กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 942

สรุปบท บทที่ 942.2 ถ้าอย่างนั้นข้าก็ทำอย่างที่ข้าอยากทำ: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 942.2 ถ้าอย่างนั้นข้าก็ทำอย่างที่ข้าอยากทำ จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 942.2 ถ้าอย่างนั้นข้าก็ทำอย่างที่ข้าอยากทำ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ฮ่องเต้​หนุ่ม​ของ​แคว้น​เมิ่งเหลียง​ เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​แซ่สอง​พยางค์​น่า​ห​ลัน​ เหมย​ซาน​จวิน​ ยังคง​หนึ่ง​นั่ง​สอง​ยืน​ รอคอย​อยู่​ใน​ศาลา​

หวง​ชงกลับ​หวัง​ให้​พวกเขา​สอง​คน​ทำตัว​ตามสบาย​กว่า​นี้​อีก​สักหน่อย​ ทว่า​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​แห่ง​ภูเขา​สายน้ำ​ทั้งสอง​กลับ​เคารพ​กฎ​ปฏิบัติ​ระหว่าง​จักรพรรดิ​และ​ขุนนาง​อย่าง​เคร่งครัด​ อันที่จริง​ใน​วงการ​ขุนนาง​ภูเขา​สายน้ำ​ นี่​ถือ​เป็นเรื่อง​ที่​พบเห็น​ได้​ไม่บ่อย​นัก​ ซาน​จวิน​ห้า​มหา​บรรพต​ของ​หนึ่ง​แคว้น​กับ​เทพ​วารี​ตำแหน่ง​สูงอันดับ​หนึ่ง​ใน​แคว้น​ ได้​เจอ​กับ​ฮ่องเต้​ ก็​ไม่จำเป็นต้อง​ทำ​เช่นนี้​เลย​

แต่​เหมย​ซาน​จวิน​ที่​มีชาติกำเนิด​จาก​วิญญาณ​วีรบุรุษ​แม่ทัพ​บู๊​ของ​ราชวงศ์​ก่อน​ ยอมรับ​นับถือ​ใน​ตัว​ฮ่องเต้​หนุ่ม​พระองค์​นี้​จาก​ใจจริง​ เหมย​ซาน​จวิน​ไม่ยอม​นั่ง​ น่า​ห​ลัน​อวี้จือ​ที่​มีระดับ​ขั้น​บน​ทำเนียบ​หยก​ทอง​เท่ากัน​ก็ได้​แต่​ทำตาม​เท่านั้น​

จู่ๆ ก็​มีนักพรต​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​โผล่​มา น่า​ห​ลัน​อวี้จือ​ใช้นิ้ว​ทำ​มุทรา​เงียบๆ​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “ใจกล้า​ไม่น้อย​ บังอาจ​บุก​เข้ามา​ใน​ที่พัก​ส่วนตัว​โดยพลการ​”

เห็น​เพียง​ว่า​นักพรต​หนุ่ม​คน​นั้น​แสร้ง​ทำเป็น​ไขสือ​ “หา​? หรือว่า​เสี่ยว​เต้า​เดิน​มาผิดทาง​? แบบนี้​ก็ได้​หรือ​ ดูท่า​เสี่ยว​เต้า​จะมีโชควาสนา​กับ​พี่สาว​ท่าน​นี้​”

สวม​กวาน​หางปลา​ นั่น​ก็​ต้อง​เป็น​นักพรต​ที่​ได้รับ​หนังสือรับรอง​การ​ออกบวช​จาก​สำนัก​โองการ​เทพ​แล้ว​

ใน​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ ใคร​กล้า​ไม่เห็น​กฎ​ทอง​บัญญัติ​หยก​ของ​สำนัก​โองการ​เทพ​อยู่​ใน​สายตา​ กล้า​สวมรอย​เป็น​นักพรต​ของ​สำนัก​โองการ​เทพ​

