สรุปตอน บทที่ 934.2 ข้าคือเจ้าแห่งวิถีบูรพา (สาม) – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
ตอน บทที่ 934.2 ข้าคือเจ้าแห่งวิถีบูรพา (สาม) ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ชิงถงจึงยิ่งสงสัยใคร่รู้ในตัวของภูตน้ำน้อยแห่งทะเลสาบคนใบ้ที่ชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อยคนนั้นเข้าไปอีก
เฉินผิงอันเอ่ยเตือนว่า “คำพูดไม่น่าฟังเอามาพูดกันก่อน เจ้าไม่เกรงใจข้า ไม่ได้มีปัญหาอะไร ข้าคนนี้นิสัยดี ทั้งยังไม่ชอบอาฆาตแค้น แต่วันหน้าหากเจ้ามีโอกาสได้พบเจอหมี่ลี่น้อยแล้วกล้าไม่เกรงใจผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของบ้านข้า ก็ไม่ต้องรอให้ข้าลงมือด้วยซ้ำ”
หาเรื่องใครก็อย่ามาหาเรื่องหน่วนซู่และหมี่ลี่น้อยของภูเขาลั่วพั่วพวกเราเด็ดขาด
อย่ามาพูดถึงขอบเขตไม่ขอบเขตอะไรกับข้า
ชิงถงถาม “ภูตน้อยมีประวัติความเป็นมายิ่งใหญ่มากหรือ?”
เฉินผิงอันกลั้นขำ สีหน้าอ่อนโยนลงหลายส่วน เอ่ยว่า “หมี่ลี่น้อยอยู่กับศิษย์พี่จั่วโย่วของข้าก็ยังดุร้ายอย่างมาก ยังเคยพาศิษย์พี่จวินเชี่ยนเดินลาดตระเวนภูเขาด้วยกัน เคยเลี้ยงน้ำชาเจ้าอารามผู้เฒ่า เคยเลี้ยงเมล็ดแตงผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่บางคน พูดถึงแค่ผู้อาวุโสสองท่านนี้ หากไม่เป็นเพราะหมี่ลี่น้อยช่วยขัดขวางไว้ให้ ก็ไม่รู้ว่าข้าต้องเจอกับเรื่องยากลำบากอีกกี่มากน้อย เจ้าว่านางมีความเป็นมายิ่งใหญ่หรือไม่เล่า?”
ชิงถงถามหยั่งเชิง “เพราะว่าภูมิหลังของนางร้ายกาจมากหรือ?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า จุ๊ปากพูด “หากว่าเจ้าไปที่ภูเขาลั่วพั่วต้องไม่มีทางปรับตัวได้แน่นอน”
ชิงถงมึนงง
เฉินผิงอันกล่าว “ออกเดินทางกันต่อเถอะ”
ชิงถงร้องอ้อหนึ่งที กวาดตามองไปรอบด้าน น่าเสียดายที่สถานที่แห่งนี้และเวลานี้ไม่มีสายลมไม่มีแสงจันทร์
ดวงจันทร์บนฟ้า ดวงจันทร์ในโลกมนุษย์ สะพายหีบหนังสือแสวงหาความรู้ บนไหล่แบกดวงจันทร์ เดินขึ้นสู่ที่สูงพิงราวรั้ว ดวงตามีดวงจันทร์ ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ จันทร์เสี้ยวกลับมาเป็นจันทร์เต็มดวงอีกครั้ง
สายลมในภูเขา สายลมริมสายน้ำ สายลมใต้ฝ่าเท้ายามขี่กระบี่เดินทางไกล สายลมเปิดตำราในห้องหนังสืออริยะปราชญ์ ลมพัดจอกแหนล่องลอยได้พบเจอโดยบังเอิญ
ภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป กลางอากาศเหนือลำน้ำใหญ่ที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงสำรอง
มีป๋ายอวี้จิงจำลองแห่งหนึ่งที่ราชวงศ์ต้าหลีร่วมมือกับสำนักโม่ทุ่มเทกำลังทรัพย์และกำลังคนนับไม่ถ้วนสร้างขึ้นมา
อันที่จริงชิงถงประหลาดใจอย่างมากว่าเจ้านายตัวจริงของใต้หล้าไพศาลไม่คิดจะมาควบคุมบ้างหรือ?
เพียงแต่พอคิดอีกที ตราประทับอักษรภูเขาที่เต๋าเหล่าเอ้อทิ้งไว้ในใต้หล้าไพศาลก็ดูเหมือนว่าศาลบุ๋นไม่คิดจะสนใจเหมือนกัน?
ชิงถงเอ่ยเสียงเบา “ข้ารอเจ้าอยู่ข้างนอก?”
หากว่าถูกผู้ฝึกตนของป๋ายอวี้จิงจำลองแห่งนี้เล่นงาน เวทหลบหนีไม่ร้ายกาจพอ ได้ยินว่าหอแห่งนี้สามารถฟันบินทะยานได้เลย?
