กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 933

สรุปบท บทที่ 933.3 ข้าคือเจ้าแห่งวิถีบูรพา (กลาง): กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 933.3 ข้าคือเจ้าแห่งวิถีบูรพา (กลาง) จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 933.3 ข้าคือเจ้าแห่งวิถีบูรพา (กลาง) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ซุน​เติง​เซียน​ยิ้ม​เอ่ย​ “ปี​นั้น​เป็น​เช่นนี้​ เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​ทุกวันนี้​หาก​ได้​เจอกัน​ ยัง​จะพูดคุย​กัน​ได้​อีก​หรือไม่​”

เซียว​หลวน​ลังเล​เล็กน้อย​ ก่อน​พูด​ด้วย​สีหน้า​ไม่พอใจ​ว่า​ “ถ้าอย่างนั้น​ข้า​ให้​เจ้าไป​เป็น​แขก​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ ทำไม​เจ้าถึงไม่เคย​ยอม​ไป​ ทาง​ฝั่งของ​จวน​วารี​ไม่คิด​จะให้​เจ้าต้อง​ทำ​อะไร​สักหน่อย​ ก็​แค่​เหมือน​การ​แวะเวียน​ไป​เยี่ยมเยือน​กัน​ใน​วัน​ปีใหม่​ ดื่มเหล้า​พูดคุย​เรื่อง​น่าสนใจ​ใน​ยุทธ​ภพ​กับ​อิ่น​กวาน​เท่านั้น​”

ทั้ง​บอกเป็นนัย​และ​บอก​อย่าง​ชัดเจน​ เซียว​หลวน​เคย​ทดลอง​มาหมด​แล้ว​ ทว่า​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​หนึ่ง​ของ​จวน​วารี​บ้าน​ตน​ท่าน​นี้​กลับ​ไม่ยอม​พยักหน้า​ตอบ​ตกลง​ ไม่เคย​บอกกล่าว​สาเหตุ​ ดื้อ​ยิ่งนัก​

ซุน​เติง​เซียน​หัวเราะ​ ยังคง​ไม่ได้​อธิบาย​อะไร​

ถึงอย่างไร​เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​ก็​ไม่ใช่คนใน​ยุทธ​ภพ​ ยาก​จะพูดคุย​ภาษายุทธ​ภพ​อย่าง​แท้จริง​ได้​

เป็น​ฝ่าย​ไป​ขอ​เหล้า​ดื่ม​ก่อน​ นั่น​เป็นเรื่อง​ปกติ​ทั่วไป​ของ​มนุษย์​

สุรา​ที่​เป็น​เช่นนั้น​ ต่อให้​เป็น​เหล้า​หมัก​ตระกูล​เซียน​ก็​ดื่มได้​ไม่เมา รสชาติ​ก็​ไม่เหมือน​เหล้า​ชั้นเลว​ใน​ตลาด​ที่​พบ​เจอกัน​โดยบังเอิญ​

ใต้​หล้า​มีคน​ฉลาด​มากมาย​ขนาด​นั้น​แล้ว​ ถ้าอย่างนั้น​ขาด​ข้า​ซุน​เติง​เซียน​ไป​สัก​คน​ก็​ไม่เป็นไร​หรอก​

เซียว​หลวน​เอง​ก็​แค่​พูด​ไป​ตามเนื้อผ้า​เท่านั้นเอง​ ไม่มีทาง​จะคิด​จะให้​ซุน​เติง​เซียน​ไป​ตีสนิท​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ผู้​นั้น​เพื่อ​ตัวเอง​หรือ​จวน​วารี​แม่น้ำ​ป๋า​ย​หู​จริงๆ​

เพียงแต่​เซียว​หลวน​เอง​ก็​ยัง​มีเรื่อง​ลับ​ที่​ยาก​จะเอื้อนเอ่ย​อยู่​เรื่อง​หนึ่ง​ ทุกครั้งที่​นึกถึง​ก็​แทบ​อยาก​จะขุด​รู​มุด​ลง​ไป​

เรื่อง​นี้​ถือว่า​เป็น​จุดอ่อน​ที่​หล่น​ไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​อู๋​อี้​แล้ว​

ซุน​เติง​เซียน​เอ่ย​ขอตัว​ลา​กับ​เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​ ออก​มาจาก​ห้อง​ เตรียม​ไป​จะฝึก​เดิน​นิ่ง​อยู่​ใน​เรือน​เพื่อ​ยืดเส้นยืดสาย​