เหมย​ซาน​จวิน​เหลือบมอง​นักพรต​แล้ว​ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ “ฝ่าบาท​ นักพรต​ผู้​นี้​มาจาก​สำนัก​โองการ​เทพ​จริงๆ​ เพราะ​ด้านหลัง​มีโคม​ดวง​หนึ่ง​ลอย​อยู่​ เขียน​ตัวอักษร​ที่​ทำ​ด้วย​กรรมวิธี​ลับ​ของ​อาราม​ชิวหา​ว​ คือ​คน​ที่​ได้รับ​การปกป้อง​จาก​ทาง​สำนัก​ มองดู​ภายนอก​เหมือน​จะเป็น​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​ประตู​มังกร​คน​หนึ่ง​ แต่​แท้จริง​แล้ว​กลับเป็น​เซียน​ดิน​โอสถ​ทอง​ แต่​ก็​น่าจะ​เพิ่ง​สร้าง​โอสถ​ได้​แค่​ไม่กี่​ปี​ ภาพ​บรรยากาศ​จึงไม่มั่นคง​นัก​”

น่า​ห​ลัน​อวี้จือ​ขมวดคิ้ว​ “ไอ้​หมอ​นี่​เข้ามา​ที่นี่​ได้​อย่างไร​? ทำไม​ถึงไม่มีริ้ว​ลมปราณ​กระเพื่อม​เลย​แม้แต่น้อย​?”

เหมย​ซาน​จวิน​หัวเราะ​หยัน​ “ผี​เท่านั้น​ที่​รู้​”

หวง​ชงบอกเป็นนัย​แก่​พวกเขา​ว่า​ไม่ต้อง​ตึงเครียด​ ผู้​ที่มา​เยือน​ล้วน​ถือเป็น​แขก​ พวก​ผู้ฝึก​ตน​บน​ภูเขา​ที่​ดื่ม​น้ำค้าง​กิน​แสงอรุโณทัย​มีมาด​แห่ง​เซียน​กลิ่นอาย​แห่ง​มรรคา​ คือ​คน​ส่วนใหญ่​ แต่​พวก​ที่​นิสัย​ประหลาด​ วิชา​คาถา​แปลก​ไม่เหมือน​ใคร​ ชอบ​ออกมา​เที่ยวเล่น​ใน​โลก​มนุษย์​ก็​มีจำนวน​ไม่น้อย​เหมือนกัน​

“ใน​เมื่อ​มาผิดที่​ ผิน​เต้า​ก็​จะแก้ไข​ความผิด​แล้วกัน​”

นักพรต​หนุ่ม​วิ่งเหยาะๆ​ ขึ้น​บันได​มา พอ​หยุด​ยืน​นิ่ง​ก็​เอา​สอง​มือ​ไพล่หลัง​ ก้มหน้า​ลง​มอง​สถานการณ์​หมากล้อม​ที่​ผล​แพ้ชนะ​ชัดเจน​ พยักหน้า​เอ่ย​ว่า​ “ฝั่งที่​ถือ​หมาก​สีขาว​คือ​ยอด​ฝีมือ​ขั้นสูง​สุดคน​หนึ่ง​”

เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​ยื่น​นิ้ว​มาดัน​หว่าง​คิ้ว​ เจ้าหมอ​นี่​มรรค​กถา​สูงหรือไม่​บอก​ได้​ยาก​ แต่​ฝีมือ​เล่น​หมากล้อม​ต้อง​ห่วยแตก​แน่นอน​

หวง​ชงยังคง​มีสีหน้า​ผ่อนคลาย​เป็นปกติ​ ยิ้ม​ถามว่า​ “ขอ​ถามท่าน​นักพรต​ว่า​ทำไม​ถึงพูด​เช่นนี้​? ทำไม​ข้า​ถึงรู้สึก​ว่า​เม็ด​หมาก​สีดำ​ต้อง​ชนะ​ได้​แน่นอน​?”

ฝ่าย​ที่​ถือ​เม็ด​หมาก​สีขาว​ก็​คือ​ตน​

“การ​เล่น​หมากล้อม​คือ​เรื่อง​ที่​น่าเบื่อ​ที่สุด​ใน​ใต้​หล้า​ เดิมพัน​สูงอาจ​แพ้​ แต่​ฝีมือ​สูงไม่มีทาง​แพ้​อย่างไร​ล่ะ​”

