัด​งานพิธี​เฉลิมฉลอง​ของ​เจ้าสำนัก​จู๋หวง​ครั้งนี้​คือ​การ​จัดงาน​ให้​กับ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​โดยแท้​

อู๋​อี้​รีบ​ให้​เจ้าจวน​คน​ปัจจุบัน​ของ​หวง​ฉู่เดินทาง​ไป​เยือน​เขต​หลง​โจว​เก่า​ด้วยตัวเอง​รอบ​หนึ่ง​ทันที​ เพื่อ​นำ​ของขวัญ​ร่วม​แสดงความยินดี​ที่​มาถึงอย่าง​เชื่องช้า​ไป​มอบให้​ ต่อให้​จะไม่เป็นที่ชื่นชอบ​ แต่​ถึงอย่างไร​ก็​คง​ไม่มีใคร​ยื่นมือ​มาตบหน้า​คน​ที่​ยิ้ม​ให้​

ตอนนั้น​เจ้าขุนเขา​หนุ่ม​ไม่อยู่​บ้าน​ ออก​เดินทางไกล​อีกครั้ง​แล้ว​ คน​ที่รับรอง​แขก​ของ​ฝั่งภูเขา​ลั่วพั่ว​คือ​ผู้ดูแล​จูเหลี่ยน​ ซึ่งก็​ถือว่า​เป็น​คุ้นหน้า​คุ้นตา​กัน​ครึ่งตัว​ ปี​นั้น​เขา​เคย​ติดตาม​เฉิน​ผิง​อัน​มาเป็น​แขก​ที่​จวน​จื่อ​หยาง​ด้วย​ จึงพูดคุย​กับ​หวง​ฉู่คล้าย​รำลึก​ความหลัง​ ถือว่า​คุย​กัน​ได้​ถูกคอ​อยู่​มาก​

การ​ที่​อู๋​อี้​ไม่ได้​ไป​เยือน​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ด้วยตัวเอง​ จะว่า​ไป​แล้วก็​น่าขำ​ เพราะว่า​นาง​วางหน้า​ไม่ลง​ แล้วก็​ยิ่ง​เพราะ​นาง​…ไม่กล้า​ไป​

ปี​นั้น​ข้าง​กาย​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​มีแม่นาง​น้อย​ถ่าน​ดำ​ติด​ตามมา​ด้วย​ ใคร​จะไป​คิด​ว่า​นาง​ก็​คือ​เจิ้งเฉียน​ปรมาจารย์​ใหญ่​หญิง​ใน​ภายหลัง​! คือ​เผย​เฉียน​ลูกศิษย์​ใหญ่​เปิด​ขุนเขา​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​

สงคราม​ที่​ภาค​กลาง​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ครั้งนั้น​ อู๋​อี้​เคย​ออกแรง​มาก่อน​ แล้วก็​เคย​เห็น​เจิ้งเฉียน​ปล่อย​หมัด​อยู่​บน​สนามรบ​ไกลๆ​ มาก่อน​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!