เข้าสู่ระบบผ่าน

กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 939

หลังจากนั้น​หลู​เซิงก็​ได้รับ​คำสั่ง​ให้​ไป​ที่​สำนัก​กุย​หยก​ แฝงตัว​อยู่​ใน​พื้นที่​มงคล​ถ้ำเมฆาของ​สกุล​เจียง​ เป็น​คนพาย​เรือ​เฒ่าที่​ถ่อ​เรือ​ข้าม​แม่น้ำ​หาเงิน​เกล็ด​หิมะ​ไม่กี่​เหรียญ​ เฝ้า ‘โอสถ​ทอง​’ ที่ซ่อน​อยู่​ระหว่าง​หน้าผา​ของ​หาด​หิน​หวง​เฮ้อ​เม็ด​นั้น​

และ​เจ้าของเก่า​ของ​โอสถ​ทอง​เม็ด​นี้​ก็​เคย​เป็น​สหาย​คน​หนึ่ง​ใน​ช่วงเวลา​อัน​ยาวนาน​ยุค​บรรพกาล​ของ​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​ ฝ่าย​หลัง​มักจะ​ไป​เป็น​แขก​ที่​หาด​ลั่ว​เป่า​ถ้ำปี้​เซียว​เป็นประจำ​เพื่อ​ถก​มรรคา​พูดคุย​กับ​เจ้าอาราม​ผู้เฒ่า​

ลู่​เฉิน​กล่าว​ “ใช้ปราณ​แท้จริง​ที่​บริสุทธิ์​ ‘เติมเต็ม​มหาสมุทร​’ คือ​ผลงาน​ชิ้น​แรก​ของ​เจ้า ส่วน​ ‘ตับ​และ​ถุงน้ำดี​สาดส่อง​เข้าหา​กัน​’ (ตับ​และ​ถุงน้ำดี​เปรียบเปรย​ถึงหัวใจ​ ความกล้าหาญ​ สามารถ​หมายความว่า​ปฏิบัติ​ต่อกัน​ด้วย​ความจริงใจ​ได้​ด้วย​) ก็​เป็น​วิถี​แห่ง​การหลอม​ลมปราณ​ที่​เจ้าคลำ​เจอ​ก่อน​ น่าเสียดาย​ที่​สุย​โย่ว​เปีย​น​ได้รับ​การสืบทอด​ไป​จาก​เจ้า แต่กลับ​ได้​แค่​รูปลักษณ์​ ไม่ได้​จิตวิญญาณ​ไป​ อวี๋เจิน​อี้​ของ​โลก​ยุค​หลัง​ก็ได้​แต่​จิตวิญญาณ​ไป​อย่าง​เดียว​ เพราะ​ตำรา​พวก​นั้น​ที่​เจ้าทิ้ง​ไว้​ ปี​นั้น​สุย​โย่ว​เปีย​น​ตั้งใจ​เก็บรักษา​ไว้​เป็น​อย่าง​ดี​ ไม่ได้​ทำลาย​ทิ้ง​ไป​ แต่​พอ​ผลัด​เปลี่ยนไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​อวี๋เจิน​อี้​ ถึงอย่างไร​ก็​มีไม่ถึงครึ่งหนึ่ง​”

