กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 942

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “อู๋​โจว​ผู้​นี้​ ข้า​จะไม่เป็น​ฝ่าย​ไป​หาเรื่อง​นาง​ก่อน​เด็ดขาด​”

ความนัย​ใน​ความหมาย​นี้​ก็​คือ​ เจ้าอู๋​โจว​เอง​ก็​อย่า​มาหาเรื่อง​ข้า​ สอง​ฝ่าย​เป็นน้ำ​บ่อ​ที่​ไม่ยุ่ง​กับ​น้ำ​คลอง​

ลู่​เฉิน​ลังเล​เล็กน้อย​ ครั้น​จึงยก​มือขึ้น​ สะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​ม้วน​ตวัด​แรง​ๆ หนึ่ง​ที​ บรรยากาศ​ขมุกขมัว​ แต่กลับ​พอ​จะมองเห็น​เงาร่าง​ของ​นักพรต​สอง​คน​ที่นั่ง​ถก​มรรคา​กัน​ได้​

นักพรต​คน​หนึ่ง​มีรูปโฉม​เป็น​วัยกลางคน​ บน​ศีรษะ​สวม​กวาน​พุดตาน​ บุคลิกลักษณะ​อบอุ่น​อ่อนโยน​ อีก​คน​หนึ่ง​เป็น​นักพรต​หนุ่ม​ สวม​กวาน​ดอกบัว​บน​ศีรษะ​ หล่อเหลา​สง่างาม

ก่อนที่​ศิษย์​พี่​จะออก​ไป​จาก​ป๋า​ยอ​วี้​จิงเคย​ทำ​การอนุมาน​มหา​มรรคา​ซึ่งต้อง​สิ้นเปลือง​ความคิด​จิตใจ​อย่าง​มหาศาล​ต่อหน้า​ลู่​เฉิน​ไป​ครั้งหนึ่ง​ สุดท้าย​ก็ได้​ผลลัพธ์​ออกมา​สามชนิด​

ชนิด​แรก​คือ​ทุกคน​ล้วน​สามารถ​ฝึก​ตน​ ล้วน​เป็น​ผู้​ที่​ฝึก​บำเพ็ญตน​ สิ่งมีชีวิต​ที่​มีสติปัญญา​ทั้งหลาย​ซึ่งมีหวัง​ว่า​สติปัญญา​จะเปิด​ออก​แล้ว​ได้​หลอม​เรือน​กาย​ก็​สามารถ​ฝึก​ตน​อย่าง​สงบ​มั่นคง​เช่นกัน​ เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​จะมีการบุกเบิก​โฉมหน้าใหม่​หรือไม่​ ทั่ว​ทั้ง​ฟ้าดิน​จะมีระเบียบ​มีขั้นตอน​หรือไม่​? ถึงขั้น​ที่ว่า​ผู้ฝึก​ตน​มากมาย​หลาย​เผ่า​พันธ์​ของ​โลก​มนุษย์​ไม่ต้อง​ถกเถียง​กัน​ใน​เรื่อง​เล็กๆ น้อยๆ​ อีก​ ไม่ต้อง​มีชีวิต​อยู่​ใน​ช่วงเวลา​เพียง​ชั่ว​ประกายไฟ​แลบ​ แต่​สามารถ​รวบรวม​แม่น้ำ​ยาว​ที่​พร่างพราว​เส้น​แล้ว​เส้น​เล่า​ จับมือ​กัน​เดินทางไกล​ออก​ไปนอก​ฟ้าได้​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ ออก​ไป​บุก​ที่ดิน​แห่ง​ใหม่​ ต่าง​คน​ต่าง​ใช้ดวงดาว​ดวง​หนึ่ง​เป็น​ลาน​ประกอบ​พิธีกรรม​ ต่าง​คน​ต่าง​แตก​กิ่งก้านสาขา​…

