สรุปเนื้อหา บทที่ 940.3 ใบท้อพบเจอดอกท้อ – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
บท บทที่ 940.3 ใบท้อพบเจอดอกท้อ ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ลู่เฉินพลันร้องเอ๊ะหนึ่งที นวดคลึงปลายคาง “แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ? มรรคาไม่มีแบ่งสูงต่ำ มรรคกถาไม่มีความต่างเรื่องไกลและใกล้จริงเสียด้วย”
นอกจากหนีหยวนจานที่เป็นขอบเขตหยกดิบซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรด้วยแล้ว เฉินผิงอันกับชิงถงต่างก็สัมผัสได้ถึงริ้วคลื่นกระเพื่อมของมรรคกถาที่ลี้ลับมหัศจรรย์ซึ่งก่อกำเนิดขึ้นมาในภูเขาส่วนนั้นได้
ลู่เฉินพยักหน้า “แต่ว่ายังห่างจากขอบเขต ‘พูดจาวางโตไม่ละอาย’ ไปสักหน่อย ยังขาดความหมายบางอย่างไป สหายเถาถิงผู้นี้ ตอนนี้บอกได้แค่ว่าหาความเป็นไปได้อย่างหนึ่งเจอ ไม่ต้องรู้สึกสิ้นหวัง ได้แต่อยู่เฉยๆ รอความตายอีกต่อไปแล้ว”
ชิงถงกล่าว “เฉินผิงอัน ในเมื่อก่อนหน้านี้นักพรตฉุนหยางก็พูดเองแล้วว่าให้เจ้าไปตามหาวิชากระบี่ที่ชี้ตรงไปยังโอสถทองบทนั้นเอาเอง เมื่อครู่นี้พวกเราเดินทางผ่านมาแล้ว ทำไมไม่ไปดูสักหน่อยล่ะ?”
ลู่เฉินหลุดหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ “สหายชิงถงวางใจได้เลย ผินเต้าไม่มีทางแย่งชิงโชควาสนาครั้งนี้กับใต้เท้าอิ่นกวานหรอก”
โอ้โห สตรีพอเติบใหญ่แล้วก็ไม่อาจรั้งตัวไว้ในบ้านได้จริงๆ เวลาเพียงไม่นานก็หันไปเข้าข้างคนนอกอย่างใต้เท้าอิ่นกวานแล้วหรือ? ก็จริงนะ ก็เป็นเค่อชิงของภูเขาเซียนตูแล้วนี่นา
เฉินผิงอันกล่าว “กำลังอ่านอยู่”
……
บนภูเขาโหลวซาน ในศาลาลมของเรือนหลังเล็กที่เงียบสงบมากแห่งหนึ่ง เจ้าประมุขเกาเจิ่นกำลังเล่นหมากล้อมกับบุรุษหนุ่มลักษณะคล้ายปัญญาชน
คนที่เกาเจิ่นเล่นหมากล้อมด้วยก็คือหวงชงฮ่องเต้แคว้นเมิ่งเหลียง ด้านหลังของเขาคือสตรีสวมชุดชาววังคนหนึ่งที่มีโชคชะตาน้ำเข้มข้นยืนอยู่กับผู้เฒ่าร่างกำยำที่กลิ่นอายแห่งมรรคาล้ำลึก
จักรพรรดิผู้ครองแคว้น ในวันที่สามสิบซึ่งเป็นวันสิ้นปีนี้กลับไม่อยู่ในวังของเมืองหลวง ดูเหมือนว่านี่ยังเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์แคว้นเมิ่งเหลียงเสียด้วย ต้องรู้ว่าจักรพรรดิท่านหนึ่ง ในช่วงเวลานี้มักจะยุ่งที่สุด หากใช้คำกล่าวของหวงชงเองก็คือหลบมาหาความสงบ แต่ฮ่องเต้หนุ่มผู้นี้ก็มีใจแสวงหาเต๋ามาโดยตลอด มีความใกล้ชิดกับลัทธิเต๋า ย้อนกลับไปมองภูเขาเมฆาเรืองที่ทุกวันนี้คือเสาค้ำยันของแคว้นเมิ่งเหลียง เนื่องจากแนวทางการฝึกตนใกล้เคียงกับลัทธิพุทธมากกว่า ดังนั้นต่อให้เป็นเรื่องใหญ่อย่างการเปลี่ยนตัวเจ้าขุนเขา ฮ่องเต้ก็ไม่คิดจะไปร่วมแสดงความยินดีด้วยตัวเอง แค่อนุญาตให้เจ้ากรมพิธีการขึ้นเขาไปร่วมงานพิธีเท่านั้น