นักพรต​หนุ่ม​คีบ​เม็ด​หมาก​สีขาว​มือหนึ่ง​ อีก​มือหนึ่ง​ถือ​เม็ด​หมาก​สีดำ​ ช่วย​วางหมาก​ลง​บน​กระดาน​ดัง​เพี๊ยะๆๆ​ เสียง​ใสกังวาน​ ด้าน​หนึ่ง​วาง​เม็ด​หมาก​ อีก​ด้าน​หนึ่ง​ก็​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ด้วยว่า​ “หาก​เป็น​บน​โต๊ะ​พนัน​ เว้น​เสีย​จากว่า​เจ้าใช้กลโกง​เอาเปรียบ​ หาไม่​แล้ว​ต่อให้​เจ้าเป็นยอด​ฝีมือ​ล้ำเลิศ​แค่​ไหน​ แต่​โชคไม่ดี​ ต่อให้​เจอ​กับ​เด็กน้อย​อ่อนหัด​ที่​เพิ่ง​ลงสนาม​ อีก​ฝ่าย​โชคดี​ ยกตัวอย่างเช่น​โยน​ลูกเต๋า​ได้​หก​หก​หก​ทุกครั้ง​ ยอด​ฝีมือ​ก็​ยังมี​ช่วงเวลา​ที่​แพ้​ได้​อยู่ดี​ แต่​วิถี​แห่ง​หมากล้อม​ บางครั้ง​ยอด​ฝีมือ​ก็​พลาด​ปล่อย​ให้​เกิด​ช่องโหว่​ วางหมาก​โง่ๆ ฝีมือ​ย่ำแย่​ ล้วน​เป็น​เพราะ​ทักษะ​การ​เล่น​หมากล้อม​ยัง​ไม่ชำนาญ​เข้า​ขั้นสูงสุด​ ทว่า​ต่อให้​เป็น​เช่นนี้​ เมื่อ​เจอ​กับ​ยอด​ฝีมือ​ตัวฉกาจ​ ฝีมือ​แย่​กว่า​อยู่​บ้าง​ แต่​ที่​พลาด​ไป​ก็​แค่​หมากเม็ด​ครึ่ง​เม็ด​ ไม่มีทาง​ที่​บน​กระดาน​หมาก​ หมาก​ดำ​จะตาย​สิ้น​ หมาก​ขาว​จะรอด​ได้​ทั้งหมด​”

“ส่วน​ยอด​ฝีมือ​ด้าน​การ​เล่น​หมากล้อม​ที่​แท้จริง​พวก​นั้น​ เผชิญหน้า​กับ​คน​ที่​ฝีมือ​อ่อนด้อย​กลับ​ไม่มีเหตุผล​ที่จะ​ต้อง​พ่ายแพ้​ ยกตัวอย่างเช่น​ซิ่ว​หู่​ชุย​ฉาน​ หรือ​อย่างเช่น​เจิ้งจวี​จง หรือ​อย่างเช่น​…”

นักพรต​หนุ่ม​ยืด​เอว​ตรง​ กระตุก​คอเสื้อ​ชุด​คลุม​เต๋า​ “ผิน​เต้า​เอง​…”

หยุดชะงัก​ไป​เล็กน้อย​ก็​เอ่ย​ต่อ​อี​กว่า​ “ที่​มีศิษย์​พี่​อยู่​คน​หนึ่ง​”

เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​หลุด​หัวเราะ​พรืด​ “ชื่อ​ของ​ราชครู​ชุย​ เจ้าก็​เรียก​ได้​ตามใจชอบ​หรือ​?”

นักพรต​หนุ่ม​ส่าย​หน้ายิ้ม​กล่าว​ “ชื่อ​ไม่เอา​มาเรียก​ แล้ว​ยัง​เอาไว้​ทำ​อะไร​ได้​อีก​”

“เอ๊ะ​ แนวโน้ม​บน​กระดาน​หมาก​นี้​ ทำไม​ถึงไม่ค่อย​เหมือน​ที่​ผิน​เต้า​คาดการณ์​ไว้​เลย​ล่ะ​”

ผล​คือ​คน​สามคนใน​ศาลา​เห็น​เจ้าหมอ​นั่น​ยื่นมือ​มากวาด​เม็ด​หมาก​บน​กระดาน​จน​เละเทะ​ไป​หมด​

“ผิน​เต้า​ขอ​เอา​คำพูด​ทั้งหมด​ก่อนหน้านี้​กลับคืน​มา ฮ่าๆ เอา​กลับคืน​มา”

หวง​ชงอดไม่ไหว​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​ “ท่าน​นักพรต​ช่างเป็น​คน​มหัศจรรย์​เสีย​จริง​ ไม่ทราบ​ว่า​ท่าน​มีนาม​ว่า​อะไร​?”