อันที่จริง​เขา​พัก​อยู่​ใน​ห้อง​ด้าน​ข้าง​ของ​เรือน​นี่เอง​

ชายหนุ่ม​หญิงสาว​อยู่​กัน​ตามลำพัง​ หญิง​ชาย​ไม่ควร​ใกล้ชิด​? ไม่ได้​จัด​ให้​พวก​เจ้าสอง​คน​อยู่​ใน​ห้อง​เดียวกัน​ก็​ถือว่า​จวน​จื่อ​หยาง​มีมารยาท​ใน​การ​รับรอง​แขก​มาก​แล้ว​

พอดี​กับ​ที่​นอก​เรือน​หลัง​เล็ก​มีเสียงเคาะ​ประตู​ดัง​ขึ้น​

เดิน​ไป​เปิด​ประตู​ ซุน​เติง​เซียน​ก็​ต้อง​อึ้ง​ตะลึง​ไป​ทันใด​ นอกจาก​อู๋​อี้​จะมาเยือน​ด้วยตัวเอง​แล้ว​

ข้าง​กาย​อู๋​อี้​ยังมี​คนหนุ่ม​คน​หนึ่ง​ยืน​อยู่​ด้วย​ เขา​สวม​ชุดก​ว้า​ตัว​ยา​วสี​เขียว​ บุคลิก​สง่างามอ่อนโยน​ ทั่ว​ร่าง​เปี่ยม​ไป​ด้วย​กลิ่นอาย​แห่ง​มรรคา​

เซียว​หลวน​เอง​ก็​เดิน​เร็ว​ๆ ออก​มาจาก​ห้อง​แล้ว​ ดวงตา​เรียว​ยาว​ทอ​ประกาย​เหมือน​สายน้ำ​ฤดู​สารท​คู่​นั้น​มีแวว​เขินอาย​วูบ​ผ่าน​ ทว่า​ไม่นาน​ก็​กลับคืน​มาเป็นปกติ​ดังเดิม​

คน​ผู้​นั้น​กุมมือ​คารวะ​ คลี่​ยิ้ม​เจิดจ้า​เอ่ย​ว่า​ “จอม​ยุทธ​ใหญ่​ซุน​ เซียว​ฮูหยิน​ เจอกัน​อีกแล้ว​นะ​”

ซุน​เติง​เซียน​เป็น​แค่​ผู้​ถวายงาน​ของ​จวน​เทพ​วารี​ เซียว​หลวน​กลับเป็น​เทพ​วารี​ที่​ได้รับ​การ​แต่งตั้ง​อย่าง​ถูกต้อง​ ทว่า​คน​ตรงหน้า​ผู้​นี้​กลับ​จงใจเรียก​ซุน​เติง​เซียน​ก่อน​แล้ว​ค่อย​เรียก​เซียว​หลวน​คล้าย​ตั้งใจ​คล้าย​ไม่เจตนา​

เซียว​หลวน​หรือ​จะกล้า​ถือสา​ใน​เรื่อง​เล็กน้อย​แค่นี้​ รีบ​ย่อเข่า​ยอบ​กาย​คารวะ​อย่าง​สำรวม​ทันที​ หลุบ​ตา​ลง​ต่ำ​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​ว่า​ “เซียว​หลวน​แห่ง​แม่น้ำ​ป๋า​ย​หู​คารวะ​เจ้าขุนเขา​เฉิน!”​

อู๋​อี้​เบ้​ปาก​ เซียว​หลวน​ผู้​นี้​ช่างโชคดี​จริงๆ​ ดูเหมือนว่า​มักจะ​ได้​เจอ​เจ้าคน​ข้าง​กาย​ตน​ผู้​นี้​อยู่​เสมอ​ สตรี​ผู้​นี้​ถือว่า​มาเร็ว​ไม่สู้มาได้จังหวะ​บังเอิญ​หรือไม่​?

ทำไม​ หรือว่า​ใน​จวน​วารี​แม่น้ำ​ป๋า​ย​หู​แอบ​ตั้ง​ป้าย​วิญญาณ​ไม้เอาไว้​?