หลู​เซิงจิบ​เหล้า​หนึ่ง​อึก​ พูด​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​ว่า​ “ปี​นั้น​ข้า​เปิด​อ่าน​หนังสือประวัติศาสตร์​ของ​ทางการ​และ​เกร็ดพงศาวดาร​มาจน​ถ้วน​ทั่ว​ สุดท้าย​ค้นพบ​ว่า​แต่ละ​ยุค​แต่ละ​สมัย​เหมือน​จะมีเจ๋อ​เซียน​ที่​เป็น​คนต่างถิ่น​เยื้องกราย​มาจุติ​อยู่​เสมอ​ คน​บางคน​นิสัย​เปลี่ยนแปลง​ไป​มาก​ ส่วน​บางคน​กลับ​เหมือน​โผล่​มาจาก​ความว่างเปล่า​ มาเดินกร่าง​อยู่​ใน​โลก​มนุษย์​อย่าง​ไร้​ความ​ยำเกรง​ นี่​ทำให้​ข้า​ได้​ข้อสรุป​ว่า​ ใน​เมื่อ​เหนือ​คน​ยังมี​คน​ นั่น​ก็​แสดงว่า​เหนือ​ฟ้าย่อม​มีฟ้า คำ​ว่า​บรรลุ​มรรคา​บิน​ทะยาน​ที่​กล่าวถึง​ใน​ตำรา​โบราณ​ การ​เลื่อน​อันดับ​กลายเป็น​เซียน​ บางที​อาจ​เป็น​เรื่องตลก​ ยกตัวอย่างเช่น​ ‘ใต้​หล้า​’ ที่​ข้า​อยู่​นี้​อาจ​เป็น​พื้นที่​ใน​ป่า​เปลี่ยว​ห่างไกล​ไร้​กลิ่นอาย​ของ​มนุษย์​แห่ง​หนึ่ง​ก็​เป็นได้​”

“ปี​นั้น​ข้า​ไม่รู้​ว่า​ตัวเอง​คือ​คน​หนึ่ง​ใน​นั้น​ จึงกลัดกลุ้ม​กับ​เรื่อง​นี้​อย่าง​มาก​ อยาก​จะออก​ไป​ข้างนอก​ แต่​ก็​ตัดใจ​ทิ้ง​วร​ยุทธ​บน​ร่าง​ของ​ตัวเอง​ไป​กลางคัน​ไม่ได้​ จึงได้​แต่​คลำหา​เส้นทาง​ จากนั้น​ก็​พบ​เจอ​กับ​ลูกศิษย์​ที่​ใกล้เคียง​กับ​คำ​ว่า​ ‘ตัวอ่อน​การ​ฝึก​ตน​’ อย่าง​ที่​กล่าวถึง​ใน​ตำรา​มาก​ที่สุด​ เพียงแต่ว่า​ถึงท้ายที่สุด​แล้วก็​ยัง​เป็น​แค่​การ​ใช้ตะกร้า​ไม้ไผ่​ตัก​น้ำ​ ใน​ฐานะ​ลูกศิษย์​ลัทธิ​ขงจื๊อ​คน​หนึ่ง​ ฝึก​บำเพ็ญตน​เรียนรู้​จาก​เซียน​ เข้าร่วม​ฌาน​เรียนรู้​พุทธศาสนา​ ผล​คือ​ทั้ง​สามเรื่อง​กลับ​ไม่มีอะไร​ทำได้​สำเร็จ​”

หาไม่​แล้ว​สุย​โย่ว​เปีย​น​ที่​คิด​จะสละ​วิถี​วร​ยุทธ​แล้ว​หันไป​ฝึก​บำเพ็ญตน​ก็​จะกลายเป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ได้​ทันที​จริงๆ​ หรือ​?

ลู่​เฉิน​พยักหน้า​

เรื่อง​ของ​การผสาน​รวม​ของ​สามลัทธิ​ คน​แรก​สุด​ที่​คิดถึง​เส้นทาง​สาย​นี้​ได้​ก็​คือ​โค่ว​หมิง​ เจ้าลัทธิ​ใหญ่​แห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ศิษย์​พี่​ของ​ลู่​เฉิน​

และ​นี่​ก็​คือ​สาเหตุ​ที่​ทำให้​ผู้ฝึก​ตน​บน​ยอดเขา​กลุ่ม​เล็ก​ของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​รู้สึก​ว่า​มรรค​กถา​ของ​เจ้าลัทธิ​ใหญ่​มีความคล้ายคลึง​กับ​พระธรรม​ของ​ลัทธิ​พุทธ​

เจิ้งจวี​จง อู๋ซวงเจี้ยง​ หลู​เซิงที่อยู่​ตรงหน้า​ หลวี่เหยียน​ที่​มีฉายา​ว่า​ ‘ฉุน​หยาง​’ และ​ยังมี​เฉิน​ผิง​อัน​ใน​ทุกวันนี้​…