ชนิด​ที่สอง​ ปราณ​วิญญาณ​ฟ้าดิน​ไป​รวมตัวกัน​อยู่​ใน​ที่ใด​ที่หนึ่ง​ทั้งหมด​ ราวกับว่า​โลก​มนุษย์​เข้าสู่​ช่วง​ยุค​เสื่อม​ที่​มิอาจ​ฝึก​ตน​ได้​ก่อนกำหนด​ ตก​อยู่​ใน​สภาพการณ์​เหมือน​สตรี​ที่​มีฝีมือ​แต่​ไม่มีวัตถุดิบ​ให้​ปรุงอาหาร​ เป็นเหตุให้​สรรพ​ชีวิต​ใน​โลก​มนุษย์​ นอกจาก​คน​ที่​ ‘ลอย​ห้อย​ฟ้า’ ไม่กี่​คน​ซึ่งมีน้อย​จน​นับ​นิ้ว​ได้​แล้ว​ ทุกคน​ล้วน​มิอาจ​ฝึก​ตน​ได้​เหมือนกัน​หมด​โดย​ไม่มีข้อยกเว้น​ และ​ใน​บรรดา​คน​เหล่านี้​ก็​มิอาจ​เข้าไป​ยุ่ง​เกี่ยวกับ​การ​โคจร​ของ​ฟ้าดิน​ อย่าง​มาก​สุด​ก็​แค่​ถูก​จำกัด​อยู่​ใน​ ‘พื้นที่​คับแคบ​ห่างไกล​’ แห่ง​หนึ่ง​ ซ่อนตัว​อยู่​ใน​ฟ้าดิน​กว้างใหญ่​ไม่ออก​ไป​ไหน​ ใช้ชีวิต​อย่าง​อิสระ​เสรี​ใน​ฟ้าดิน​เล็ก​ นอกจากนี้​ก็​จำเป็นต้อง​ทำตาม​ข้อตกลง​ลับ​ๆ บางอย่าง​ จะลงมือ​เปลี่ยนแปลง​วิถี​แห่ง​ฟ้าดิน​ได้​ก็ต่อเมื่อ​เจอ​กับ​หายนะ​ใหญ่​บางอย่าง​เท่านั้น​

ชนิด​ที่สาม​ก็​คือ​จมสู่สภาวะ​หุน​ตุ้น​ (กลุ่ม​ธาตุ​อากาศ​ที่​สลัว​ปะปนกัน​ เชื่อ​ว่า​ก่อน​โลก​จะถือกำเนิด​ จักรวาล​อยู่​ใน​สภาวะ​หุน​ตุ้น​ที่​มีแต่​กลุ่ม​ธาตุ​อากาศ​) อย่าง​สิ้นเชิง​ ความ​ไร้​ระเบียบ​ก็​คือ​ระเบียบ​เพียง​หนึ่งเดียว​

ในความเป็นจริง​แล้ว​ยังมี​ผลลัพธ์​อย่าง​ที่สี่​ด้วย​

แต่​ตอนนั้น​ศิษย์​พี่ใหญ่​ไม่ได้​ให้​ลู่​เฉิน​พิศ​มรรคา​ เพราะ​มรรคา​มิอาจ​เอื้อนเอ่ย​เป็น​คำพูด​

ลู่​เฉิน​กลับ​เดา​ออก​แล้ว​

คือ​ ‘ฟ้าดิน​เป็นหนึ่ง​’

หรือ​ก็​คือ​เรื่อง​ที่​เจี่ย​เซิงแห่ง​ไพศาล​ใน​อดีต​ โจว​มี่แห่ง​เปลี่ยว​ร้าง​ใน​ภายหลัง​คิด​จะทำ​

ลู่​เฉิน​สะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​อีกครั้ง​ สลาย​ภาพ​บรรยากาศ​นั้น​ทิ้ง​ไป​ ยื่น​ฝ่ามือ​ที่​ขาวนวล​ราว​หยก​ออกมา​ แต่กลับ​ใช้หลัง​มือ​หัน​ขึ้น​ด้านบน​ ฝ่ามือ​หัน​ลง​เบื้องล่าง​ “หาก​เปลี่ยน​ข้า​มาเป็น​โจว​มี่ อันดับ​แรก​ กลาย​เป็นหนึ่ง​ หลอม​ใหญ่​ให้​หนึ่ง​”