เพียงแต่​อู๋​อี้​ก็​จำต้อง​ยอมรับ​ว่า​ เซียว​หลวน​ที่อยู่​ตรงหน้า​ผู้​นี้​คือ​โฉมสะคราญ​คน​หนึ่ง​ที่​ ‘โฉมงามเลิศ​ล้ำ​ มาก​พอ​จะทำให้​คน​หลงใหล​ จิตใจ​หวั่นไหว​ มองตาม​ตา​ไม่กะพริบ​’ จริงๆ​

สตรี​เห็น​แล้วก็​ยัง​รู้สึก​ว่า​น่ารัก​น่า​ถนอม​

ก็​ไม่แปลกที่​ใน​อาณาเขต​ของ​แคว้น​หวง​ถิงจะมีหนังสือ​มากมาย​ที่​สร้างชื่อเสียง​ให้​นาง​อย่าง​อ้อม​ๆ เอ่ย​ชื่นชม​นาง​ไม่ซ้ำรูปแบบ​ อะไร​ที่​บอ​กว่า​บน​แม่น้ำ​มีเทพ​หญิง​ บน​ศีรษะ​โพก​ผ้า​สีม่วง​ดอกบัว​ ใต้​ฝ่าเท้า​สวม​รองเท้า​ลาย​ใย​บัว​ เดิน​แหวก​คลื่น​น้ำ​ฝุ่น​มิอาจ​แปดเปื้อน​

เหอะ​ บทกวี​ที่​คล้ายคลึง​กัน​นี้​ ก็​ไม่รู้​ว่า​เป็น​ฝีมือ​ของ​เซียว​หลวน​ที่​ไหว้วาน​ให้​คน​มาช่วย​เขียน​แทน​หรือไม่​

อู๋​อี้​มอง​เซียว​หลวน​แล้ว​ถามอย่าง​ตรงไปตรงมา​ว่า​ “เซียว​ฮูหยิน​ ว่า​มาเถอะ​ มาหา​ข้า​มีธุระ​อะไร​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “พวก​เจ้าคุย​ธุระ​กัน​ไป​เถอะ​ ข้า​กับ​จอม​ยุทธ​ใหญ่​ซุน​จะไป​ดื่มเหล้า​กัน​”

ซุน​เติง​เซียน​มีสีหน้า​ลำบากใจ​ ตน​ออกจาก​บ้าน​ไม่ได้​พก​สุรามา​ ใน​เรือน​หลัง​นี้​ก็​ไม่ได้​เตรียม​สุรา​ไว้​ให้​ แต่​เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​ช่วย​คลี่คลาย​สถานการณ์​ให้​เขา​แล้ว​ “ที่​ข้า​มีเหล้า​หมัก​ถ้ำสวรรค์​จู๋ไห่​ที่​หมัก​เอง​อยู่​สอง​กา​”

ไป​ถึงใน​ห้อง​ของ​ซุน​เติง​เซียน​ ริน​เหล้า​ลง​ชามใหญ่​สอง​ชาม อันที่จริง​ซุน​เติง​เซียน​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​พูด​อะไร​ เฉิน​ผิง​อัน​กลับ​ถามจอม​ยุทธ​ใหญ่​ซุน​ว่า​เคย​เดินทาง​ไปเที่ยว​เยือน​อำเภอ​สุ้ย​อัน​หรือไม่​ เมื่อ​มีหัวข้อ​สนทนา​เช่นนี้​ ทั้งสองฝ่าย​ก็​เริ่ม​พูดคุย​กัน​ได้​แล้ว​ และ​พอ​มีเหล้า​สอง​ชามลงท้อง​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ถอด​รองเท้า​ผ้า​นั่งขัดสมาธิ​บน​เก้าอี้​เสีย​เลย​ ซุน​เติง​เซียน​ก็​เอาอย่าง​ ร่าง​ทั้ง​ร่าง​ไม่แข็ง​เกร็ง​อีกต่อไป​ คน​เก่าแก่​ใน​ยุทธ​ภพ​ ขอ​แค่​ไม่ต้อง​ระมัดระวัง​ตัว​มาก​นัก​ อันที่จริง​ก็​ล้วน​พูดคุย​กัน​ได้​ ไม่ต้อง​ให้​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​หาเรื่อง​มาชวน​คุย​ ซุน​เติง​เซียน​ก็​เป็น​ฝ่าย​เล่าเรื่อง​ที่​น่าสนใจ​เรื่อง​หนึ่ง​ให้​ฟัง ถามเจ้าขุน​เข​เฉิน​ว่า​ยัง​จำพวก​คน​ที่​เจอ​บน​เทือกเขา​สัน​ตะขาบ​ใน​ปี​นั้น​ได้​หรือไม่​ เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ต้อง​จำได้​อยู่แล้ว​ ซุน​เติง​เซียน​เช็ด​ปาก​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​เจ้าแก่​พวก​นั้น​ ขอ​แค่​ได้มา​รวมตัวกัน​ก็​มักจะ​พูดคุย​ถึงเจ้าขุนเขา​เฉิน​เสมอ​ แต่​ตน​น่ะ​ไม่กล้า​บอ​กว่า​รู้จัก​เจ้า บางครั้ง​สอด​ปาก​พูด​ไป​สอง​สามประโยค​ก็​จะต้อง​ถูก​คน​เถียง​กลับมา​ทันที​ว่า​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​บอก​เจ้าหรือ​? หรือไม่​ก็​พูดว่า​ตอนนั้น​เจ้าอยู่​ใน​เหตุการณ์​ด้วย​หรือ​ไร​?