“ลู่​ฝูแห่ง​อาราม​ชิวหา​ว​สำนัก​โองการ​เทพ​ ตอนนี้​ยัง​ไม่มีฉายา​ ฉีเทียน​จวิน​ยัง​เคย​ได้​เห็น​หน้า​ของ​ผิน​เต้า​แค่​ไม่กี่​ครั้ง​เอง​”

น่า​ห​ลัน​อวี้จือ​ปิดปาก​หัวเราะ​คิก​ “มีเหตุผล​ ท่าน​นักพรต​ลู่​ได้​พบ​ฉีเทียน​จวิน​แค่​ไม่กี่​ครั้ง​ แน่นอน​ว่า​ท่าน​นักพรต​ลู่​ต้อง​ได้​พบ​ฉีเทียน​จวิน​แค่​ไม่กี่​ครั้ง​จริงๆ​”

นักพรต​หนุ่ม​หัวเราะ​คิกคัก​ “พี่สาว​คน​นี้​พูดจา​น่าฟัง​จริงๆ​ น้ำเสียง​ไพเราะ​คล้าย​เสียง​ก้อน​น้ำแข็ง​กระทบ​กัน​ใน​ชามกระเบื้อง​ขาว​ที่​ใส่น้ำ​บ๊วย​เย็น​ๆ ใน​ฤดูร้อน​ ทั้ง​ยัง​เข้า​อก​เข้าใจ​คนอื่น​เป็น​อย่าง​ดี​ ช่างสมกับ​คำ​กล่าวว่า​ดอกไม้​เข้าใจ​ภาษา (เปรียบเปรย​ถึงหญิง​งามที่​เฉลียวฉลาด​เข้าใจ​ผู้อื่น​) ที่​มีเสียงทอง​ทำนอง​หยก​ ปราดเปรื่อง​เฉียบแหลม​จริงๆ​”

“เอ๊ะ​ การ​แต่งกาย​ของ​พี่​หญิง​เหมือนกับ​ผิน​เต้า​อย่าง​ไม่มีผิดเพี้ยน​เลย​ หรือ​จะเป็น​ผู้​ที่​เลื่อมใส​ซูจื่อ”​

“บังเอิญ​ยิ่งนัก​ ผิน​เต้า​เคย​โชคดี​ได้​เดินทาง​ท่องเที่ยว​ไป​ร่วมกับ​ซูจื่อ​อยู่​หลาย​เดือน​ ร่ำ​กวี​ขับร้อง​บทเพลง​ ถก​มรรคา​พูดถึง​ญาณ เบิกบาน​สำราญใจ​อย่าง​มาก​”

หวง​ชงกระแอม​อยู่​หลาย​ที​ ไม่รู้​จะเกลี้ยกล่อม​ไม่ให้​นักพรต​ลู่​ผู้​นี้​พูดจา​สนิทสนม​เกินไป​ได้​อย่างไร​

น่า​ห​ลัน​อวี้จือ​เอ่ย​สัพยอก​ “โอ้โห​ นี่​จะถือว่า​หมา​เลิก​ผ้าม่าน​ต้อง​อาศัย​ปาก​ของ​ตัวเอง​หรือไม่​?” (เปรียบเปรย​ถึงคน​ที่​ดีแต่​ปาก​ ไร้ความสามารถ​ที่​แท้จริง​)

นักพรต​หนุ่ม​ไม่โมโห​แม้แต่น้อย​ กลับกัน​ยัง​เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​อย่าง​ไม่มีต้นสายปลายเหตุ​ “หาก​รู้​ว่า​จะเป็น​อย่างนี้​ตั้งแต่แรก​ข้า​ก็​คง​ให้​ผู้อาวุโส​คน​หนึ่ง​ตามมา​ที่นี่​ด้วย​แล้ว​ นั่น​จึงจะเหมาะกับ​สถานการณ์​”

สีหน้า​ของ​เหมย​ซาน​จวิน​ขึง​เกร็ง​ ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ว่า​ “ฝ่าบาท​ ข้า​ทนไม่ไหว​แล้ว​ สามารถ​ไล่​แขก​ ขับไล่​ไอ้​หมอ​นี่​ออก​ไป​ได้​หรือไม่​?”

