กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 944

หลาย​ปี​มานี้​ต้อง​ร่อนเร่​พเนจร​ ถูก​คน​ดูถูกดูแคลน​ เจอ​ความยากลำบาก​มาสารพัด​อย่าง​ หาก​ประสบการณ์​ใน​ชีวิต​คน​สามารถ​เอา​บัญชี​เล่ม​เก่า​มาเปิด​ออก​ดู​ได้​ แต่ละ​หน้าที่​เขียน​เอาไว้​ก็​มีแต่​คำ​ว่า​ไม่มีเงิน​ ยากจน​จน​ไม่ได้ยิน​เสียง​เหรียญ​กระทบ​กัน​ ราคา​ขึ้น​อีกแล้ว​ อย่า​ว่าแต่​เข้า​พัก​โรงเตี๊ยม​ตระกูล​เซียน​ไม่ได้​เลย​ แม้แต่​ประตู​บาน​ใหญ่​ก็​ไม่กล้า​เดิน​เข้าไป​ ใน​ร้าน​ที่​ตั้งอยู่​ตาม​ท่าเรือ​ตระกูล​เซียน​ ได้​แต่​กล้า​มอง​ไม่กล้า​ลูบคลำ​ ดูเหมือนว่า​มักจะ​ถูก​คน​ดูแคลน​เป็นประจำ​ จะโทษ​พวกเขา​ไป​ทั้งหมด​ก็​ไม่ได้​…สรุป​ก็​คือ​ใน​สมุดบัญชี​เล่ม​นั้น​เขียน​สามคำ​ว่า​ ‘ไร้​หนทาง​’ เอาไว้​จน​เต็ม​ทุก​หน้า​

กว่า​จะมีสถานที่​ให้​พักอาศัย​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ เดิมที​นึกว่า​มาอาศัย​อยู่​ใต้​ชายคา​ของ​คนอื่น​ก็​คง​ต้อง​เก็บ​หาง​ทำตัว​สำรวม​ ขอ​กิน​ขอ​ดื่ม​ไป​วัน​ๆ จะไม่ต้อง​คอย​ทน​รับ​อารมณ์​ของ​คนอื่น​ได้​อย่างไร​ คิดไม่ถึง​ว่า​มาอยู่​ที่นี่​กลับ​ไม่ต้อง​เจอ​กับ​ความอยุติธรรม​เลย​สักนิด​จริงๆ​ ต่าง​ก็​พูด​กัน​ว่า​ความสนใจ​ใน​การ​เป็น​ขุนนาง​บางเบา​เหมือน​ผ้า​โปร่ง​หนึ่ง​ชั้น​ คิดไม่ถึง​ว่า​ข้า​เซียน​เว่ย​จะกลับ​กลายเป็น​ว่า​โชคชะตา​ผลิก​พัน​ ขอ​แค่​วันหน้า​หน่วน​ซู่น้อย​ถูก​คน​รังแก​ ได้รับ​ความ​น้อยเนื้อต่ำใจ​แม้เพียง​น้อย​นิด​ ข้า​ผู้อาวุโส​ไม่เชี่ยวชาญ​การต่อสู้​ แต่​ก็​จะต้อง​เป็น​คน​แรก​ที่​เปิดปาก​ด่า​แน่นอน​

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ถ้อยคำ​หนึ่ง​ประโยค​สอง​ความหมาย​ของ​เด็กหญิง​สวม​ชุด​กระโปรง​ชมพู​ที่​ทำให้​นักพรต​ปลอม​ซึ่งมีฉายา​ว่า​เซียน​เว่ย​ ชื่อจริง​คือ​เหนียน​จิ่งเกือบจะ​น้ำตาไหล​

‘ปี​นี้​บ้าน​ของ​พวกเรา​มีการ​เก็บเกี่ยว​ประจำปี​ (เหนียน​จิ่ง) ที่​ดี​ หวัง​ว่า​ปีหน้า​จะมีการ​เก็บเกี่ยว​ที่​ดี​ยิ่งกว่า​นี้​ เชื่อ​ว่า​จะต้อง​ดี​ยิ่งกว่า​นี้​ได้​แน่นอน​!’