พลิก​หมุน​ฝ่ามือ​ ลู่​เฉิน​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “อันดับ​รอง​ลงมา​ เรือน​กาย​จำแลง​ได้​นับ​พัน​นับ​หมื่น​”

“หลังจากนั้น​ก็​คือ​การ​ฝึก​บำเพ็ญตน​ พิสูจน์​มรรคา​ บรรลุ​มรรคา​ สลาย​มรรคา​ แล้วก็​ไม่จำเป็นต้อง​กังวล​กับ​ภัย​ร้าย​นี้​อีก​”

ลู่​เฉิน​เอ่ย​ต่อ​อี​กว่า​ “จากนั้น​ก็​คือ​…”

เฉิน​ผิง​อัน​พลัน​ขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ

ลู่​เฉิน​ใช้ศีรษะ​โขก​เสาศาลา​อยู่​สอง​สามที​ ยิ้ม​เอ่ย​อย่าง​รู้ทัน​ว่า​ “คำ​ว่า​ ‘จำแลง​กาย​’ นี้​ที่​ผิน​เต้า​พูดถึง​ ไม่ได้​เรียบง่าย​เพียงแค่​จำแลง​กาย​เป็น​สรรพ​ชีวิต​เท่านั้น​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “พูด​ต่อ​เลย​”

เข้าใจ​แล้ว​ ไม่เพียงแค่​ใต้​หล้า​ห้า​แห่ง​ใน​ทุกวันนี้​เท่านั้น​ แต่​เป็น​ฟ้านอก​ฟ้าที่​ป๋า​ยอ​วี้​จิงคอย​สยบ​กำราบ​และ​นรกอเวจี​ที่​ดินแดน​พุทธะ​สุขาวดี​คอย​นั่ง​บัญชา​การณ์​

และ​ยังมี​ดวงดาว​บรรพกาล​ทั้งหลาย​ ฯลฯ​ ที่​ต่าง​ก็​ต้อง​ถูก​หลอม​ใหญ่​ ก็​เหมือน​วัตถุ​แห่ง​ชะตาชีวิต​ที่​ถูก​ผู้ฝึก​ตน​หลอม​

รวบรวม​ให้​เป็นหนึ่ง​ แล้ว​กระจาย​จาก​หนึ่ง​ไป​เป็น​อีก​มากมาย​

ใน​ขอบเขต​เช่นนี้​ อะไร​คือ​หนึ่ง​กระบี่​ฟัน​เปิด​ธาร​ดวงดาว​บน​ท้องฟ้า​ อะไร​คือ​เป่า​ลม​เบา​ๆ ก็​สามารถ​เป่า​ให้​ดวงดาว​บรรพกาล​ดวง​หนึ่ง​แหลก​สลาย​หาย​ไป​ได้​ ล้วน​ไม่ถือว่า​เป็น​มรรค​กถา​อะไร​เลย​

ต่อให้​เจ้าจะเป็น​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​สิบ​สี่ หรือ​อาจจะ​ถึงขอบเขต​สิบห้า​ เผชิญหน้า​กับ​โจว​มี่ผู้​นั้น​ก็​ล้วน​เป็น​ความเลื่อนลอย​ เพราะ​เดิมที​ก็​คือ​ส่วนหนึ่ง​บน​มหา​มรรคา​ของ​เขา​อยู่แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​ขา​นั่งไขว่ห้าง​ มือถือ​กระบอก​ยาสูบ​ ใช้มัน​เคาะ​กับ​พื้น​รองเท้า​เบา​ๆ เคาะ​เอา​เศษขี้เถ้า​ทิ้ง​ไป​ ก่อน​จะยัด​ยาเส้น​ใส่เข้าไป​อีกครั้ง​แล้ว​เริ่ม​พ่น​ควัน​ข​โมงต่อ​

