เฉินผิงอันไม่ได้เดินข้ามธรณีประตูเข้าไปในโถงเจี้ยนชื่อ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นที่ตั้งของศาลบรรพจารย์จวนจื่อหยาง เขาหมุนตัวกลับ ยิ้มเอ่ยว่า “พวกเราไปเปิดหูเปิดตาที่ห้องครัวกันเถอะ”
รูปเหมือนของบรรพจารย์ที่แขวนไว้ด้านใน ภาพที่อยู่ตรงกลางก็คือภาพของอู๋อี้ที่สวมชุดคลุมเต๋าสวมรองเท้าย่ำเมฆา นอกจากนี้ก็คือภาพเหมือนของเจ้าจวนแต่ละรุ่นที่เรียงกันตามลำดับซ้ายขวา
และพรุ่งนี้ทางฝั่งของภูเขาเซียนตู ในศาลบรรพจารย์ของสำนักกระบี่ชิงผิงก็จะมีภาพเหมือนของเฉินผิงอันถูกแขวนไว้ตรงกลางเหมือนกัน
ตอนที่ชิงถงขยับเท้าก็ได้หันไปเหลือบมองกรอบป้าย โถงเจี้ยนชื่อ? (กระบี่ตวาด)
ในนิยายมักจะมีประโยคว่าแม่ทัพบู๊หรือไม่ก็จอมยุทธพเนจร ‘ยื่นมือกดกระบี่ตวาดคำราม’ อย่างไรๆ อยู่
เพียงแต่จวนจื่อหยางแห่งนี้ไม่มีแม้แต่ผู้ฝึกกระบี่สักคน แต่กลับกล้าตั้งชื่อห้องโถงเช่นนี้? นี่เรียกว่าคุณธรรมไม่สมตำแหน่งเกินไปหน่อยแล้วกระมัง
แต่ก็มองออกว่าอู๋อี้ที่มีฉายาว่าต้งหลิงผู้นี้คล้ายจะได้สืบทอดโชคชะตาน้ำส่วนหนึ่งมาจากเจียวเฒ่าหมื่นปี ส่วนที่เหลืออยู่เจ้าขุนเขาเฉิงแห่งสำนักศึกษาต้าฝูก็น่าจะมอบให้กับเทพวารีแม่น้ำหันสือ
อาหารคืนข้ามปีของจวนจื่อหยางจัดอยู่ในห้องโถงเซวี่ยหมางที่เดิมทีเอาไว้ใช้รับรองแขกสูงศักดิ์มาโดยตลอด
เพราะถึงอย่างไรจวนบนภูเขาที่ขนาดค่อนข้างใหญ่ก็มีแค่ไม่กี่แห่งที่จะกินอาหารคืนข้ามปีกันอย่างจริงจัง
ผู้ฝึกตนทำเนียบหากไม่ได้ออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกก็คือปิดด่านฝึกตน ไม่อย่างนั้นก็เข้าร่วมงานพิธีต่างๆ
บริเวณใกล้เคียงกับโถงเซวี่ยหมางมีห้องครัวตั้งเรียงรายกันอยู่แถวหนึ่ง แบ่งออกเป็นห้องสำหรับอาหารล้ำค่าหายาก ห้องสำหรับสุราและผลไม้ สาวใช้ในจวนที่มาทำหน้าที่เป็นแม่ครัวเดินสวนกันขวักไขว่เหมือนฝูงปลาแหวกว่าย
ตระกูลร่ำรวยที่ฐานกำลังทรัพย์แน่นหนา มักจะต้องพิถีพิถันในเรื่องที่ว่าอาหารชั้นเลิศต้องเนื้อสดหั่นประณีติ อาหารง่ายๆ ต้องปรุงสดทำอย่างบรรจง หรือหากจะพิถีพิถันอีกสักหน่อยก็มักจะลงแรงกับการจัดหาอาหารรสจืดเรียบง่ายที่ปรุงอร่อย
ภูเขาลั่วพั่วมีจูเหลี่ยนเป็นผู้ดูแลจึงไม่ต้องกลัวปัญหายุ่งยาก ไม่ว่าจะนอกหรือใน เรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ถึงอย่างไรเขาก็เหมาไปทำเองได้หมด ไม่ต้องให้คนอื่นคอยเป็นกังวลเลยแม้แต่น้อย
ทุกๆ ปีไม่ว่าจะเดือนไหน จูเหลี่ยนจะต้องรับเงินเดือนเป็นเงินหนึ่งเหรียญเกล็ดหิมะทุกเดือนเสมอ บอกว่าจะพยายามรวบรวมให้ได้ครบเงินร้อนน้อยหนึ่งเหรียญให้ได้