อันที่จริง​บน​มหา​มรรคา​เส้น​นี้​ แต่ละคน​ต่าง​ก็​มีการทดลอง​กัน​มาก่อน​

แน่นอน​ว่า​ยังมี​ฉีจิ้งชุน​ที่อยู่​ใน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูหกสิบ​ปี​ที่​เดิน​ไป​ได้​ไกล​ที่สุด​ เดิน​ไป​ได้​สูงที่สุด​

ลู่​เฉิน​วาง​ตะเกียบ​ลง​ นวด​คลึง​ปลาย​คาง​ เหลือบตา​มอง​เด็กสาว​ที่อยู่​ตรงหน้า​ประตู​ สุดท้าย​ก็​ปอก​ลิ้นจี่​แห้ง​เม็ด​หนึ่ง​โยน​เข้า​ปาก​

ก่อนหน้านี้​อยู่​ที่​ศูนย์​ตัด​ต้นไม้​ ได้​พูดคุย​อย่าง​เปิดใจ​กับ​หลิน​เจิ้งเฉิงที่​รับหน้าที่​เป็น​ ‘หุน​เจ่อ​’ ของ​ถ้ำสวรรค์​หลี​จู

ปี​นั้น​ฉีจิ้งชุน​ปกป้อง​ถ้ำสวรรค์​หลี​จู เลือก​ที่จะ​ใช้กำลัง​ของ​ตัวเอง​คนเดียว​แบกรับ​ทัณฑ์​สวรรค์​เอาไว้​

เรื่อง​นี้​เมื่อ​ปรากฏ​อยู่​ใน​สายตา​ของ​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​แล้วก็​ค่อนข้าง​คล้ายคลึง​กับ​การ​ที่​ป๋า​ย​เห​ย่พก​กระบี่​ออก​เดินทางไกล​ไป​เยือน​ฝูเหยา​ทวีป​ใน​ภายหลัง​ โดย​ภาพรวม​แล้ว​สามารถ​โน้มน้าว​ได้​ แต่​มิอาจ​ขัดขวาง​ได้​

ต่อให้​เป็น​ฝั่งของ​ลัทธิ​พุทธ​ ท่ามกลาง​ทัณฑ์​ใหญ่​ครานั้น​ ท่าทาง​ที่​มีต่อ​ฉีจิ้งชุน​ก็​ไม่ได้​ใช้พลัง​อำนาจ​บีบคั้น​อย่าง​เซียน​เห​ริน​แห่ง​หอ​จื่อ​ชี่ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิง

ตอนนั้น​สามลัทธิ​หนึ่ง​สำนัก​ที่​ลงมือ​ขัดขวาง​ไม่ให้​ฉีจิ้งชุน​แบกรับ​ผลกรรม​ทั้งหมด​ไว้​ อันที่จริง​มีเพียง​ทาง​ฝ่าย​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงแห่ง​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​เท่านั้น​ หรือ​ควรจะ​พูด​ให้​ถูกต้อง​ก็​คือ​ เป็น​สอง​เจ้าลัทธิ​แห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงอย่าง​อวี๋​โต้​ว​และ​ลู่​เฉิน​ ศิษย์​พี่​ศิษย์​น้อง​ที่​นิสัยใจคอ​และ​ลักษณะ​การกระทำ​เรียก​ได้​ว่า​แตก​ต่างกัน​อย่าง​สิ้นเชิง​คู่​นั้น​ที่​กลายเป็น​ว่า​ท่าที​และ​จุดยืน​ของ​ทั้งสอง​ฝ่ายใน​เรื่อง​นี้​กลับ​เหมือนกัน​อย่าง​ที่​หา​ได้​ยาก​ เรียก​ได้​ว่า​ชัดเจน​อย่าง​ถึงที่สุด​ ไม่มีพื้น​ที่ว่าง​ใดๆ​ ให้​ปรึกษา​อยู่​

เพราะ​พวกเขา​กังวล​ว่า​นี่​คือ​การ​ทำลาย​ก่อน​แล้ว​ค่อย​หยัดยืน​ขึ้น​มาใหม่​ของ​ฉีจิ้งชุน​ หาก​ทำสำเร็จ​ก็​จะเป็น​การกระทำ​ที่​พิสูจน์​มรรคา​อย่างหนึ่ง​ซึ่งมาก​พอ​จะให้​เขา​ก่อตั้ง​ลัทธิ​เรียก​ตัวเอง​เป็น​บรรพบุรุษ​ได้​