“อย่า​นะ​ บรรพบุรุษ​บุกเบิก​ภูเขา​แห่ง​การออกคำสั่ง​ไล่​แขก​ของ​โลก​มนุษย์​ ผิน​เต้า​ก็​พอ​จะคุ้นเคย​อยู่​บ้าง​…”

ใน​ใจเหมย​ซาน​จวิน​สั่นสะเทือน​ นักพรต​ผู้​นี้​ถึงกับ​ลอบฟัง​เสียง​ใน​ใจของ​ตน​ได้​?

ไม่รอ​ให้​เหมย​ซาน​จวิน​เอ่ย​เตือน​ฮ่องเต้​และ​น่า​ห​ลัน​อวี้จือ​ เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​ก็​หันหน้า​ไป​มอง​ทาง​ประตู​ ใช้เสียง​ใน​ใจเตือน​ฮ่องเต้​หนุ่ม​ว่า​ “ฝ่าบาท​ มีคน​มาเยี่ยมเยือน​ คือ​…เจ้าขุนเขา​เฉิน​แห่ง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ผู้​นั้น​!”

นักพรต​หนุ่ม​ทำท่า​ลับๆ ล่อๆ​ ดูท่า​แล้ว​น่าจะ​เตรียม​เผ่นหนี​

แต่กลับ​ถูก​น่า​ห​ลัน​อวี้จือ​คว้า​แขน​เอาไว้​ “นักพรต​ลู่​ จะไป​ไหนล่ะ​? ตาม​คำกล่าว​ของ​เจ้า เดินผ่าน​ทาง​มาแล้วก็​อย่า​ได้​เดิน​คลาดไป​เลย​”

นักพรต​หนุ่ม​สะบัด​ข้อมือ​ แต่​ดูเหมือน​จะสลัด​ไม่หลุด​ จึงตบหลัง​มือ​ของ​เหนียง​เนียง​เทพ​วารี​เบา​ๆ พูด​ด้วย​สีหน้า​จริงใจ​ว่า​ “มาจาก​ที่ไหน​ก็​จะกลับ​ไป​ที่นั่น​ ภูเขา​สูงสายน้ำ​ไหล​ยาว​ วันหน้า​ค่อย​พบกัน​ใหม่​”

เหมย​ซาน​จวิน​ไม่ใช้เสียง​ใน​ใจพูดคุย​อีกต่อไป​ แต่​พูด​ออกมา​ตรงๆ​ ว่า​ “นักพรต​ลู่​คือ​ยอด​ฝีมือ​ผู้​บรรลุ​มรรคา​ ใน​เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​ใน​ใจของ​ข้า​ผู้​แซ่เหมย​แล้ว​ ไม่ว่า​อย่างไร​ก็​น่าจะเป็น​เทพ​เซียน​ก่อกำเนิด​คน​หนึ่ง​กระมัง​?”

สนามรบ​แห่ง​นั้น​มีหรือไม่​มีข้า​หวง​ชง ไม่มีประโยชน์​สัก​เท่าไร​จริงๆ​ จะมีหรือไม่​มีเขา​ก็ได้​

เพียงแต่​ทหาร​กล้า​ของ​แคว้น​เมิ่งเหลียง​ที่​กระโจน​เข้าหา​ความตาย​อย่าง​เด็ดเดี่ยว​กล้าหาญ​มากมาย​ขนาด​นั้น​ ตาย​เปล่า​? ไม่มีทาง​! แต่​หาก​จะพูดว่า​ได้​สร้าง​คุณูปการ​คุณ​ความชอบ​อะไร​ไว้​อย่าง​จริงจัง​ก็​ยังอยู่​ไกล​เกิน​กว่า​คำ​ว่า​พอ​มาก​นัก​