หวงชงมองสถานการณ์บนกระดานหมากแล้วคีบหมากขึ้นมาหนึ่งเม็ด สายตาสอดส่ายไปมา ยังคงยกเม็ดหมากค้างไว้ไม่ยอมวาง เอ่ยเยาะเย้ยตัวเองว่า “ดูท่าพวกฉีไต้จ้าวที่อยู่ในวังหลวงทั้งหลาย เมื่อเทียบกับเทพเซียนบนภูเขาที่เชี่ยวชาญการเล่นหมากล้อมอย่างพวกเจ้าแล้วยังด้อยกว่าไม่น้อย”
เกาเจิ่นยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาจงใจแพ้ให้ฝ่าบาทก็เป็นได้”
เห็นได้ชัดว่าอยู่กับฮ่องเต้ เกาเจิ่นไม่ได้ยึดหลักข้อห้ามระหว่างจักรพรรดิและขุนนางอะไร และยิ่งไม่เอ่ยถ้อยคำตามมารยาททำนองว่า ‘ข้าคือบุคคลอันดับหนึ่งด้านการเล่นหมากล้อมบนภูเขาของหนึ่งแคว้น ฝ่าบาทคือผู้ไร้ศัตรูเทียมทานด้านการเล่นหมากล้อมของล่างภูเขาในหนึ่งแคว้น’
หวงชงยิ้มพลางพยักหน้ารับ “ก็เป็นไปได้”
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเกาเจิ่นเป็นผู้ฝึกกระบี่เซียนดินขอบเขตโอสถทองแล้วจะยกตนข่มท่าน รู้สึกว่าขอบเขตของตนมากพอจะมองเหยียดจักรพรรดิล่างภูเขาได้แล้ว
บางทีเมื่อหลายสิบปีก่อน แจกันสมบัติทวีปนอกจากราชวงศ์ต้าหลีแล้ว ราชวงศ์ส่วนใหญ่อาจเป็นเช่นนี้ รอกระทั่งสกุลซ่งต้าหลีทำให้หนึ่งแคว้นกลายเป็นหนึ่งทวีป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งป้ายศิลาอยู่เหนือกลุ่มยอดเขา สถานการณ์เช่นนี้อันที่จริงได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้คนไปแล้ว เพราะถึงอย่างไรพรรคหวงเหลียงในทุกวันนี้ก็อยู่บนภูเขาโหลวซานที่เป็นภูเขาบรรพบุรุษ ห่างจากประตูศาลบรรพจารย์ไปไม่ไกลก็มีป้ายศิลาที่ว่านี้ตั้งอยู่แผ่นหนึ่ง ต่อให้ทางทิศใต้ของลำน้ำใหญ่แจกันสมบัติทวีปจะได้กอบกู้แคว้นกลับคืนมาแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้เป็นแคว้นใต้อาณัติของสกุลซ่งต้าหลีอีกต่อไป ทว่าป้ายศิลาแผ่นนี้กลับไม่มีจวนเซียนแห่งใดกล้าถอนออกไป
เคยมีข่าวลือเล็กๆ ข่าวหนึ่งบอกว่าเมื่อก่อนมีพรรคบนภูเขาอยู่หลายแห่งรู้สึกว่าแผ่นป้ายนี้ขวางหูขวางตาจึงปรึกษากับราชสำนักล่างภูเขาไว้เรียบร้อย ในเมื่อได้ฟื้นคืนชะตาแคว้นกลับมา ต้าหลีไม่ใช่แคว้นเหนือหัวอีกต่อไป ก็ย้ายออกไปเถอะ
ผลคือรอกระทั่งรายงานภูเขาสายน้ำฉบับหนึ่งแพร่จากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมาถึงแจกันสมบัติทวีป พวกเขาก็หยุดความคิดนี้กันไปอย่างสิ้นเชิง พากันอาศัยรายงานข่าวของบ้านตนป่าวประกาศแก่ทั้งทวีป แม้เนื้อหาจะไม่เหมือนกัน แต่กลับมีความหมายอย่างเดียวกัน
ไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน ใครกล้าใส่ร้ายป้ายสีก็จะต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!