ลู่​เฉิน​ไม่ได้​กังวล​ว่า​ขอบเขต​ของ​ฉีจิ้งชุน​จะสูงยิ่งกว่า​เดิม​ สำหรับ​ลู่​เฉิน​แล้ว​ อย่า​ว่าแต่​ขอบเขต​สิบ​สี่อะไร​เลย​ ต่อให้​เป็น​ขอบเขต​สิบห้า​ จะเกี่ยวข้อง​อะไร​กับ​ข้า​ด้วย​?

ทว่า​ลู่​เฉิน​กลับ​ไม่อาจ​ทน​มอง​ให้​เรื่อง​เรื่อง​หนึ่ง​เกิดขึ้น​ได้​ นั่น​ก็​คือ​ศิษย์​พี่ใหญ่​ที่จะ​ต้อง​เกิด​การช่วงชิง​บน​มหา​มรรคา​กับ​ฉีจิ้งชุน​ มหา​มรรคา​จะต้อง​ขาดสะบั้น​ไป​นับแต่​นั้น​

นี่​หมายความว่า​เรื่อง​ที่​ลู่​เฉิน​หวัง​ให้​ศิษย์​พี่ใหญ่​มาช่วย​ตน​พิสูจน์​กลับ​กลายเป็น​คว้าน้ำเหลว​

และ​ใน​สายตา​ของ​ศิษย์​พี่​อวี๋​โต้​ว​แล้ว​ หาก​ฉีจิ้งชุน​ชิงเดิน​นำหน้า​ไป​ได้​ก่อน​ ทำ​เรื่อง​นี้​ได้​สำเร็จ​ ก็​เท่ากับ​ว่า​ป๋า​ยอ​วี้​จิงไม่มีเจ้าลัทธิ​ใหญ่​ โลก​มนุษย์​ก็​ยิ่ง​ไม่มีศิษย์​พี่​แล้ว​

และ​ศิษย์​พี่​โค่ว​หมิง​ สำหรับ​เขา​อวี๋​โต้​ว​แล้วก็​คือ​ผู้​มีพระคุณ​ที่​รับ​ลูกศิษย์​แทน​อาจารย์​และ​ถ่ายทอดวิชา​แทน​อาจารย์​

ดังนั้น​ก่อนที่​ลู่​เฉิน​จะออก​ไป​จาก​ป๋า​ยอ​วี้​จิง อวี๋​โต้​ว​จึงได้​ใช้น้ำเสียง​ที่​แทบจะ​เรียก​ว่า​เป็น​การตักเตือน​บอกกล่าว​กับ​ศิษย์​น้อง​ว่า​

‘ลู่​เฉิน​ หาก​เจ้ากล้า​มีความลังเล​ใน​ช่วงเวลา​สุดท้าย​ที่​เป็น​กุญแจ​สำคัญ​’

‘ข้า​จะลงมือ​เอง​’

ภายหลัง​ลู่​เฉิน​เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​ว่า​ เห็น​ๆ กัน​อยู่​ว่า​ผิน​เต้า​ไม่ได้​ทำ​อะไร​สักหน่อย​ เคย​ปั่นหัว​คนอื่น​ แต่​จะหลอก​หลิน​เจิ้งเฉิงที่​เป็น​หุน​เจ่อ​คน​เฝ้าประตู​ได้​อย่างไร​ ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​หลอก​เฉิน​ผิง​อัน​เลย​

ลู่​เฉิน​รู้สึก​เพียง​ความ​กลัดกลุ้ม​ หยิบ​ตะเกียบ​ขึ้น​มาใหม่​อีกครั้ง​ เอ่ย​พึมพำ​กับ​ตัวเอง​ว่า​ “เรื่อง​ของ​การ​ฝึก​ตน​ พูด​กัน​อย่าง​หมดเปลือก​แล้ว​ ก็​คือ​การ​ ‘เปลี่ยน​แขก​มาเป็น​เจ้าบ้าน​’ นั่นเอง​”

เหล่​ตา​มอง​เด็กสาว​ที่อยู่​ตรงหน้า​ประตู​ ลู่​เฉิน​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “เจ้าคิด​ว่า​อย่างไร​?”