ลู่​เฉิน​อดไม่ไหว​เอ่ย​ทอดถอนใจ​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ว่า​ “บ้านเรือน​พันปี​เปลี่ยน​เจ้าของ​ร้อย​คน​ หนึ่ง​ปี​รื้อ​ล้าง​หนึ่ง​ปีใหม่​”

เฉิน​ผิง​อัน​บิด​หมุน​ข้อมือ​ เก็บ​กระบอก​ยาสูบ​ใส่ไว้​ใน​วัตถุ​ฟางชุ่น​ “เจ้าลัทธิ​ลู่​ คุย​กัน​เรื่อง​เลื่อนลอย​ไป​แล้ว​ พวกเรา​มาคุย​อะไร​ที่​เป็นจริงเป็นจัง​กัน​บ้าง​ดีกว่า​”

ลู่​เฉิน​พลัน​รู้สึก​หัวโต​เท่า​กระด้ง​ พอ​ได้ยิน​คำ​เรียกขาน​ด้วย​ความเคารพ​ว่า​ ‘เจ้าลัทธิ​ลู่​’ นี้​ ก็​รู้​แล้ว​ว่า​ต้อง​ไม่มีเรื่อง​อะไร​ดี​เป็นแน่​

เฉิน​ผิง​อัน​ยื่นมือ​ออกมา​ “เงิน​ฝน​ธัญพืช​หก​เหรียญ​”

ลู่​เฉิน​กล่าว​อย่าง​จนใจ​ “มาเป็น​แขก​ถึงบ้าน​มอบ​ของขวัญ​ให้​ก็​คือ​มารยาท​ที่​สมควร​มีนะ​ อีก​อย่าง​อาจารย์​หนี​กับ​สหาย​ชิงถงก็​แค่​เงิน​ฝน​ธัญพืช​สอง​เหรียญ​เท่านั้น​ สำหรับ​พวกเขา​แล้ว​ขน​หน้าแข้ง​ก็​ไม่ร่วง​หรอก​ เกี่ยวข้อง​อะไร​กับ​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​ด้วย​เล่า​”

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​ไม่พูดถึง​พวกเขา​สอง​คน​ ข้า​ยังมี​ของขวัญ​อีก​ชิ้น​เตรียม​จะมอบให้​กับ​พรรค​หวง​เหลียง​ ดังนั้น​เงิน​ฝน​ธัญพืช​สอง​เหรียญ​นั้น​ของ​ข้า​ก็​ต้อง​หัก​เป็น​เงินร้อน​น้อย​ยี่สิบ​เหรียญ​ เอา​มา”

ลู่​เฉิน​ได้ยิน​ประโยค​นี้​ก็​รู้​ถึงความนัย​ลึกซึ้ง​ที่​แฝงอยู่​ทันที​ ได้​แต่​ทำท่า​ลูบ​ๆ คลำ​ๆ หยิบ​เอา​เงินร้อน​น้อย​กอง​หนึ่ง​ออกมา​ ล้วน​เป็น​เงินร้อน​น้อย​ที่​หา​ได้​ยาก​ซึ่งเจ้าลัทธิ​ลู่​ต้อง​ไป​เก็บ​รวบรวม​มาจาก​ทาง​นั้น​ที​ทาง​นี้​ที​อย่าง​ยากลำบาก​

เฉิน​ผิง​อัน​เลือก​มายี่สิบ​เหรียญ​ เก็บ​ใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​แล้วก็​ลุกขึ้น​ยืน​ “ก่อนที่​ข้า​จะลง​จาก​ภูเขา​ ก่อนที่​เจ้าจะกลับ​ไป​ยัง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ข้า​เอง​ก็​มีม้วน​ภาพ​หนึ่ง​ที่​อยาก​ให้​นักพรต​ลู่​ซึ่งเคย​ตั้ง​แผง​ดูด​วงใน​เมือง​เล็ก​ของ​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูใน​อดีต​ได้​ดู​อี​กรอบ​”