จูเหลี่ยน​ยัง​เรียก​เด็กชาย​เด็กสาว​สกุล​เฉาที่​เป็น​เหมือน​คู่​หยก​งามซึ่งพัก​อยู่​ที่​ภูเขา​ด้านหลัง​มาด้วย​ ทุกคน​กิน​อาหาร​มื้อ​คืน​ข้าม​ปี​ด้วยกัน​อย่าง​ครึกครื้น​ อยู่​ด้วยกัน​นาน​วัน​เข้า​ คู่​หยก​ที่​มาจาก​แซ่สกุล​ของ​เสาค้ำ​ยัน​แคว้น​ต้า​หลี​คู่​นั้น​ก็​ไม่ระมัดระวัง​สำรวม​ตน​เหมือน​ตอนที่​เพิ่ง​ขึ้น​มาบน​ภูเขา​อีก​

เฉิน​ยวน​จีไป​ที่​บ้าน​ตัวเอง​ซึ่งตั้งอยู่​ใน​ตัว​จังหวัด​ ทาง​ฝั่งของ​ตรอก​ฉีหลง​ จูเหลี่ยน​ไม่ได้​เรียก​ใคร​มา

สือ​โหร​ว​เห็น​ร้าน​แห่ง​นั้น​เป็น​บ้าน​ของ​ตัวเอง​ไป​แล้ว​ เจ้าใบ้​น้อย​ที่​เป็น​ลูกศิษย์​ใหญ่​ของ​เผย​เฉียน​ก็​ไม่ค่อย​ยินดี​จะขึ้น​ภูเขา​มา พอดี​กับ​ที่​สามารถ​กิน​อาหาร​มื้อ​ข้าม​ปี​ร่วมกับ​พวก​ชุยฮ​วา​เซิงและ​เด็กชาย​ผม​ขาว​ที่​ตั้งชื่อ​ให้​ตัวเอง​ว่า​คง​โหว​ซึ่งอยู่​ร้าน​ข้างๆ​ ได้​พอดี​ เพราะ​รวมตัวกัน​แล้วก็​รวมกัน​นั่ง​โต๊ะ​ใหญ่​ได้​

กิน​อาหาร​มื้อ​ข้าม​ปี​อิ่มหนำ​ จูเหลี่ยน​กับ​หน่วน​ซู่ช่วยกัน​เก็บ​ตะเกียบ​และ​ชาม เพ่​ยเซียง​นึก​อยาก​จะช่วย​ ผล​กลับ​ถูก​บุรุษ​ใจดำ​บางคน​ถลึงตา​ใส่ จึงได้​แต่​ล้มเลิก​ความคิด​

หลังจากนั้น​ก็​คือ​การเฝ้า​คืน​แล้ว​

ทาง​ฝั่งของ​เมือง​เล็ก​ พวก​คน​เฒ่าคนแก่​คน​ที่​ตาย​ก็​ตาย​ไป​ คน​ที่​ย้ายบ้าน​ก็​ย้าย​ไป​ ตอนนี้​จึงไม่มีประเพณี​การ​แวะเวียน​ไป​ถามมื้อ​ข้าม​ปี​ระหว่าง​แต่ละ​ครอบครัว​อีกแล้ว​

หน่วน​ซู่น้อย​ต้องการ​ไป​เฝ้าคืน​ที่​ชั้นหนึ่ง​ของ​เรือน​ไม้ไผ่​ อันที่จริง​ก็​ไม่ถือว่า​นาง​อยู่​อย่าง​โดดเดี่ยว​ เพราะ​ข้าง​กระถาง​ไฟที่​เด็กหญิง​ชุด​กระโปรง​ชมพู​นั่ง​อยู่​มีคน​จิ๋ว​ดอกบัว​มานอน​ฟุบ​อยู่​บน​ศีรษะ​ของ​นาง​ อ่านหนังสือ​ไป​ด้วยกัน​

เซียน​เว่ย​กิน​อาหาร​แล้วก็​รีบร้อน​ลง​จาก​ภูเขา​ เฝ้าคืน​พลาง​อ่านหนังสือ​ไป​ด้วย​เหมือนกัน​

เจิ้งต้าเฟิงคน​เฝ้าประตู​คน​ก่อน​ทิ้ง​ ‘ภูเขา​ตำรา​’ เอาไว้​ให้​ลูก​หนึ่ง​ เซียน​เว่ย​จำต้อง​ทอดถอนใจ​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ว่า​มหาสมุทร​ความรู้​ไร้​ที่​สิ้นสุด​

พี่น้อง​ต้าเฟิง​ที่​ยัง​ไม่เคย​พบ​หน้า​ผู้​นั้น​ คือ​ต้นแบบ​ของ​ความสง่างาม​แห่ง​คน​รุ่น​ข้า​ สมกับ​เป็น​เทพ​ใน​ร่าง​คน​อย่าง​แท้จริง​

ใน​เมื่อ​มาก็​มาแล้ว​ หง​เซี่ย​จึงไป​ที่​ภูเขา​หวง​หู​ เฝ้าคืน​พร้อมกับ​อวิ๋นจื่อ​อยู่​ที่​จวน​วารี​

ทาง​ฝั่งเรือน​พัก​ของ​จูเหลี่ยน​ บน​เก้าอี้นอน​ปู​ไว้​ด้วย​พรม​ผืน​เก่า​

เพียงแต่ว่า​จูเหลี่ยน​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ไม้ไผ่​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ ใน​มือถือ​เตา​อุ่น​มือ​ ให้​เพ่​ยเซียง​นอน​บน​เตียง​หวาย​ตัว​นั้น​