เด็กสาว​หลุด​หัวเราะ​พรืด​ “ใต้​หล้า​นี้​มีคน​แค่​ไม่กี่​คน​เท่านั้น​ที่​มีคุณสมบัติ​จะพูดจา​วางโต​เช่นนี้​ได้​”

“ถ้าอย่างนั้น​ก็​ถือ​เสีย​ว่า​ผิน​เต้า​พูด​แทน​พวก​ศิษย์​พี่ใหญ่​ เจ้าอาราม​ซุน​และ​จ้าว​เทียน​ซือ​ก็แล้วกัน​”

ลู่​เฉิน​หัวเราะ​หึหึ​ “ใช่ไหม​ ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​?”

ต่อให้​ลู่​เฉิน​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ก็ได้​แต่​ใช้ขอบเขต​บิน​ทะยาน​เดิน​ท่อง​ไป​ทั่ว​ใต้​หล้า​เท่านั้น​

แต่​ลู่​เฉิน​ก็​ยังคง​เป็น​ลู่​เฉิน​นะ​

แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ซาน​จวิน​ห้า​ขุน​เขาใหญ่​ซึ่งรวมถึง​โจว​โหย​ว​แห่ง​ภูเขา​สุ้ย​ซาน​ และ​ยังมี​สุ่ยจ​วิน​ห​ลี่​เย่​โหว​ซึ่งเป็น​บุคคล​ที่​ก่อนหน้านี้​แทบจะ​สัมผัส​ได้​ถึงดินแดน​แห่ง​ฝัน​ใน​ชั่วพริบตา​ ห​ลี่​เย่​โหว​ยัง​เคย​ยืน​อยู่​บน​ริม​ขอบ​ของ​ดินแดน​แห่ง​ฝัน​ที่​ก้ำกึ่ง​ระหว่าง​จริง​เท็จ​ โจว​โหย​ว​ก็​ยิง​กระชาก​ภาพ​ฝัน​จน​แหลก​สลาย​ได้​อย่าง​ง่ายๆ​

หรือว่า​ก่อนหน้านี้​ตอนที่​เฉิน​ผิง​อัน​ไป​เยี่ยมเยือน​สุ่ยจ​วิน​ห​ลี่​เย่​โหว​ รวมไปถึง​แวะ​ไป​เยี่ยมเยือน​ห้า​มหา​บรรพต​ของ​แผ่นดิน​กลาง​ ได้​มีการกระทำ​แสดง​ความเคารพ​อย่าง​ลับ​ๆ ที่​มิให้​คนอื่น​ล่วงรู้​ไป​ก่อน​แล้ว​?

เพียงแต่ว่า​ยิ่ง​คิด​ชิงถงก็​ยิ่ง​รู้สึก​ว่า​เป็นไปไม่ได้​

ไม่พูดถึง​เจ้าลัทธิ​ลู่​ พูดถึง​แค่​หลู​เซิง จะดี​จะชั่ว​ก็​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​หยก​ดิบ​คน​หนึ่ง​ พูดถึง​แค่​หลู​เซิงตอน​ที่อยู่​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​ เดิมที​ก็​เป็น​บัณฑิต​ที่​มีความรู้​สูงเทียมฟ้า​ หลังจากที่​หลู​เซิง ‘จับ​ผลัด​จับ​ผลู​เข้า​จวน​’ มา กวาดตา​ง่ายๆ​ หนึ่ง​ที​ ต่อให้​เป็นการ​สอดส่าย​สายตา​อย่าง​ไม่อนาทร​ร้อนใจ​ ก็​ยัง​เห็น​ทุกอย่าง​กระจ่าง​ชัด​ จด​จำได้​อย่าง​ลึกซึ้ง​ หาก​มีอะไร​ผิดปกติ​แม้เพียง​เล็กน้อย​ก็​จะสัมผัส​เบาะแส​ได้​ทันที​