ซุน​เติง​เซียน​ดื่มเหล้า​แล้วก็​แสดงออก​ทาง​ใบหน้า​ได้​ง่าย​ เพียง​ไม่นาน​หน้า​ทั้ง​หน้า​ก็​แดงก่ำ​ แต่​อันที่จริง​เขา​แค่​เพิ่งจะ​ดื่ม​พอ​กรึ่ม​ๆ เท่านั้น​ ถามว่า​ “ขอ​ถามเรื่อง​หนึ่ง​ได้​ไหม​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “จอม​ยุทธ​ใหญ่​ซุน​อยาก​ถามว่า​วิชา​หมัด​ของ​เฉาสือ​เป็น​อย่างไร​หรือ​?”

ซุน​เติง​เซียน​ถาม “ใช่ว่า​เรื่อง​ไหน​ไม่ควร​พูด​ดัน​พูด​เรื่อง​นั้น​หรือไม่​?”

“นี่​จะมีอะไร​กัน​เล่า​ ก็​แค่​ถามหมัด​กับ​เฉาสือ​แล้ว​แพ้​ติดต่อกัน​สี่ครั้ง​ไม่ใช่หรือ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​ชามเหล้า​ชน​กับ​อีก​ฝ่าย​เบา​ๆ ต่าง​ฝ่าย​ต่าง​ดื่ม​อึก​ใหญ่​ ยก​หลัง​มือ​เช็ด​ปาก​ “วิชา​หมัด​ของ​เฉาสือ​ประหนึ่ง​เกิดขึ้น​มาตาม​ธรรมชาติ​ ทุกครั้งที่​ลงมือ​ก็​ราวกับว่า​ทำนาย​ได้​ล่วงหน้า​มาก่อน​ ร้ายกาจ​มาก​เลย​ล่ะ​ ข้า​สู้เขา​ไม่ได้​จริงๆ​”

แต่​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เอ่ย​เสริม​อีก​ประโยค​หนึ่ง​กลับมา​อย่าง​รวดเร็ว​ “แน่นอน​ว่า​แค่​ชั่วคราว​ เปรียบเทียบ​กับ​ปี​นั้น​ที่​ข้า​อยู่​บน​หัว​กำแพงเมือง​ของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​แล้ว​ไร้​เรี่ยวแรง​ให้​ต่อสู้​ตลอด​การ​ถามหมัด​ทั้ง​สามครั้ง​ การต่อสู้​ที่​สวน​กง​เต๋อ​ครานั้น​ก็​ถือว่า​ดีกว่า​เดิม​มาก​แล้ว​”

ซุน​เติง​เซียน​ถามอย่าง​สงสัย​ “เจ้าขุนเขา​เฉิน​เรียน​วิชา​หมัด​ได้​อย่างไร​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ครุ่นคิด​อย่าง​จริงจัง​ ก่อน​ตอบ​ว่า​ “ใน​อดีต​มีอาจารย์​คอย​สอน​หมัด​ป้อน​หมัด​ให้​ ข้า​เอง​ก็​ถือว่า​อดทน​กับ​ความยากลำบาก​ได้​ บวก​กับ​ที่​ตลอด​หลาย​ปี​มานี้​ไม่เคย​เกียจคร้าน​ หาก​จะบอ​กว่า​สถานะ​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​ที่​ได้มา​ภายหลัง​คือ​เส้น​ทางการ​เดิน​ขึ้น​สู่ที่สูง​ ถ้าอย่างนั้น​การ​ฝึก​วิชา​หมัด​เรียน​วร​ยุทธ​ใน​ช่วงแรก​ก็​คือ​รากฐาน​ใน​การ​หยัดยืน​ จะขาด​อย่างใดอย่างหนึ่ง​ไป​ไม่ได้​”