อีกอย่าง สถานที่แห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในผลงานการทุ่มเทสติปัญญาและกำลังของซิ่วหู่ชุยฉานด้วย
บอกตามตรง ต่อให้ชิงถงจะไม่กริ่งเกรงอิ่นกวานหนุ่มมากแค่ไหน แต่เผชิญหน้ากับชุยฉานที่มีชื่อเสียงมาเนิ่นนานผู้นั้น ต่อให้บนโลกมนุษย์นี้ไม่มีซิ่วหู่อีกต่อไปแล้ว ชิงถงก็ยังไม่กล้าก่อเรื่องในอาณาเขตของแจกันสมบัติทวีปแห่งนี้
นั่นคือบุคคลที่สามารถงัดข้อกับมหาสมุทรความรู้โจวมี่ได้โดยที่ไม่ตกเป็นรองแม้แต่น้อยเชียวนะ
หรือจะพูดถึงก่อนหน้านั้น ตอนที่ชุยฉานยังเป็นลูกศิษย์คนแรกของเหวินเซิ่ง ก็เคยติดตามซิ่วไฉเฒ่าเดินทางไปเยือนพื้นที่มงคลดอกบัวมาก่อน
ชิงถงเคยเห็นท่วงท่าอันสง่างามเลิศล้ำของคนผู้นี้กับตาตัวเองมาก่อนแล้ว
หากเปลี่ยนมาเป็นชุยฉานที่มาเป็นแขกที่หอสยบปีศาจ ชิงถงก็ยอมรับว่าต่อให้มีคำสั่งจากโจวจื่อ ตนก็ไม่มีทางกล้าวางแผนเล่นงานชุยฉานเด็ดขาด
อีกอย่างใครจะวางแผนเล่นงานใครก็ยังบอกได้ยากเลยนะ?
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ขึ้นหอไปพร้อมกับข้า”
ชิงถงลังเลตัดสินใจไม่ได้
ใต้เท้าอิ่นกวาน เจ้าอย่าได้ข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน ขึ้นบ้านแล้วรื้อบันไดทิ้งล่ะ
หลอกให้ข้าเข้าไปแล้วค่อยปิดประตูสังหารข้า?
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้านี่เก่งแต่ในโปงผ้าห่มใช่ไหม?”
ชิงถงเงียบงัน นี่ข้ามีชีวิตสู้ผู้ฝึกยุทธขอบเขตหกคนหนึ่งของแคว้นหวงถิงไม่ได้เชียวหรือ?
แล้วก็ได้แต่เดินเหยียบความว่างเปล่าขึ้นหอเรือนไปพร้อมกับเฉินผิงอัน มาถึงในหอชั้นที่สูงที่สุด ได้เจอกับผู้ฝึกตนเฒ่าคนหนึ่งที่เฝ้าพิทักษ์ที่แห่งนี้
ผู้เฒ่าสวมกวานสูงรัดเข็มขัดหยก ตัวสูงอย่างมาก เรือนกายผ่ายผอม สีหน้าเย็นชา มองดูแล้วไม่น่าเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย
ชิงถงเห็นคนผู้นี้แล้วจิตแห่งมรรคาก็พลันสะท้านสะเทือน รีบถอดผ้าคลุมหน้าและถอนเวทอำพรางตาออกทันใด ก้มหัวโค้งตัวประสานมือคารวะ พอยืดตัวขึ้นแล้วก็ยืนอยู่เงียบๆ ไม่เอ่ยอะไร
เนื่องจากจำอีกฝ่ายได้แล้ว
อีกฝ่ายไม่ใช่อริยะศาลบุ๋น อีกทั้งต่อให้เขาอยู่กับปรมาจารย์มหาปราชญ์และจอมปราชญ์น้อยก็สามารถไม่ไว้หน้าคนทั้งคู่ได้เลย
มิน่าเล่าต้าหลีถึงได้กล้าทำตัวแข็งกระด้างตอนอยู่ในศาลบุ๋นได้ถึงเพียงนั้น
เพียงแต่ไหนพูดกันว่าคนผู้นี้กายดับมรรคาสลายไปนานแล้วอย่างไรเล่า?
ผู้เฒ่าเพียงแค่ผงกศีรษะให้กับชิงถง แล้วก็มองไปยังเฉินผิงอัน เอ่ยว่า “แค่ครั้งสองครั้งก็พอแล้ว เรื่องเดิมไม่ทำซ้ำสาม”
ชิงถงเกือบอดไม่ไหว เจ้าเฉินผิงอันก็เป็นแค่ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสายเหวินเซิ่งเท่านั้น พูดจากับผู้อาวุโสท่านนี้แบบนี้ได้อย่างไร เกรงใจกันหน่อยสิ
อันที่จริงในใต้หล้าไพศาลมีคำกล่าวเช่นนี้มาโดยตลอด ผู้มีพรสวรรค์ในใต้หล้า ครึ่งหนึ่งอยู่ที่ศาลบุ๋นลัทธิขงจื๊อ ผู้มีพรสวรรค์แห่งศาลบุ๋น ครึ่งหนึ่งอยู่ในสายหย่าเซิ่ง
แต่ตามความเห็นของชิงถง มีเรื่องกับใครก็อย่าไปมีเรื่องกับลูกศิษย์ผู้สืบทอดสายของเหวินเซิ่งเด็ดขาด
เฉินผิงอันถาม “จะขอให้ผู้อาวุโสจุดธูปน้ำสักดอกหนึ่งได้หรือไม่?”