เฉินผิงอันยืนอยู่นอกห้องครัวห้องหนึ่ง มองกล่องอาหารที่มาจากหอเจินซิวหลายใบ เอ่ยสัพยอกว่า “ตามคำกล่าวของพ่อครัวเฒ่าบ้านข้า ร้านอาหารบางแห่งที่ถูกเรียกขานว่าร้านเก่าแก่ก็แค่เพราะรักษาฝีมือของการทำอาหารได้มาตรฐานเหมือนตอนที่เพิ่งเริ่มทำเอาไว้ได้”
ทางฝั่งนครฉือสุ่ยทะเลสาบซูเจี่ยน เฉินผิงอันก็เคยลิ้มรสของปูกิ่งไผ่มาก่อน นั่นยังเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาทำตัวเป็นเจ้าบ้านจัดงานเลี้ยงต้อนรับแขก
เรื่องแบบนี้มีน้อยจนนับนิ้วได้ ครั้งล่าสุดก็คือตอนอยู่ที่ลำคลองชางผูเมืองหลวงต้าหลีที่เลี้ยงเหล้ากวนอี้หรานกับจิ่งควน แน่นอนว่าไม่ใช่สุราเคล้านารีอะไร ทุกวันนี้จิ่งควนได้ออกจากเมืองหลวงไปรับหน้าที่เป็นผู้ว่าของเขตเป่าซีจังหวัดฉู่โจวแห่งใหม่แล้ว
ชิงถงถาม “พ่อครัวเฒ่า? คือจูเหลี่ยนคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่มาจากพื้นที่มงคลดอกบัวน่ะหรือ?”
เฉินผิงอันย้อนถาม “เจ้าเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของจูเหลี่ยนไหม?”
ชิงถงพยักหน้า “พื้นที่มงคลดอกบัวไม่ใช่สถานที่แปลกหน้าสำหรับข้า ข้ามักจะไปผ่อนคลายอารมณ์ที่นั่นเป็นประจำ แน่นอนว่าต้องเคยเจอกับจูเหลี่ยน”
อีกทั้งยังไม่กล้ามองมากด้วย
เพราะหอสยบปีศาจเป็นเพื่อนบ้านกับอารามกวานเต๋า ดังนั้นชิงถงจึงเคยเห็นจูเหลี่ยนอยู่ไกลๆ สองครั้ง นั่นต้องเรียกว่าเป็น…คนมหัศจรรย์จริงๆ แน่นอนว่าไอ้หมอนี่หน้าตาดีมากจริงๆ
ครั้งหนึ่งคือตอนที่จูเหลี่ยนอายุยังน้อยเคยไปย่ำวสันต์เที่ยวเล่นที่นอกเมือง อีกครั้งหนึ่งคือตอนที่จูเหลี่ยนเป็นหนุ่มแล้วพกกระบี่เดินทางออกท่องยุทธภพเพียงลำพัง
ในเรื่องเล่าประหลาดและเรื่องราวในยุทธภพมักจะมีเรื่องราวความรักที่สตรีพบชายแปลกหน้าก็หลงรักตั้งแต่แรกเห็นอยู่เสมอ อย่าได้ไม่เชื่อเด็ดขาด เพราะจูเหลี่ยนที่อยู่ในยุทธภพไม่ต้องพูดอะไรด้วยซ้ำ อาศัยแค่ใบหน้าของเขาก็ไม่รู้ว่าก่อหนี้รักไว้กี่มากน้อยแล้ว
คุณชายสูงศักดิ์ผู้งามสง่าเดินขึ้นสู่ที่สูงยืนพิงราวรั้วมองไปยังทิศไกล แค่ใช้สองนิ้วขยับหมุนเส้นผมกลุ่มหนึ่งตรงจอนหูก็คล้ายกับบิดขั้วหัวใจของสตรีมากมายที่มองอยู่ด้านข้างให้หักได้แล้ว
ราวกับว่าขอแค่ลุ่มหลงในคนคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเหมาะสมคู่ควรกันหรือไม่ จะได้แต่ปรารถนามิได้มาครอง หรือได้ครองคู่อยู่ด้วยกันจนผมขาว ก็ล้วนรักลึกซึ้งเหมือนผูกปมแค้น ไม่ตายก็ไม่ยอมเลิกรา
มีสตรีผมขาวโพลนในยุทธภพกี่มากน้อยที่พอชราแก่หง่อม ชีวิตนี้สุดท้ายแล้วก็ยังคงอยากพบเจอจูหลาง แต่ก็อับอายที่จะเจอจูหลาง