ก่อนหน้านี้​จับมือ​กับ​เฉิน​ผิง​อัน​ปล่อย​ดวงจิต​ไป​เยี่ยมเยือน​ดินแดน​แห่ง​ฝัน​ตาม​จวน​วารี​และ​ภูเขา​ใน​แต่ละ​สถานที่​ เพียงแค่​ดึง​เอา​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​แห่ง​ภูเขา​สายน้ำ​ของ​แต่ละ​ฝ่าย​เข้ามา​ใน​ความฝัน​เท่านั้น​ ไม่ได้​มีอะไร​เพิ่มเติม​เข้ามา​สัก​อย่าง​เดียว​

ทว่า​ใน​ ‘ซาก​ปรัก​ศาล​หล​วี​กง​’ นอกจาก​เฉิน​ผิง​อัน​จะจัดวาง​ผี​สาว​ ผู้ฝึก​ตน​และ​เซียน​ใหญ่​จาก​ศาล​เถื่อน​สอง​ท่าน​ รวมไปถึง​ทหาร​สวม​เสื้อเกราะ​ที่​ยืน​ถือ​ง้าว​ถือ​กระบี่​เฉียบคม​เรียงราย​อยู่​ใน​ระเบียง​สอง​ฝาก​ฝั่งแล้ว​…ที่​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​พวกเขา​ต้อง​พูดคุย​กัน​ ต่าง​คน​ต่าง​พูด​บท​ของ​ตัวเอง​…อีก​ทั้ง​ทุกครั้งที่​เปิดปาก​ ทุกๆ​ การกระทำ​ หรือ​แม้กระทั่ง​เสียง​ใน​ใจทุกครั้ง​ล้วน​สอดคล้อง​กับ​สถานะ​ ขอบเขต​หรือ​แม้แต่​นิสัยใจคอ​ของ​พวกเขา​…นอกจากนี้​สิ่งปลูกสร้าง​ที่​โผล่​มาจาก​ความว่างเปล่า​พวก​นั้น​ ทัศนียภาพ​ทุกอย่าง​ ล้วน​จำเป็นต้อง​มีการแกะสลัก​ใน​จุด​ที่​เล็ก​ละเอียด​อย่าง​ระมัดระวัง​ ส่วน​ใน​ภาพรวม​ก็​ต้อง​สอดคล้อง​กับ​ลักษณะ​ชัยภูมิ​…

นี่​หมายความว่า​นอกจาก​เฉิน​ผิง​อัน​จะเป็น​นัก​เล่านิทาน​ที่​เชี่ยวชาญ​การแต่งเรื่อง​แล้ว​ ยัง​ต้อง​เป็น​ปรมาจารย์​ผู้สร้าง​ที่​เชี่ยวชาญ​งาน​การซ่อมแซม​ งาน​ไม้และ​ดิน​ เป็น​จิตรกร​ เป็น​นักเขียน​พู่กัน​จีน​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ยัง​ต้อง​ชำนาญ​เรื่อง​เสื้อผ้า​เครื่องประดับ​แต่ละ​แบบ​ของ​สตรี​ด้วย​…

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “เจ้าคิด​ว่า​ภาพ​ที่​เจ้าเห็น​ใน​สระน้ำ​ล้วน​เกิดขึ้น​ตอนนี้​หรือ​? ‘ต่อให้​’ หลอก​เจ้าได้​? อีก​อย่าง​เจ้าคิด​ว่าที่​หลอก​เจ้าไป​มีแค่​ภาพ​ใน​น้ำ​เท่านั้น​หรือ​? ไม่สู้เจ้าลอง​หันกลับ​ไป​มอง​ใน​ศาล​เทพ​ลำคลอง​เฝิน​เห​อ​อีก​สักครั้ง​ดี​ไหม​”

ชิงถงหันกลับ​ไป​มอง​ศาล​แห่ง​นั้น​ สีหน้า​ก็​เผย​ความ​หวาดผวา​พรั่นพรึง​ขึ้น​มาทันใด​ พอ​หันมา​มอง​ข้าง​กาย​ก็​ไม่มีคน​นั่ง​ตกปลา​อยู่แล้ว​

