ลู่เฉินพลันร้องเอ๊ะหนึ่งที นวดคลึงปลายคาง “แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ? มรรคาไม่มีแบ่งสูงต่ำ มรรคกถาไม่มีความต่างเรื่องไกลและใกล้จริงเสียด้วย”
นอกจากหนีหยวนจานที่เป็นขอบเขตหยกดิบซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรด้วยแล้ว เฉินผิงอันกับชิงถงต่างก็สัมผัสได้ถึงริ้วคลื่นกระเพื่อมของมรรคกถาที่ลี้ลับมหัศจรรย์ซึ่งก่อกำเนิดขึ้นมาในภูเขาส่วนนั้นได้
ลู่เฉินพยักหน้า “แต่ว่ายังห่างจากขอบเขต ‘พูดจาวางโตไม่ละอาย’ ไปสักหน่อย ยังขาดความหมายบางอย่างไป สหายเถาถิงผู้นี้ ตอนนี้บอกได้แค่ว่าหาความเป็นไปได้อย่างหนึ่งเจอ ไม่ต้องรู้สึกสิ้นหวัง ได้แต่อยู่เฉยๆ รอความตายอีกต่อไปแล้ว”
ชิงถงกล่าว “เฉินผิงอัน ในเมื่อก่อนหน้านี้นักพรตฉุนหยางก็พูดเองแล้วว่าให้เจ้าไปตามหาวิชากระบี่ที่ชี้ตรงไปยังโอสถทองบทนั้นเอาเอง เมื่อครู่นี้พวกเราเดินทางผ่านมาแล้ว ทำไมไม่ไปดูสักหน่อยล่ะ?”
ลู่เฉินหลุดหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ “สหายชิงถงวางใจได้เลย ผินเต้าไม่มีทางแย่งชิงโชควาสนาครั้งนี้กับใต้เท้าอิ่นกวานหรอก”
โอ้โห สตรีพอเติบใหญ่แล้วก็ไม่อาจรั้งตัวไว้ในบ้านได้จริงๆ เวลาเพียงไม่นานก็หันไปเข้าข้างคนนอกอย่างใต้เท้าอิ่นกวานแล้วหรือ? ก็จริงนะ ก็เป็นเค่อชิงของภูเขาเซียนตูแล้วนี่นา
เฉินผิงอันกล่าว “กำลังอ่านอยู่”
……
บนภูเขาโหลวซาน ในศาลาลมของเรือนหลังเล็กที่เงียบสงบมากแห่งหนึ่ง เจ้าประมุขเกาเจิ่นกำลังเล่นหมากล้อมกับบุรุษหนุ่มลักษณะคล้ายปัญญาชน
คนที่เกาเจิ่นเล่นหมากล้อมด้วยก็คือหวงชงฮ่องเต้แคว้นเมิ่งเหลียง ด้านหลังของเขาคือสตรีสวมชุดชาววังคนหนึ่งที่มีโชคชะตาน้ำเข้มข้นยืนอยู่กับผู้เฒ่าร่างกำยำที่กลิ่นอายแห่งมรรคาล้ำลึก
จักรพรรดิผู้ครองแคว้น ในวันที่สามสิบซึ่งเป็นวันสิ้นปีนี้กลับไม่อยู่ในวังของเมืองหลวง ดูเหมือนว่านี่ยังเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์แคว้นเมิ่งเหลียงเสียด้วย ต้องรู้ว่าจักรพรรดิท่านหนึ่ง ในช่วงเวลานี้มักจะยุ่งที่สุด หากใช้คำกล่าวของหวงชงเองก็คือหลบมาหาความสงบ แต่ฮ่องเต้หนุ่มผู้นี้ก็มีใจแสวงหาเต๋ามาโดยตลอด มีความใกล้ชิดกับลัทธิเต๋า ย้อนกลับไปมองภูเขาเมฆาเรืองที่ทุกวันนี้คือเสาค้ำยันของแคว้นเมิ่งเหลียง เนื่องจากแนวทางการฝึกตนใกล้เคียงกับลัทธิพุทธมากกว่า ดังนั้นต่อให้เป็นเรื่องใหญ่อย่างการเปลี่ยนตัวเจ้าขุนเขา ฮ่องเต้ก็ไม่คิดจะไปร่วมแสดงความยินดีด้วยตัวเอง แค่อนุญาตให้เจ้ากรมพิธีการขึ้นเขาไปร่วมงานพิธีเท่านั้น
หวงชงมองสถานการณ์บนกระดานหมากแล้วคีบหมากขึ้นมาหนึ่งเม็ด สายตาสอดส่ายไปมา ยังคงยกเม็ดหมากค้างไว้ไม่ยอมวาง เอ่ยเยาะเย้ยตัวเองว่า “ดูท่าพวกฉีไต้จ้าวที่อยู่ในวังหลวงทั้งหลาย เมื่อเทียบกับเทพเซียนบนภูเขาที่เชี่ยวชาญการเล่นหมากล้อมอย่างพวกเจ้าแล้วยังด้อยกว่าไม่น้อย”
เกาเจิ่นยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาจงใจแพ้ให้ฝ่าบาทก็เป็นได้”