ชิงถงเอ่ยสัพยอก “ภูเขาลั่วพั่วของพวกเจ้าจะสร้างบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำเมื่อไหร่? หากว่าจูเหลี่ยนยินดีกลับคืนสู่โฉมหน้าที่แท้จริง ข้าต้องไปให้การสนับสนุนแน่นอน รับรองว่าทุกครั้งจะเริ่มต้นด้วยเงินฝนธัญพืชหนึ่งเหรียญ”
คนสี่คนในภาพวาดที่ถูกเฉินผิงอันพาออกมาจากพื้นที่มงคลดอกบัว พวกเว่ยเซี่ยนสามคนต่างก็ไม่ได้ปิดบังอำพราง เปิดเผยตัวตนด้วยร่างจริง มีเพียงจูเหลี่ยนที่เปลี่ยนโฉมกลายมาเป็นผู้เฒ่าหลังค่อม พูดจาทะลึ่งสัปดน
เฉินผิงอันในเวลานั้นถูกปิดหูปิดตา แต่ชิงถงกลับรู้สึกว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง
เฉินผิงอันหัวเราะร่าเอ่ยว่า “เอาจริงหรือ? ข้าสามารถปรึกษากับจูเหลี่ยนได้นะ ให้เขาเปิดบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำให้สหายชิงถงดูคนเดียว ตกลงกันไว้ก่อนว่าต้องหนึ่งเหรียญเงินฝนธัญพืช ข้ารับรองว่าจะให้เจ้าได้เจอจูเหลี่ยนทุกวัน มองจนกว่าจะเต็มอิ่ม”
ชิงถงกลับไม่เอ่ยตอบโต้แล้ว
ชิงถงเองก็ถือว่าเป็นผู้ฝึกตนที่บรรลุมรรคาซึ่งความรู้กว้างขวางมากแล้ว แต่บุรุษรูปงามอย่างจูเหลี่ยน ดูเหมือนว่าจะไม่เคยเจอเป็นคนที่สองเลยจริงๆ ต่อให้เป็นสตรีที่ถูกขนานนามว่างามล่มบ้านล่มเมือง เกรงว่าก็คงต้องละอายใจที่สู้ไม่ได้
คนงาม คนงาม ที่แท้คำนี้ก็ไม่ได้มีแค่สตรีที่ได้ครอบครองไปเพียงลำพัง
ความงามตอนเยาว์วัย ดุจลมเย็นจันทร์กระจ่าง ความคิดบริสุทธิ์ไร้ความชั่วร้าย
ความพิสุทธิ์ยามวัยหนุ่ม เป็นหนึ่งไม่มีสอง ประดุจเจ๋อเซียน
แต่ก็อย่าได้รู้สึกว่าจูเหลี่ยนคือหมอนปักลายบุปผาที่มีแต่เนื้อหนังมังสาอย่างเดียวเท่านั้น พวกอวี๋เจินอี้ในยุคหลัง คำว่าเดินขึ้นสู่ที่สูง กลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของใต้หล้าก็เพียงแค่เพราะพื้นที่มงคลดอกบัวใหญ่เพียงเท่านั้น
ทว่าจูเหลี่ยนที่เปลี่ยนจากคุณชายผู้สูงศักดิ์ในตระกูลเศรษฐีกลายมาเป็นเสากลางค้ำยันแคว้นผู้กอบกู้สถานการณ์ซึ่งกำลังจะล้มลง จนกระทั่งกลายมาเป็นคนคลั่งวรยุทธในยุทธภพ เขากลายมาเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในใต้หล้าได้อย่างสมชื่อ ก็เพียงแค่เพราะพื้นที่มงคลดอกบัวใหญ่เพียงเท่านั้นเช่นกัน
ผลลัพธ์มองดูเหมือนคล้ายกัน แต่อันที่จริงทั้งสองฝ่ายอยู่กันคนละสภาพการณ์อย่างสิ้นเชิง
อยู่ดีๆ เฉินผิงอันก็ใช้เสียงในใจถามว่า “วิธีผสานมรรคาของเจ้าอารามผู้เฒ่าคล้ายคลึงกับมหามรรคาที่ ‘ใต้หล้าไร้เรื่องราวใดก็คือช่วงเวลาอันผาสุก’ หรือไม่?”
ชิงถงย้อนถาม “อิ่นกวานพูดถึงปีที่เก็บเกี่ยวได้ดีหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!