ไม่ว่า​จะเป็น​ใครก็ตาม​ที่​พา​ตัว​ลง​สู่สนามรบ​ ขอ​แค่​เป็น​คน​ที่​เคย​ผ่าน​สงคราม​อัน​เลวร้าย​ครั้งนั้น​กับ​ตัวเอง​มาก่อน​ก็​ล้วน​จำต้อง​ยอมรับ​เรื่อง​หนึ่ง​ ทหาร​สวม​เสื้อเกราะ​ของ​ราชวงศ์​ล่าง​ภูเขา​ เผชิญหน้า​กับ​ผู้ฝึก​ตน​บน​ภูเขา​พวก​นั้น​แล้ว​ เมื่อ​เจอ​กับ​เวท​คาถา​ตระกูล​เซียน​ที่​เอะอะ​ก็​สะท้าน​ฟ้าสะเทือน​ดิน​ ย้าย​ภูเขา​คว่ำ​มหาสมุทร​ ล้วน​เกิด​ความสิ้นหวัง​…เป็นเหตุให้​หลาย​ปี​ผ่าน​ไป​แล้ว​ ฮ่องเต้​หนุ่ม​ก็​ยัง​มักจะ​สะดุ้งตื่น​จาก​ฝัน​ด้วย​เนื้อตัว​ที่​ชุ่มโชก​ไป​ด้วย​เหงื่อ​อยู่​เสมอ​ จากนั้น​ก็​ยาก​จะข่มตา​หลับ​ได้​อีก​ ข้าง​หู​คล้าย​ยัง​มีเสียง​อาวุธ​ปะทะ​ปน​กับ​เสียง​กีบ​เท้า​ม้าดัง​แว่ว​ไม่ห่าง​

ดูเหมือน​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​จะมอง​ทะลุ​ไป​เห็น​ปม​ใน​ใจของ​ฮ่องเต้​หนุ่ม​ จึงส่ายหน้า​เอ่ย​ว่า​ “คิด​จะเอา​ชนะสงคราม​ใน​ปี​นั้น​ มีเพียง​ทั้ง​บน​และ​ล่าง​ภูเขา​ต่าง​ก็​ไม่กลัว​ตาย​ หาก​ล่าง​ภูเขา​ไม่กล้า​ตาย​ ต่อให้​ผู้ฝึก​ตน​บน​ภูเขา​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​มีจำนวน​เพิ่มมากขึ้น​อีก​หลาย​เท่าตัว​ สุดท้าย​อย่า​ว่าแต่​พิทักษ์​เส้น​แนวรบ​ของ​ลำน้ำ​ใหญ่​ภาค​กลาง​เอาไว้​ได้​เลย​ มีแต่​จะกลาย​ไป​เป็น​ใบ​ถงทวีป​แห่ง​ที่สอง​ ถูก​เผ่า​ปีศาจ​แห่ง​เปลี่ยว​ร้าง​บดขยี้​ผ่าน​ไป​ ทำสงคราม​ยาว​ไป​จนถึง​อุตรกุรุทวีป​ ใช่ว่า​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ขาด​แคว้น​เมิ่งเหลียง​ไป​แห่ง​หนึ่ง​ก็​จะไม่ทำสงคราม​แล้ว​ แต่​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ไม่มีแคว้น​เมิ่งเหลียง​ก็​จะแพ้​อย่าง​ไม่มีอะไร​ให้​ต้อง​ลุ้น​ ไม่แน่​ว่า​ใต้​หล้า​ไพศาล​ใน​ทุกวันนี้​อาจ​เหลือ​แค่​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​แห่ง​เดียว​ก็​เป็นได้​”

เหมย​ซาน​จวิน​ดวงตา​เป็นประกาย​วิบวับ​ อดไม่ไหว​เอ่ย​ว่า​ “พูด​ได้ดี​!”

น่า​ห​ลัน​อวี้จือ​ก็​พยักหน้า​เบา​ๆ

นักพรต​เนิ่น​กลับ​ไป​แล้ว​ ร่าง​จริง​ของ​ลู่​เฉิน​ในเวลานี้​เก็บ​จิต​หยาง​กลับมา​ นอนลง​บน​เก้าอี้ยาว​ ยก​ขา​ไขว่ห้าง​แกว่ง​เบา​ๆ

ศาลา​มีกรอบ​ป้าย​คำ​ว่า​ ‘เชีย​น​ชิว’​ อีก​ทั้ง​จุด​ที่​แปลกประหลาด​ที่สุด​ก็​คือ​กรอบ​ป้าย​และ​กลอน​คู่​ของ​ที่​แห่ง​อื่น​ใน​ใต้​หล้า​ ล้วน​เป็น​ตัวอักษร​ของ​ฝ่าย​หลัง​ที่​มักจะ​มากกว่า​ฝ่าย​แรก​ แต่​ศาลา​ของ​ภูเขา​โหล​ว​ซาน​แห่ง​นี้​กลับ​ใช้วิธีการ​ที่​ตรงกันข้าม​ กลอน​คู่​หนึ่ง​บท​มีตัวอักษร​แค่​สอง​คำ​เท่านั้น​