เห็นได้ชัดว่าอยู่กับฮ่องเต้ เกาเจิ่นไม่ได้ยึดหลักข้อห้ามระหว่างจักรพรรดิและขุนนางอะไร และยิ่งไม่เอ่ยถ้อยคำตามมารยาททำนองว่า ‘ข้าคือบุคคลอันดับหนึ่งด้านการเล่นหมากล้อมบนภูเขาของหนึ่งแคว้น ฝ่าบาทคือผู้ไร้ศัตรูเทียมทานด้านการเล่นหมากล้อมของล่างภูเขาในหนึ่งแคว้น’
หวงชงยิ้มพลางพยักหน้ารับ “ก็เป็นไปได้”
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเกาเจิ่นเป็นผู้ฝึกกระบี่เซียนดินขอบเขตโอสถทองแล้วจะยกตนข่มท่าน รู้สึกว่าขอบเขตของตนมากพอจะมองเหยียดจักรพรรดิล่างภูเขาได้แล้ว
บางทีเมื่อหลายสิบปีก่อน แจกันสมบัติทวีปนอกจากราชวงศ์ต้าหลีแล้ว ราชวงศ์ส่วนใหญ่อาจเป็นเช่นนี้ รอกระทั่งสกุลซ่งต้าหลีทำให้หนึ่งแคว้นกลายเป็นหนึ่งทวีป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งป้ายศิลาอยู่เหนือกลุ่มยอดเขา สถานการณ์เช่นนี้อันที่จริงได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้คนไปแล้ว เพราะถึงอย่างไรพรรคหวงเหลียงในทุกวันนี้ก็อยู่บนภูเขาโหลวซานที่เป็นภูเขาบรรพบุรุษ ห่างจากประตูศาลบรรพจารย์ไปไม่ไกลก็มีป้ายศิลาที่ว่านี้ตั้งอยู่แผ่นหนึ่ง ต่อให้ทางทิศใต้ของลำน้ำใหญ่แจกันสมบัติทวีปจะได้กอบกู้แคว้นกลับคืนมาแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้เป็นแคว้นใต้อาณัติของสกุลซ่งต้าหลีอีกต่อไป ทว่าป้ายศิลาแผ่นนี้กลับไม่มีจวนเซียนแห่งใดกล้าถอนออกไป
เคยมีข่าวลือเล็กๆ ข่าวหนึ่งบอกว่าเมื่อก่อนมีพรรคบนภูเขาอยู่หลายแห่งรู้สึกว่าแผ่นป้ายนี้ขวางหูขวางตาจึงปรึกษากับราชสำนักล่างภูเขาไว้เรียบร้อย ในเมื่อได้ฟื้นคืนชะตาแคว้นกลับมา ต้าหลีไม่ใช่แคว้นเหนือหัวอีกต่อไป ก็ย้ายออกไปเถอะ
ผลคือรอกระทั่งรายงานภูเขาสายน้ำฉบับหนึ่งแพร่จากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมาถึงแจกันสมบัติทวีป พวกเขาก็หยุดความคิดนี้กันไปอย่างสิ้นเชิง พากันอาศัยรายงานข่าวของบ้านตนป่าวประกาศแก่ทั้งทวีป แม้เนื้อหาจะไม่เหมือนกัน แต่กลับมีความหมายอย่างเดียวกัน
ไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน ใครกล้าใส่ร้ายป้ายสีก็จะต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!
ช่วยไม่ได้ ราชวงศ์ต้าหลีไม่มีซิ่วหู่แล้ว แจกันสมบัติทวีปกลับมีอิ่นกวานมาแทน
อีกทั้งสองคนนี้ยังเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องที่มาจากสำนักเดียวกันเสียด้วย
ในที่สุดหวงชงก็วางเม็ดหมาก เกาเจิ่นกวาดตามองแล้วยิ้มเอ่ย “ฝ่าบาทแพ้แล้ว”
หวงชงพยักหน้า ทำท่าจะพูดแต่ไม่พูด เพราะพอคำพูดมาหยุดรออยู่ตรงปากก็ถูกเขากลืนกลับลงท้องไปอีกครั้ง หาคำพูดอย่างใหม่มายิ้มเอ่ยสัพยอกว่า “เจ้าประมุขเกา ทุกวันนี้ในที่สุดพรรคหวงเหลียงของพวกเจ้าก็ได้ร่ำรวยอู้ฟู่แล้ว ลำพังแค่ข้า และยังมีเทพวารีน่าหลัน เหมยซานจวิน ของขวัญแสดงความยินดีของพวกเราสามคน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นเงินเข้าบัญชีที่ไม่เล็กก้อนหนึ่งกระมัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงส่วนของภูเขาเมฆาเรือง ขนาดข้าก็ยังอิจฉา อิจฉามากเลยล่ะ!”