ซุน​เติง​เซียน​ยิ้ม​ถาม “คิด​อย่างไร​ถึงหมัก​เหล้า​เอง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พูด​หยอกล้อ​ “หาเงิน​อย่างไร​ล่ะ​ ตอน​เด็กยากจน​จน​กลัว​ ใน​มือ​มีเงิน​อยู่​แค่​ไม่กี่​แดง​ ใน​ใจก็​มักจะ​ว่าง​โหวง​อยู่​เสมอ​ ทรัพย์สิน​ของ​คนยากจน​ก็​คือ​เหงื่อ​บน​ฝ่ามือ​ หาก​ไม่เหนื่อย​ก็​ไม่มี แต่​เหนื่อย​แล้วก็​ยัง​ไม่มี”

จิบ​เหล้า​หนึ่ง​อึก​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​พูด​ต่อ​อี​กว่า​ “ทุกวันนี้​แน่นอน​ว่า​ไม่ขาดเงิน​แล้ว​ แต่​เรื่อง​อย่าง​การ​หาเงิน​ก็​เหมือนกับ​การ​ดื่มเหล้า​ ทำให้​เสพติด​ได้​ง่าย​ อย่าง​มาก​สุด​ก็​แค่​มักจะ​เตือน​ตัวเอง​บ่อยๆ​ ว่า​อย่า​ได้​หาเงิน​ที่​ผิด​ต่อ​มโนธรรม​ใน​ใจ คิดถึง​เงินทอง​ที่​ไม่ชอบธรรม​ให้​น้อย​หน่อย​ เพราะ​พวก​มัน​มักจะ​รั้ง​ไว้​ไม่อยู่​ นอกจากนี้​ก็​คือ​พอ​มีเงิน​บ้าง​แล้วก็​ต้อง​พยายาม​ทำ​สิ่งที่​ตัวเอง​สบายใจ​ เพราะ​เคย​ได้ยิน​คนเก่าคนแก่​ของ​บ้านเกิด​บอ​กว่า​ เก็บ​สะสมเงิน​ให้​กับ​ลูกหลาน​ ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​จะเป็น​ความสุข​ รับ​ไว้​ไม่อยู่​ก็​คือ​รับ​ไว้​ไม่อยู่​ มีเพียง​ทำ​ความดี​สะสมบุญ​กุศล​ ทิ้ง​ความโชคดี​ไว้​ให้​กับ​ลูกหลาน​เท่านั้น​ พวกเขา​ไม่อยาก​จะรับ​ไว้​ก็​ไม่ได้​ ที่​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​ คำพูด​โบราณ​กล่าว​ไว้​ว่า​ ทุก​บ้าน​ทุก​ครัวเรือน​ล้วน​มีผืน​นา​แห่ง​หนึ่ง​ที่​เรียก​ว่า​ผืน​นา​แห่ง​ความสุข​ ด้านใน​ผืน​นา​แห่ง​ความสุข​ง่าย​ที่จะ​มีราก​แห่ง​ปัญญา​เติบโต​ ดังนั้น​ผืน​นา​แห่ง​ความสุข​ที่​ทิ้ง​ไว้​ให้​กับ​ลูกหลาน​จึงดี​ยิ่งกว่า​อะไร​ทั้งหมด​ ดีกว่า​ทรัพย์สิน​เงินทอง​ ถึงขั้นดี​ยิ่งกว่า​ตำรา​ด้วยซ้ำ​”

ซุน​เติง​เซียน​พยักหน้า​ “น่าเสียดาย​ที่​ตอนนี้​คน​มากมาย​ไม่คิด​แบบนี้​ ใจเอาแต่​คิด​ว่า​หาก​ไม่เด็ดขาด​มาก​พอ​ก็​จะหา​เงินก้อน​ใหญ่​ไม่ได้​”