ฝั่งหนึ่ง​คือ​คำ​ว่า​ ‘ฝัน​’ อีก​ฝั่งหนึ่ง​คือ​คำ​ว่า​ ‘ตื่น​’

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “การเปลี่ยนแปลง​ที่​ซ้ำไปซ้ำมา​คือ​กฎ​แห่ง​มรรคา​ เมื่อ​การเปลี่ยนแปลง​ถึงขีด​สูงสุด​จะย้อนกลับ​ไป​ในทางตรงกันข้าม​”

คน​บน​โลก​ล้วน​ยอมรับ​ว่า​เรื่อง​ของ​การ​ฝึก​ตน​คือ​การกระทำ​ที่​ขัดต่อ​กฎ​ของ​สวรรค์​ ไม่ว่า​ใคร​ก็​ยอมรับ​ ไม่ว่า​ใคร​ก็​ไม่ยินดี​จะพูด​ให้​มากความ​

เจิน​เห​ริน​มักจะ​อยู่​ประจำ​บน​พื้นดิน​ เซียน​ซือ​ย้าย​ภูเขา​คว่ำ​มหาสมุทร​ เอื้อม​ตะวัน​ดึง​จันทรา​ เป็น​อมตะ​ไม่เสื่อมสลาย​ มีชีวิต​อยู่​เคียงคู่​กับ​ฟ้าดิน​

ก็​ไม่ใช่ ‘การทำผิด​มหันต์​’ ที่​ใหญ่​ที่สุด​แห่ง​ฟ้าดิน​หรือ​? ผล​คือ​คน​กลุ่ม​นี้​กลับกลาย​มาเป็น​คนเหนือ​คน​ นี่​ถือเป็น​เรื่องตลก​ใหญ่​เทียมฟ้า​หรือไม่​?

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​ขอตัว​ลา​กับ​ฮ่องเต้​หนุ่ม​แล้ว​มาที่นี่​ เดิน​เข้ามา​ใน​ศาลา​ ไม่ได้​ถอด​รองเท้า​ผ้า​คู่​นั้น​ออก​ เพียง​ยก​เท้า​นั่งขัดสมาธิ​บน​เก้าอี้ยาว​ หยิบ​กระบอก​ยาสูบ​ออกมา​ ถุงยาสูบ​ผูก​ไว้​บน​กระบอกไม้ไผ่​ ขยี้​ยาเส้น​ที่​ผสม​สมุนไพร​ป่า​และ​ดอก​กุ้ยฮ​วา​ ตรงตัว​กระบอก​ยาสูบ​ใช้เชือก​สีแดง​ห้อย​แผ่น​หยก​ไม่มีตัวอักษร​ขนาดเล็ก​ไว้​แผ่น​หนึ่ง​

“เจ้าลอง​ว่า​มาสิว่า​โจว​มี่ผู้​นั้น​คิด​อย่างไร​กัน​แน่​?”

ลู่​เฉิน​ห่อไหล่​ สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ เอนหลัง​พิง​เสาศาลา​ กึ่ง​นั่ง​กึ่ง​นอน​อยู่​บน​เก้าอี้ยาว​ เงยหน้า​มอง​ม่าน​ฟ้า “เขา​น่ะ​หรือ​”

“เจี่ย​เซิงแห่ง​ไพศาล​ ชื่อ​เดิม​คือ​เจี่ย​โม่ พูด​ไม่เก่ง​ก็​คือ​คำ​ว่า​เฉิน​โม่ไงล่ะ​ เป็น​ผู้​มีพรสวรรค์​ที่​เข้าใจ​หลักเกณฑ์​แห่ง​ฟ้าดิน​ดีเยี่ยม​ รอ​กระทั่ง​กลายเป็น​จิ้งจอก​เฒ่าเหนือ​เมฆของ​เปลี่ยว​ร้าง​ก็​ถูก​ขนานนาม​ว่า​มหาสมุทร​ความรู้​แห่ง​ใต้​หล้า​ ทำ​อะไร​ก็​รอบคอบ​ (โจว​มี่) มาก​จริงๆ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ต้อง​ให้​เจ้าพูด​เรื่อง​ปฏิทิน​เหลือง​เก่าแก่​พวก​นี้​ด้วย​หรือ​?”