ชิงถงนั่งลง​อย่าง​ห่อเหี่ยว​

เพราะ​เก้าอี้​ไม้ไผ่​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​ยื่น​ส่งให้​ก่อนหน้านี้​…ก็​เป็น​ของปลอม​

เฉิน​ผิง​อัน​ตัวจริง​ยืน​สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​อยู่​ใน​ระเบียง​ของ​ตำหนัก​ใหญ่​ ข้าง​กาย​ก็​คือ​นักพรต​น้อย​ทั้งหลาย​ที่​เล่น​โยน​เหรียญทองแดง​กัน​ เพียงแต่​นักพรต​น้อย​กับ​เหรียญทองแดง​ล้วน​เป็น​ภาพ​ที่​หยุดนิ่ง​

เรื่อง​ที่​ทำให้​ชิงถงรู้สึก​หวาดกลัว​ที่สุด​ยัง​ไม่ใช่เรื่อง​นี้​ แต่​เป็น​ม้วน​ภาพ​ม้วน​หนึ่ง​ที่​เหมือน​เริ่ม​ถูก​คลี่​กาง​ออก​ช้าๆ แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​คล้าย​กับ​ไหลริน​ใหม่​อีกครั้ง​ ทาง​ฝั่งของ​ประตู​วงเดือน​ของ​ศาล​มีเสียง​เครื่องประดับ​ใสกังวาน​ดัง​ขึ้น​ ‘อีกครั้ง​’ มีสตรี​เดิน​ออกมา​สอง​คน​ สตรี​วัยกลางคน​ยังคง​มวยผม​ทรง​เมฆา เด็กสาว​ยังคง​สวม​เสื้อ​สีขาว​ราก​บัว​สวม​กระโปรง​สีเขียว​ต้น​หอม​ สวม​รองเท้า​ปัก​ลาย​ดอกไม้​ที่​ค่อนข้าง​เก้า​ หญิง​ชรา​คน​เฝ้าศาล​สวม​ชุด​คลุม​เต๋า​สาบ​เสื้อ​ประกบ​คู่​สีเขียว​ใบ​ไผ่​ พวก​นาง​เดิน​ออกมา​จากประตู​วงเดือน​ด้วยกัน​ เด็กสาว​ยังคง​ใช้หาง​ตา​มอง​ประเมิน​ใคร​บ้าง​คน​…สิ่งเดียว​ที่​แตกต่าง​ก็​คือ​เป็น​ลู่​เฉิน​ที่มา​แทนที่​เฉิน​ผิง​อัน​ ยืน​อยู่​ข้าง​กาย​ ‘อดีต​ชิงถง’ เห็น​เพียง​ว่า​นักพรต​หนุ่ม​ที่​สวม​กวาน​ดอกบัว​บน​ศีรษะ​ผู้​นั้น​ สอง​ขา​เหมือน​ตะปู​ที่​ถูก​ตอก​ไว้​แน่น​ สายตา​กวาด​ล่อกแล่ก​ไปมา​ กว่า​จะสงบจิตสงบใจ​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ แล้ว​ถึงได้​ขยับ​เท้า​หลบ​วูบ​ไป​ด้าน​ข้าง​ หลีกทาง​ให้​สตรี​ทั้ง​สามเดินผ่าน​ไป​ สายตา​ของ​เขา​ยังคง​ติดตาม​สตรี​วัยกลางคน​และ​เด็กสาว​ที่​รูปโฉม​มีความงาม​แตกต่าง​กันไป​ ปาก​นักพรต​ท่อง​พึมพำ​ว่า​ มอง​เหมือน​ดอก​หลี​แต่​ไม่ใช่ดอก​หลี​ มอง​เหมือน​ดอก​ซิ่งแต่​ไม่ใช่ดอก​ซิ่ง สีแดง​และ​สีขาว​ สายลม​วสันต์​พัดพา​บรรยากาศ​และ​ความงาม​แตกต่าง​กันไป​…

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!