เฉิน​ผิง​อัน​ลังเล​อยู่​เล็กน้อย​ ก่อน​เอ่ย​ว่า​ “เพียงแต่​จำต้อง​ยอมรับ​ว่า​ ใน​หลาย​ๆ ครั้ง​ก็​ดูเหมือนว่า​จะเป็น​แบบนี้​จริงๆ​ พวก​คน​ที่​จิตใจ​เด็ดขาด​มักจะ​มีชีวิต​ที่​มีหน้ามีตา​ได้​มากกว่า​”

ซุน​เติง​เซียน​ถอนหายใจ​

หลวี่เหยียน​รู้สึก​อ่อนใจ​เป็น​ทบ​ทวี​ “ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​คือ​ตัวอย่าง​ที่​ดีงาม​ใน​ทุก​ยุค​ทุก​สมัย​ อย่า​ได้​ทำให้​หลวี่เหยียน​ที่​เป็น​คน​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ต้อง​ลำบากใจ​เลย​”

ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ยิ้ม​ถาม “เจ้าว่า​เฉิน​ผิง​อัน​เดา​ตัวตน​ของ​หลู​เซิงผู้​นั้น​ออก​หรือไม่​?”

หลวี่เหยียน​ตอบ​ “บอก​ได้​ยาก​”

ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​กล่าว​ “เม็ด​กระบี่​โบราณ​เม็ด​นั้น​ แม้จะไม่ถือว่า​เป็น​สมบัติ​ล้ำค่า​หา​ยาก​สัก​เท่าใด​ แต่​ก็​คู่ควร​กับ​คำ​ว่า​ ‘ไม่ธรรมดา​’ อยู่​เหมือนกัน​ สหาย​ฉุน​หยาง​ เจ้าคิด​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​จะเอา​มาหลอม​เอง​หรือ​มอบให้​คนอื่น​?”

หลวี่เหยียน​กล่าว​ “โลภมาก​ย่อม​เคี้ยว​ได้​ไม่ละเอียด​ เกิน​ครึ่ง​น่าจะ​มอบให้​คนอื่น​”

ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ยิ้ม​บาง​ “กิน​ราก​ผัก​ไหว​ก็​ลิ้ม​สารพัด​รส​ขม​ได้​ ไม่มีอะไร​ให้​ต้อง​กริ่งเกรง​ ทุก​เรื่อง​ล้วน​เป็นไปได้​”

หลวี่เหยียน​เอ่ย​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ “ผู้ฝึก​บำเพ็ญตน​นั้น​เห็นแก่ตัว​เป็น​ที่สุด​”

เพียงแต่ว่า​หาก​คนเรา​ไม่มีใจเห็นแก่ตัว​ ไย​ต้อง​แสวงหา​มรรคา​อยาก​ฝึก​ตน​เป็น​เซียน​ด้วย​เล่า​

ความปรารถนา​ที่​ยิ่งใหญ่​ที่สุด​คือ​มีอายุขัย​ยาวนาน​ อีก​ทั้ง​ยัง​อยู่ยงคงกระพัน​ เป็น​อมตะ​ไป​พร้อมกับ​ฟ้าดิน​

ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ร้อง​เอ๊ะ​หนึ่ง​ที​ “นี่​นักพรต​ฉุน​หยาง​ด่า​ตัวเอง​ หรือว่า​ด่า​ข้า​ หรือว่า​ด่า​ทั้งคู่​?”

หลวี่เหยียน​ส่ายหน้า​ “ก็​แค่​พูด​ไป​อย่างนั้น​เอง​ อีก​เดี๋ยว​ก็​จะต้อง​ออก​เดินทางไกล​แล้ว​ เลย​อด​เศร้าใจ​กลัดกลุ้ม​ไม่ได้​”

ภูเขา​เขียว​เมฆขาว​ของ​มาตุภูมิ​ สะพาน​น้อย​น้ำ​ไหล​ยาว​ ล้วน​กำลัง​รอคอย​ให้​นักเดินทาง​อยู่​ทิศ​ไกล​กลับคืน​เรือน​

ราวกับว่า​เมื่อ​ฟ้าสว่าง​ สะดุ้งตื่น​จาก​ฝัน​ก็​จะ ‘ลืมตา​มาเห็น​’ เสียง​ขาย​ดอกไม้​ดัง​รอบด้าน​

จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​หลวี่เหยียน​แข็งแกร่ง​ถึงเพียงนี้​ ย่อม​เก็บ​กลั้น​อารมณ์​ทุกข์​ตรม​อ่อน​จางนี้​ไว้​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​ เขา​ยังคง​สงสัย​ใคร่รู้​ใน​เรื่อง​หนึ่ง​อย่าง​มาก​ “ผู้ฝึก​กระบี่​หญิง​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ที่​ใช้นามแฝง​ว่า​ป๋า​ย​จิ่งผู้​นั้น​ เวท​กระบี่​สูงกว่า​สหาย​โม่เซิงหนึ่ง​ระดับ​อีก​หรือ​?”

ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​พยักหน้า​ “ก็​ใช่น่ะ​สิ คือ​สตรี​ดุร้าย​คน​หนึ่ง​ เวท​กระบี่​ก็​สูงมาก​ เพียงแต่ว่า​เสี่ยว​โม่เอง​ก็​ลำบากใจ​มาก​เหมือนกัน​ เผชิญหน้า​กับ​การตาม​ตอแย​ไม่เลิกรา​เช่นนี้​ การ​ถามกระบี่​ครั้งหนึ่ง​จะให้​ต่อสู้​เอาเป็นเอาตาย​กับ​ป๋า​ย​จิ่งจริงๆ​ ก็​คง​ไม่ได้​ ไม่อย่างนั้น​หาก​ทำให้​เสี่ยว​โม่โมโห​ขึ้น​มาจริงๆ​ แล้ว​เรียก​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​บาง​เล่ม​ออกมา​ ป๋า​ย​จิ่งก็​ต้อง​หวั่นเกรง​เหมือนกัน​ พูดถึง​แค่​การ​ไล่​ฆ่าใน​ปี​นั้น​ หากว่า​สู้สุด​ชีวิต​จริงๆ​ ก็​ยัง​เป็น​หย่า​งจื่อ​และ​จูเยี่ยน​ที่​ต้อง​เสียเปรียบ​มากกว่า​ หนี​ไม่พ้น​จุดจบ​ที่​บิน​ทะยาน​สามคน​ต้อง​ตาย​สอง​เจ็บ​หนึ่ง​ อยู่​ใน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ จูเยี่ยน​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​เช่นนั้น​ อันที่จริง​ก็​ไม่ต่าง​อะไร​จาก​ความตาย​แล้ว​”

“เป็น​ข้า​รับใช้​กระบี่​ที่​ปกป้อง​มรรคา​ให้​กับ​คน​กลุ่ม​นั้น​ แน่นอน​ว่า​เสี่ยว​โม่สามารถ​ทำได้​ดีมาก​ แต่​หาก​ให้​เป็น​นักรบ​พลีชีพ​ นี่​ต่างหาก​ที่​เขา​จะเป็นได้​อย่าง​สมชื่อ​มาก​ที่สุด​”

“ดังนั้น​หาก​จะพูดถึง​สายตา​ใน​การ​เลือก​คน​ของ​ผู้อาวุโส​บางท่าน​ นับแต่​โบราณ​จน​ปัจจุบัน​ก็​ถือว่า​ดีมาก​มาโดยตลอด​เลย​ล่ะ​”

แต่​ผู้ฝึก​กระบี่​ป๋า​ย​จิ่งค่อนข้าง​คล้ายคลึง​กับ​เซียว​สวิ้น​แห่ง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ที่​ค่อนข้าง​ชอบ​การ​ไร้​พันธนาการ​ที่​บริสุทธิ์​อย่าง​ถึงที่สุด​

ปี​นั้น​เฉิน​ชิงตู​ที่อยู่​ใน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​มิอาจ​ควบคุม​เซียว​สวิ้น​ได้​ ทุกวันนี้​ป๋า​ย​เจ๋อ​หวนคืน​สู่ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ก็​ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​จะควบคุม​ป๋า​ย​จิ่งได้​

ก็​ไม่ถือว่า​ควบคุม​ไม่อยู่​กระมัง​ น่าจะ​เป็นความ​เคารพนับถือ​อย่างหนึ่ง​ หรือ​ควรจะ​พูดว่า​เหมือน​ความใจกว้าง​ยอม​ให้อภัย​ที่​ผู้ใหญ่​มีต่อ​ผู้น้อย​มากกว่า​

ฟ้าสูงแผ่นดิน​กว้างใหญ่​ เชิญใช้ชีวิต​ให้​มีอิสระ​เสรี​

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!