เทพวารีหญิงแซ่น่าหลันผู้นั้นคลี่ยิ้มหวานเอ่ยว่า “ก่อนข้าจะขึ้นเขามาก็เคยโน้มน้าวฝ่าบาทว่าไม่สู้เอาของขวัญร่วมแสดงความยินดีที่ข้ากับเหมยซานจวินเตรียมมาเก็บกลับเข้าท้องพระคลังของเชื้อพระวงศ์ไปพร้อมกัน ถึงอย่างไรเจ้าประมุขเกาก็ไม่ถือสาอะไรอยู่แล้ว”
เหนียงเนียงเทพวารีท่านนี้สวมผ้าทอสีเขียวมรกต ใช้เส้นด้ายหลากสีรัดพันที่ข้อมือ ห้อยยันต์ชิ้นเล็กประดับมวยผม แค่ดูจากการแต่งกายนี้ก็รู้ได้ว่าเป็นผู้เลื่อมใสซูจื่อคนหนึ่ง (มาจากบทกวีด้ายสีรัดพันข้อมือหยกนวล ยันต์เล็กห้อยประดับมวยผมสีนิล หวังได้อยู่ร่วมกับคนงามนานพันปี)
เกาเจิ่นหัวเราะเสียงดังกังวาน “ครั้งนี้ได้กำไรมาไม่น้อยจริงๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ในที่สุดก็สามารถทำให้ภูเขาเมฆาเรืองมอบของขวัญกลับคืนได้แล้ว ไม่ง่ายเลยจริงๆ!”
คนรวยใช้ชีวิตด้วยการร่ำรวย ยิ่งใช้ชีวิตก็ยิ่งรวย คนจนใช้ชีวิตด้วยการจ่ายเงิน ยิ่งใช้ชีวิตก็ยิ่งยากจน
ไม่เลี้ยงแขกหรือ ดูแล้วไม่มีศักดิ์ศรี เลี้ยงแขกหรือ เหมือนตบหน้าตัวเองสวมรอยเป็นคนอ้วน แขกกินอาหารหมดแล้วจากไป ตัวเองกลับต้องกลับไปพร้อมความหิวโหย
บนภูเขาก็มีหลักการเดียวกัน
ในอดีตเป็นเพื่อนบ้านบนภูเขาที่อยู่ห่างกันไม่กี่ก้าวกับภูเขาเมฆาเรือง ลำบากเพียงใดมีเพียงตัวเองที่รู้ เงินใส่ซองแต่ละครั้ง จ่ายเงินไปเหมือนน้ำไหล ประเด็นสำคัญคือนั่นยังเป็นซองแดงที่ถูกกำหนดมาแล้วว่ามีแต่จะไปไม่มีได้กลับคืน
พูดถึงแค่ไช่จินเจี่ยนแห่งยอดเขาลวี่กุ้ยผู้นั้น สร้างโอสถทอง พิธีเปิดยอดเขา จากนั้นกลายเป็นก่อกำเนิด ทางฝั่งของพรรคหวงเหลียงต้องมอบของขวัญแสดงความยินดีไปกี่ชิ้นแล้ว? และเวลามอบของขวัญให้ทีจะแร้นแค้นเกินไปก็ไม่ดีกระมัง?
นอกจากนี้ภูเขาเมฆาเรืองยังมีผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกตนคนแล้วคนเล่า คู่รักบนภูเขาแต่งงานกัน ใครบางคนเลื่อนเป็นขอบเขตถ้ำสถิต กลายเป็นเทพเซียนห้าขอบเขตกลาง เซียนซือผู้เฒ่าของศาลบรรพจารย์ภูเขาเมฆาเรืองที่สนิทสนมกับพรรคหวงเหลียงรับลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนใหม่…ย้อนกลับมามองพรรคหวงเหลียงบ้านตน ก็เพิ่งจะมีช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ที่ดวงดีขึ้นมาหน่อย ก่อนหน้านั้นต้องอยู่ในวันเวลาอันน่าอนาถที่คนใบ้กินหวงเหลียนจริงๆ
ครั้งนี้จัดงานพิธีเปิดยอดเขา ความตั้งใจแรกสุดของพรรคหวงเหลียน แน่นอนว่าต้องจัดงานใหญ่สักครั้ง ดังนั้นหวังแค่ว่าจะ…ไม่ขาดทุนก็พอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!