ลู่​เฉิน​ทำ​ท่าจะ​พูด​แต่​ก็​ชะงัก​ไป​

เขา​อยาก​ถามว่า​ ใน​เมื่อ​ผิน​เต้า​เคย​ดู​แล้ว​ ไม่ขอ​ดู​อีก​ได้​หรือไม่​

เพียงแต่​ใน​ศาลา​กลับ​มีภาพ​เหตุการณ์​ผิดปกติ​เกิดขึ้น​มาแล้ว​ กลาย​มาเป็น​เหมือน​ดินแดน​ใน​ความฝัน​อีกครั้ง​

ระหว่าง​ฟ้าดิน​

กาย​ธรรม​ใหญ่​ยักษ์​ร่าง​หนึ่ง​นั่ง​ตัวตรง​อย่าง​สำรวม​อยู่​บน​ฟ้าทาง​ทิศเหนือ​สุด​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​

ทัณฑ์​สวรรค์​เยื้องกราย​มาถึง ทะเล​เมฆค่อยๆ​ ลดตัว​ลง​ต่ำ​ ขยับ​เข้าใกล้​ศีรษะ​ของ​กาย​ธรรม​ร่าง​นั้น​

ลูกศิษย์​ลัทธิ​ขงจื๊อ​เงยหน้า​ขึ้น​ ใบหน้า​ประดับ​รอยยิ้ม​

จากนั้น​ก็​มีฝ่ามือสี​ทอง​อร่าม​ข้าง​หนึ่ง​ปั่น​คว้าน​ทะเล​เมฆแห่ง​นั้น​ให้​เกิด​เป็น​รู​โหว่​ขนาดใหญ่​ยักษ์​ เซียน​เห​ริน​เรือน​กาย​ตระหง่าน​โอฬาร​ที่​ขนาด​นั่ง​อยู่​ก็​สูงเท่าเทียม​กับ​ยอด​บนสุด​ของ​ชั้น​เมฆผู้​นี้​ เรียก​ตัวเอง​ว่า​ ‘เปิ่น​จั้ว’​

กาย​ธรรม​ของ​ลูกศิษย์​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ที่​จอน​ผม​ตรง​หู​สอง​ข้าง​เป็น​สีดอกเลา​ เปลี่ยน​จาก​ฝ่ามือ​มาเป็น​หมัด​ ยื่นมือ​ไป​กุม​ไข่มุก​เม็ด​นั้น​ไว้​กลาง​มือ​หลวม​ๆ

และ​เวลานี้​เอง​ เมือง​เล็ก​ใน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จูของ​อดีต​ พริบตาเดียว​เวลากลางวัน​ก็​เหมือน​กลางคืน​

เซียน​เห​ริน​ที่นั่ง​อยู่​บน​ยอด​สูงสุด​ของ​ช่อง​โพรง​ทะเล​เมฆประหนึ่ง​นั่ง​อยู่​บน​ปาก​บ่อน้ำ​แห่ง​หนึ่ง​ คล้าย​กำลัง​หลุบ​ตา​ลง​ต่ำ​มอง​กบ​ใต้​บ่อ​ ใบหน้า​เผย​รอยยิ้ม​เย้ยหยัน​ หัวเราะ​เสียง​ดังลั่น​

คำพูด​ประโยค​หนึ่ง​ดังสนั่น​เหมือน​ฟ้าคำราม​ ‘เปิ่น​จั้ว​จะเล่น​เป็นเพื่อน​พวก​เจ้าก่อน​แล้วกัน​!’