ช่วยไม่ได้ ราชวงศ์ต้าหลีไม่มีซิ่วหู่แล้ว แจกันสมบัติทวีปกลับมีอิ่นกวานมาแทน
อีกทั้งสองคนนี้ยังเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องที่มาจากสำนักเดียวกันเสียด้วย
ในที่สุดหวงชงก็วางเม็ดหมาก เกาเจิ่นกวาดตามองแล้วยิ้มเอ่ย “ฝ่าบาทแพ้แล้ว”
หวงชงพยักหน้า ทำท่าจะพูดแต่ไม่พูด เพราะพอคำพูดมาหยุดรออยู่ตรงปากก็ถูกเขากลืนกลับลงท้องไปอีกครั้ง หาคำพูดอย่างใหม่มายิ้มเอ่ยสัพยอกว่า “เจ้าประมุขเกา ทุกวันนี้ในที่สุดพรรคหวงเหลียงของพวกเจ้าก็ได้ร่ำรวยอู้ฟู่แล้ว ลำพังแค่ข้า และยังมีเทพวารีน่าหลัน เหมยซานจวิน ของขวัญแสดงความยินดีของพวกเราสามคน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นเงินเข้าบัญชีที่ไม่เล็กก้อนหนึ่งกระมัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงส่วนของภูเขาเมฆาเรือง ขนาดข้าก็ยังอิจฉา อิจฉามากเลยล่ะ!”
เทพวารีหญิงแซ่น่าหลันผู้นั้นคลี่ยิ้มหวานเอ่ยว่า “ก่อนข้าจะขึ้นเขามาก็เคยโน้มน้าวฝ่าบาทว่าไม่สู้เอาของขวัญร่วมแสดงความยินดีที่ข้ากับเหมยซานจวินเตรียมมาเก็บกลับเข้าท้องพระคลังของเชื้อพระวงศ์ไปพร้อมกัน ถึงอย่างไรเจ้าประมุขเกาก็ไม่ถือสาอะไรอยู่แล้ว”
เหนียงเนียงเทพวารีท่านนี้สวมผ้าทอสีเขียวมรกต ใช้เส้นด้ายหลากสีรัดพันที่ข้อมือ ห้อยยันต์ชิ้นเล็กประดับมวยผม แค่ดูจากการแต่งกายนี้ก็รู้ได้ว่าเป็นผู้เลื่อมใสซูจื่อคนหนึ่ง (มาจากบทกวีด้ายสีรัดพันข้อมือหยกนวล ยันต์เล็กห้อยประดับมวยผมสีนิล หวังได้อยู่ร่วมกับคนงามนานพันปี)
เกาเจิ่นหัวเราะเสียงดังกังวาน “ครั้งนี้ได้กำไรมาไม่น้อยจริงๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ในที่สุดก็สามารถทำให้ภูเขาเมฆาเรืองมอบของขวัญกลับคืนได้แล้ว ไม่ง่ายเลยจริงๆ!”
คนรวยใช้ชีวิตด้วยการร่ำรวย ยิ่งใช้ชีวิตก็ยิ่งรวย คนจนใช้ชีวิตด้วยการจ่ายเงิน ยิ่งใช้ชีวิตก็ยิ่งยากจน
ไม่เลี้ยงแขกหรือ ดูแล้วไม่มีศักดิ์ศรี เลี้ยงแขกหรือ เหมือนตบหน้าตัวเองสวมรอยเป็นคนอ้วน แขกกินอาหารหมดแล้วจากไป ตัวเองกลับต้องกลับไปพร้อมความหิวโหย
บนภูเขาก็มีหลักการเดียวกัน
ในอดีตเป็นเพื่อนบ้านบนภูเขาที่อยู่ห่างกันไม่กี่ก้าวกับภูเขาเมฆาเรือง ลำบากเพียงใดมีเพียงตัวเองที่รู้ เงินใส่ซองแต่ละครั้ง จ่ายเงินไปเหมือนน้ำไหล ประเด็นสำคัญคือนั่นยังเป็นซองแดงที่ถูกกำหนดมาแล้วว่ามีแต่จะไปไม่มีได้กลับคืน
พูดถึงแค่ไช่จินเจี่ยนแห่งยอดเขาลวี่กุ้ยผู้นั้น สร้างโอสถทอง พิธีเปิดยอดเขา จากนั้นกลายเป็นก่อกำเนิด ทางฝั่งของพรรคหวงเหลียงต้องมอบของขวัญแสดงความยินดีไปกี่ชิ้นแล้ว? และเวลามอบของขวัญให้ทีจะแร้นแค้นเกินไปก็ไม่ดีกระมัง?