ผู้เฒ่ายิ้มถาม “เจ้าลองว่ามาสิว่าข้าจะต้องการบุญกุศลน้อยนิดแค่นั้นจากสายบุ๋นมาทำไม?”
เฉินผิงอันบื้อใบ้ไปทันใด
ผู้เฒ่าไม่ได้เปิดโปงเรื่องหนึ่ง อันที่จริงการจากลากันบนยอดเขาครานั้น นักบัญชีหนุ่มนั่งอยู่บนหลังม้าเคยงีบหลับอย่างสะลึมสะลือไปตื่นหนึ่ง
ไม่รู้เลยว่าอาจารย์ผู้เฒ่าที่หลอกเอาแผ่นไม้ไผ่ไปไม่น้อยผู้นั้นจูงม้าพาเขาเดิน ทั้งยังเคยพูดคุยเหมือนการถามใจครั้งหนึ่งกับเขาด้วย
ผู้เฒ่านึกถึงเสียงในใจประโยคหนึ่งของคนหนุ่มในปีนั้น
ไม่ทะเลาะกัน ไม่ทะเลาะกัน ไม่มีเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ หากเคยกินซาลาเปาไส้เนื้อที่ทั้งอร่อยทั้งราคาถูกของเมืองลวี่ถงมาแล้วสี่ลูก ไม่แน่ว่าสามารถลองดูได้
ดังนั้นผู้เฒ่าจึงเอ่ยสัพยอกว่า “เนื้อหัวหมูเย็นๆ เอามาทำเป็นไส้ซาลาเปาได้หรือ?”
เฉินผิงอันเองก็ไม่อิดออด โค้งกายคารวะบอกลาทันที “รบกวนผู้อาวุโสแล้ว พวกเราจะจากไปเดี๋ยวนี้”
คิดไม่ถึงว่าผู้เฒ่าจะหัวเราะร่าเอ่ยว่า “ใช่แล้ว เรื่องที่สร้างยี่สิบสี่ช่วงฤดูกาลขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่คุณความชอบเล็กๆ ไม่เล็กเลยจริงๆ อีกทั้งบางทีเจ้าก็อาจจะไม่รู้ว่า คุณความชอบส่วนนี้ยังไม่ถูกบันทึกลงสมุดคุณความชอบของศาลบุ๋น เท่ากับว่าศิษย์พี่ชุยฉานเหลือทรัพย์สินส่วนหนึ่งนี้ไว้ให้กับเจ้า ส่วนข้าก็ถือว่าช่วยดูแลให้ชั่วคราว ธูปน้ำก้านนี้ เจ้าจะให้ข้าจุด ก็ย่อมได้ แต่เจ้าจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับคุณความชอบส่วนนี้อีกแล้ว การค้าครั้งนี้จะทำหรือไม่ทำ?”
ชิงถงไม่มีเวลามาสนอะไรอีกแล้ว รีบใช้เสียงในใจเอ่ยเตือนเฉินผิงอันทันที “อย่าทำนะ! ห้ามวู่วามเด็ดขาด ขาดทุนเกินไปแล้ว ขาดทุนอย่างหนักเลย! อีกอย่างเดิมทีคุณความชอบนี้ก็เป็นชุยฉานที่เก็บไว้ให้เจ้า ด้วยอายุและลำดับอาวุโสของผู้อาวุโสท่านนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่น่าจะละโมบฮุบเอามาเป็นของตัวเองได้ คราวหน้าค่อยหาวิธีมาทวงคืนไปจากที่นี่…”
ผู้เฒ่าคล้ายจะสัมผัสได้ถึงเสียงในใจของชิงถง จึงส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่บังเอิญเลย ข้ามีสัญญากับชุยฉานอยู่เรื่องหนึ่ง คุณความชอบส่วนนี้ แม้จะถือว่าเป็นของเฉินผิงอัน แต่จะเอากลับไปอย่างไร ใช้วิธีการแบบใด กลับอยู่ที่ข้า ไม่ได้อยู่ที่เฉินผิงอัน”
ชิงถงร้อนใจขึ้นมาครามครัน ทำไมถึงกล้ารังแกคนอื่นอย่างนี้นะ
เฉินผิงอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า “ตกลง!”
ผู้เฒ่ายิ่งคล่องแคล่วว่องไวมากกว่า รอกระทั่งเฉินผิงอันพยักหน้าแล้วเขาก็โบกชายแขนเสื้อเป็นวงกว้างทันใด คุณความชอบที่ยิ่งใหญ่ไพศาลส่วนนั้นหวนคืนสู่ฟ้าดิน ถึงขั้นที่ว่าไม่ได้มอบให้แค่ขุนเขาสายน้ำของแจกันสมบัติทวีปแห่งเดียวเท่านั้นด้วย
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!