กระบี่​บิน​สิบสอง​เล่ม​แทง​ทะลุ​ชั้น​เมฆจาก​บน​ฟ้าลง​มายัง​โลก​มนุษย์​ คน​ยักษ์​ร่าง​ทอง​เบิก​ดวงตา​สีทอง​บริสุทธิ์​คู่​หนึ่ง​ขึ้น​มา ท่วงท่า​เกียจคร้าน​ นั่งขัดสมาธิ​ สอง​หมัด​ยัน​ไว้​บน​หัวเข่า​ ยื่น​นิ้ว​ข้าง​หนึ่ง​จาก​หมัด​ขวา​ออกมา​ดีด​เบา​ๆ กระบี่​บิน​เล่ม​หนึ่ง​เหมือน​ได้รับ​คำสั่ง​จึงแทง​ทะลุ​ไป​ที่​มือ​ซึ่งกำ​เป็น​หมัด​หลวม​ๆ ของ​กาย​ธรรม​บัณฑิต​ลัทธิ​จงจื๊อ​ คน​ยักษ์​สีทอง​ที่อยู่​เหนือ​ทะเล​เมฆ มือ​ทั้งสอง​ต่าง​ก็​ยื่น​นิ้ว​ออกมา​ข้าง​หนึ่ง​ ทุกครั้งที่​ขยับ​ขึ้น​ลง​ นิ้ว​บิด​หมุน​เบา​ๆ ก็​จะมีกระบี่​บิน​วา​ดวง​โค้ง​ แขน​ทั้ง​แขน​ของ​กาย​ธรรม​ลูกศิษย์​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ถูก​กระบี่​บิน​แทง​ทะลุ​เป็น​รู​นับ​พัน​รู​

ต้องการ​จะใช้ฝน​อาคม​กระบี่​บิน​สาด​น้ำเย็น​ใส่ลม​วสันต์​

เส้นด้าย​สีทอง​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ลอด​ทะลุ​ออก​มาจาก​ชั้น​เมฆ

ปรากฏ​เป็น​เจียว​หลง​เวท​อสนี​สามสี สายฟ้า​สาด​ประกาย​พร่างพราว​ ตัด​สลับ​ถัก​ทอ​เป็น​ตาข่าย​ขนาดใหญ่​สามปาก​ ประหนึ่ง​มีด​คม​ที่​กรีด​เฉือน​ร่างกาย​ธรรม​ของ​บัณฑิต​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ไป​ทีละ​นิด​

ขณะเดียวกัน​ก็​สร้าง​ค่าย​กล​ใหญ่​แห่ง​ฟ้าดิน​ขึ้น​มาดูดดึง​เอา​ปราณ​วิญญาณ​ฟ้าดิน​ไป​อย่าง​บ้าคลั่ง​ สะบั้น​การชักนำ​บน​มหา​มรรคา​ระหว่าง​บัณฑิต​กับ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ พร้อมกัน​นั้น​ยัง​ป้องกัน​ไม่ให้​สอง​เท้า​ของ​คน​ผู้​นี้​เหยียบ​ลง​บน​พื้น​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​

ต่อให้​ลูกศิษย์​ลัทธิ​ขงจื๊อ​จะเป็น​บัณฑิต​แห่ง​ใต้​หล้า​ไพศาล​ ทว่า​สอง​คน​ที่​ลงมือ​กลับเป็น​เทียน​เซียน​จาก​ป๋า​ยอ​วี้​จิงที่​ข้าม​ใต้​หล้า​มา ฟ้าอำนวย​ดิน​อวยพร​ ล้วน​ไม่ยอม​มอบให้​ฝ่าย​แรก​!

หมัด​ของ​คน​ยักษ์​ร่าง​ทอง​ต่อย​ลงมา​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ ต่อย​ทะลุ​มือ​ที่​ยกขึ้น​มาของ​กาย​ธรรม​สีขาว​หิมะ​ไป​โดยตรง​ ฝ่ามือ​ของ​ฝ่าย​หลัง​ถูก​ต่อย​จน​เป็น​รู​ขนาดใหญ่​ ฝ่ามือ​ปริ​แตกสลาย​เป็น​ชิ้นเล็กชิ้นน้อย​ หลังจากนั้น​ช่วง​แขน​แต่ละ​ช่วง​ก็​ถูก​หมัด​พวก​นั้น​ต่อย​จน​แหลก​เละ​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!