ลู่​เฉิน​เอ่ย​ “เพราะ​ผิน​เต้า​ไม่เคย​พูดคุย​กับ​เขา​มาก่อน​ จึงได้​แต่​เอ่ย​การ​คาดเดา​พวก​นี้​ คง​เป็น​เพราะ​เขา​คิด​ว่า​ รอ​ให้​มี ‘พวกเรา​’ แล้ว​ ถึงจะมีการ​แบ่งแยก​ระหว่าง​ความดี​เลว​และ​ผิด​ถูก​”

“กับ​คน​ประเภท​นี้​ไม่มีหลักการ​เหตุผล​อะไร​ให้​พูดถึง​ พูด​ให้​น่าฟัง​หน่อย​ เมื่อ​สอง​ฝ่าย​ทะเลาะ​กัน​ขึ้น​มาก็​เหมือน​ไก่​กับ​เป็ด​คุย​กัน​ หรือ​ควรจะ​บอ​กว่า​อาม่า​บอ​กว่า​ตัวเอง​มีเหตุผล​ อา​กง​ก็​บอ​กว่า​ตัวเอง​มีเหตุผล​ เถียง​กัน​ไป​กัน​มา ต่าง​คน​ต่าง​ยึดมั่น​ใน​ความคิด​ของ​ตัวเอง​ ไม่ว่า​ใคร​ก็​โน้มน้าว​ใคร​ไม่ได้​ นี่​ก็​น่าจะ​เรียก​ว่า​มหา​มรรคา​มีความต่าง​กระมัง​ หรือ​พูด​ให้​ไม่น่าฟัง​หน่อย​ อีก​ฝ่าย​ก็​แค่​มีวิถีทาง​ที่​ผ่าน​การพิสูจน์​ด้วยตัวเอง​มาแล้ว​ ทั้ง​สามารถ​พูด​กลบเกลื่อน​ให้​ตัวเอง​ แล้ว​ยัง​สามารถ​กระทำ​การตาม​วิถี​ของ​ตัวเอง​ ส่วน​เส้นทาง​ใต้ฝ่าเท้า​ของ​โจว​มี่เส้น​นี้​จะเรียก​ว่า​เป็น​มหา​มรรคา​ได้​หรือไม่​ ตอนนี้​มาลอง​มองดู​แล้ว​ ก็​ยัง​มอง​ไม่ออก​ ต้อง​ให้​คนรุ่นหลัง​หัน​กลับมา​มอง​ถึงจะได้​ ทุกวันนี้​ไม่ว่า​จะเป็น​ใคร​ แน่นอน​ว่า​อาจารย์​ของ​ผิน​เต้า​คือ​ข้อยกเว้น​ ส่วน​พวกเรา​ที่​เหลือ​ ไม่ว่า​จะอนุมาน​อย่าง​ตั้งใจ​แค่​ไหน​ การเปลี่ยนแปลง​บน​มหา​มรรคา​ก็​อาจ​ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​จะเป็น​เส้นทาง​อย่าง​ที่​โจว​มี่คิด​ไว้​ และ​สถานการณ์​ในเวลานี้​ ใคร​ก็​ไม่อยาก​เป็น​ลูกค้า​ที่​ย้อน​กลับมา​ใช้บริการ​ ไม่อยาก​ให้​ในอนาคต​ตัวเอง​ต้อง​ ‘ย้อน​กลับมา​มองดู​’ ดังนั้น​การประชุม​ริม​ลำคลอง​ก่อนหน้านี้​ แม้แต่​สตรี​ที่​ดุร้าย​อย่าง​ถึงที่สุด​อย่าง​อู๋​โจว​ นาง​ที่​พอ​เลื่อน​สู่ขอบเขต​สิบ​สี่แล้ว​ไม่ว่า​อะไร​ก็​หล่อหลอม​ได้​ กลับ​กลายเป็น​ผู้ฝึก​ตน​คน​แรก​ที่​เสนอ​ให้​จัดการ​กับ​โจว​มี่ แน่นอน​ว่า​ไม่ใช่เพราะ​นาง​มีความแค้น​กับ​โจว​มี่ ก็​แค่​รู้​ว่า​อนาคต​ของ​โจว​มี่ต้อง​ไม่ใช่อนาคต​ที่​นาง​อู๋​โจว​ต้องการ​แน่นอน​”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!