นอกจากนี้ภูเขาเมฆาเรืองยังมีผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกตนคนแล้วคนเล่า คู่รักบนภูเขาแต่งงานกัน ใครบางคนเลื่อนเป็นขอบเขตถ้ำสถิต กลายเป็นเทพเซียนห้าขอบเขตกลาง เซียนซือผู้เฒ่าของศาลบรรพจารย์ภูเขาเมฆาเรืองที่สนิทสนมกับพรรคหวงเหลียงรับลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนใหม่…ย้อนกลับมามองพรรคหวงเหลียงบ้านตน ก็เพิ่งจะมีช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ที่ดวงดีขึ้นมาหน่อย ก่อนหน้านั้นต้องอยู่ในวันเวลาอันน่าอนาถที่คนใบ้กินหวงเหลียนจริงๆ
ครั้งนี้จัดงานพิธีเปิดยอดเขา ความตั้งใจแรกสุดของพรรคหวงเหลียน แน่นอนว่าต้องจัดงานใหญ่สักครั้ง ดังนั้นหวังแค่ว่าจะ…ไม่ขาดทุนก็พอ
แคว้นมากมายที่อยู่โดยรอบแคว้นเมิ่งเหลียงต่างก็รู้กันดีว่าฮ่องเต้หนุ่มผู้นี้ ปีนั้นต้องลงมาจากหลังม้าแล้วมาสวมชุดคลุมมังกร
เพราะตอนที่หวงชงยังเป็นองค์ชายคนหนึ่งก็เคยเป็นฝ่ายนำทัพไปที่สนามรบของเมืองหลวงสำรองต้าหลี ถึงขั้นที่ว่ายังเคยนอนอยู่ในกองคนตายแล้วถูกคนพลิกค้นหาตัวออกมาอย่างแท้จริง
ส่วนในสงครามครานั้น พูดถึงแค่ที่ว่าการกรมกลาโหมของแคว้นเมิ่งเหลียง นอกจากพวกคนเฒ่าคนแก่แล้ว พวกขุนนางหนุ่มทั้งหลายล้วนได้เปลี่ยนงานกันแทบทั้งหมด
ดังนั้นแคว้นเมิ่งเหลียงจึงเป็นแคว้นแรกสุดในแจกันสมบัติทวีปที่ได้กอบกู้แคว้นและได้ปลดแอกสถานะแคว้นใต้อาณัติหลังจากสงครามใหญ่ปิดฉากลง ถึงขั้นที่ว่ายังมีคนสัญชาติแคว้นเมิ่งเหลียงจำนวนไม่น้อยที่ทุกวันนี้ก็ยังทำหน้าที่อยู่ในที่ว่าการหกกรมและที่ว่าการเก้ามนตรีเล็กของเมืองหลวงสำรองต้าหลี
เห็นว่าเกาเจิ่นไม่รับคำ หวงชงก็หัวเราะเย้ยหยันตัวเอง ทว่าบนใบหน้าและในใจกลับไร้ความไม่สบอารมณ์แม้เพียงนิด ทุกบ้านล้วนมีคัมภีร์ที่อ่านยาก อย่าได้ทำให้เจ้าประมุขเกาและพรรคหวงเหลียงต้องลำบากใจเลย
กฎเกณฑ์ช่องทางบนภูเขาน้อยกว่าวงการขุนนางล่างภูเขาเสียเมื่อไหร่?
วันหน้าตนค่อยไปหาเฉินเซียนซือที่บอกว่าตัวเองมีฉายาว่า ‘เจ้าตัวขาวน้อยในคลื่นแม่น้ำอวี้เจียง ราชามังกรน้อยบนภูเขาลั่วพั่ว’ ดื่มเหล้ากับเขาสักมื้อก็แล้วกัน
แต่คาดว่าคงได้แค่ดื่มเหล้ามื้อเดียวจริงๆ
คราวก่อนหวงชงทำหน้าหนาไปเยี่ยมเยียนถึงเรือน เทพเซียนผู้เฒ่าที่เป็นเจียวน้ำก่อกำเนิดแต่มีรูปลักษณ์เป็นเด็กชายสวมชุดสีเขียวผู้นี้พูดคุยด้วยง่ายมาก เข้ากับคนก็ง่าย บนโต๊ะสุราก็ถูกใจกันเป็นพิเศษ เพียงไม่นานก็เรียกตัวเองเป็นพี่เป็นน้องกับตนแล้ว
เพียงแต่ว่าเรื่องที่จะให้มารับหน้าที่เป็นผู้ถวายงานของแคว้นเมิ่งเหลียง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีท่าทียืนกรานหนักแน่น พูดอย่างเด็ดขาดว่าไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด นายท่านของตนไม่อยู่บนภูเขา เรื่องใหญ่แบบนี้ เขาไม่อาจตัดสินใจได้เอง
แน่นอนว่าหวงชงย่อมรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็เหมือนกับการเล่นหมากล้อมกับเกาเจิ่นในศาลาเวลานี้ แตงที่ฝืนเด็ดย่อมไม่หวาน อย่าได้ทำให้คนอื่นลำบากใจจะดีกว่า
อีกทั้งเด็กชายชุดเขียวที่มีแซ่เดียวกับอิ่นกวานหนุ่ม เมื่อดื่มเหล้ากันไปแล้วก็ยังเดินมาส่งตนถึงหน้าประตู พูดจาจริงใจด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความละอายใจอย่างที่ไม่ค่อยเหมือนผู้ฝึกตนบนภูเขาว่า พี่หวง ขอโทษด้วยนะ เรื่องนี้ทำไม่ได้จริงๆ หากว่าพวกเราสองคนรู้จักกันเร็วกว่านี้ ข้าจะไม่พูดพร่ำทำเพลงสักคำ เจ้าบอกให้ข้าเป็นอะไรข้าก็จะเป็นอย่างนั้น ให้หมวกขุนนางใหญ่เท่าฟ้าไม่รังเกียจว่าใหญ่ไป ให้หมวกขุนนางเล็กเท่าเมล็ดงาก็ไม่รังเกียจว่าเล็กไป ล้วนเป็นสหายกัน ก็แค่เรื่องเล็กน้อยที่พี่หวงตัดสินใจเองได้เลย แต่ทุกวันนี้ทางฝั่งของภูเขาลั่วพั่วของพวกเราเท่ากับว่าปิดภูเขาแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่นายท่านข้าพูดเองกับปาก ท่านไม่สนิทกับภูเขาลั่วพั่วของพวกเราก็อาจจะไม่รู้ว่า อันที่จริงข้าถือว่าเป็นคนที่ขึ้นภูเขามาก่อนใคร แล้วก็เป็นข้าที่ช่วยเหลืออะไรนายท่านไม่ได้มากที่สุด หากข้ายังเพิ่มปัญหาให้นายท่าน ก่อให้เกิดเรื่องแทรกซ้อน ต่อให้ข้าตายแล้วยังต้องการศักดิ์ศรีหน้าตาก็มิอาจเงยหน้ามองคนได้แล้ว
ตอนนั้นแม้หวงชงจะประหลาดใจว่าเหตุใดผู้ฝึกตนก่อกำเนิดผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง อยู่บนภูเขาลั่วพั่วถึงได้เป็นผู้ฝึกตนที่ ‘ช่วยเหลืออะไรไม่ได้มากที่สุด’
ต่อให้จะเป็นภูเขาของอิ่นกวานหนุ่ม แต่ตามหลักแล้วก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้
เพียงแต่ตอนนั้นเห็นสีหน้าหม่นหมองของเด็กชายชุดเขียว หวงชงกลับยินดีที่จะเชื่อ
อีกทั้งสุดท้ายเด็กชายชุดเขียวก็คล้ายจะนึกเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จู่ๆ เขาก็หัวเราะ ตบอกรับรองบอกว่าคราวหน้าหากตนได้เจอกับนายท่านจะลองช่วยพูดเรื่องนี้ให้ ขอแค่นายท่านพยักหน้าตอบตกลง และพี่หวงเองก็ไม่รังเกียจ ผู้ถวายงานนี้ ข้าจะเป็นให้เอง! พี่หวงเจ้าวางใจได้เลย อยู่กับนายท่าน ข้าไม่เคยต้องการศักดิ์ศรีหน้าตามากที่สุดแล้ว ขอแค่นายท่านไม่คัดค้าน ข้ายังสามารถช่วยดึงตัวสหายรักแซ่หมี่อีกคนมาได้ อย่างน้อยที่สุดให้พวกเราเป็นเค่อชิงที่ได้รับการแขวนชื่ออยู่ในแคว้นเมิ่งเหลียงก็ไม่มีปัญหาแน่!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!