เพ่​ยเซียง​นอน​อย่าง​สบายอารมณ์​ สอง​มือวาง​ทับซ้อน​กัน​เบา​ๆ ยิ้ม​จน​ดวงตา​ที่​คลอ​ประกาย​น้ำ​คู่​นั้น​หรี่​ลง​ ถามชวน​คุย​ว่า​ “กิน​อาหาร​คืน​ข้าม​ปี​ แล้ว​ค่อย​เฝ้าคืน​กับ​คนอื่น​ เป็นเรื่อง​ที่​มิอาจ​จินตนาการ​ได้​เลย​”

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​กล่าว​ “รอ​กระทั่ง​เรื่อง​ที่​สด​ใหม่​ไม่สด​ใหม่​อีกต่อไป​แล้ว​ ยัง​สามารถ​ทำ​เหมือนเดิม​ได้​อีก​ นั่น​ต่างหาก​จึงจะถือว่า​เป็นเรื่อง​ที่​มิอาจ​จินตนาการ​ได้​”

เพ่​ยเซียง​เบี่ยง​ตัว​หันข้าง​ สอง​มือวาง​ทับซ้อน​กัน​ แนบ​แก้ม​ไว้​บน​หลัง​มือ​ “ถึงอย่างไร​ตอนนี้​รอบด้าน​ก็​ไม่มีใคร​ ขอ​ข้า​ดู​หน่อย​สิ?”

เพ่​ยเซียง​เห็น​ว่า​เจ้าหมอ​นี่​ไม่ยอม​คุย​ด้วย​ แสร้ง​ทำเป็น​คน​หูหนวก​เป็น​ใบ้​ก็​เอ่ย​กับ​เขา​ว่า​ “รับรอง​ว่า​จะไม่เล่น​ติก​ตุ​ก​เด็ดขาด​ แค่​ขอ​ดู​ให้​เพลิดเพลิน​ตา​สักหน่อย​”

ตา​จูเหลี่ยน​มอง​ตรง​ไป​ข้างหน้า​ไม่ลอกแลก​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “คิด​ว่า​ข้า​เป็น​นางโลม​หรือ​?”

เพ่​ยเซียง​ขุ่นเคือง​ ถลึงตา​เอ่ย​ว่า​ “พูด​อะไร​น่ะ​ ทำให้​ข้า​สะอิดสะเอียน​ก็​ช่างเถอะ​ ไหน​เลย​ยังมี​คน​ที่​พูด​ให้​ตัวเอง​สะอิดสะเอียน​อย่าง​เจ้าด้วย​”

จูเหลี่ยน​หัวเราะ​เฮอ​ๆ

เพ่​ยเซียง​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​ “เหยียน​ฟ่าง เจ้าเล่าเรื่อง​ให้​ข้า​ฟังสัก​เรื่อง​เถอะ​?”

จูเหลี่ยน​หัวเราะ​ร่วน​ “เอา​อีกแล้ว​รึ​?”

เพ่​ยเซียง​บ่น​ “พูด​เรื่อง​ที่​เป็นการเป็นงาน​หน่อย​ได้​ไหม​?”

“เป็นการเป็นงาน​? นี่​ก็​ต้อง​พูดถึง​วัตถุประสงค์​ของ​ท่าน​ศาสดา​ที่​เดินทาง​มาจาก​ทิศตะวันตก​แล้ว​นะ​ หมื่น​ปี​ที่ผ่านมา​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ มีมังกร​คชสาร​ของ​ลัทธิ​พุทธ​มากมาย​ขนาด​นั้น​ ก็​ยังมี​คัมภีร์​แค่​เล่ม​เดียว​เอง​นะ​”

จูเหลี่ยน​คิด​แล้วก็​พูด​เรื่อยเจื้อย​ต่อ​อี​กว่า​ “เพ่​ยเซียง​ เจ้าน่าจะ​รู้​ว่า​ศาสดา​ของ​สำนัก​ฌาน​ (หรือ​ฉาน​ นิกาย​เซน​) อันที่จริง​อยู่​ที่​ดินแดน​พุทธะ​สุขาวดี​ หาก​ใช้การ​แบ่งแยก​ตาม​ประสบการณ์​และ​ความ​อาวุโส​ที่​มนุษย์​ธรรมดา​อย่าง​พวกเรา​ชอบ​ใช้กัน​ อันที่จริง​ก็​คือ​ศาสดา​อันดับ​ที่​ยี่สิบ​แปด​? อืม​ หน้าตา​มึนงง​เช่นนี้​ ดูท่า​เจ้าคงจะ​ไม่รู้​สินะ​ เมื่อก่อน​ตอนที่​ข้า​อยู่​ใน​พื้นที่​มงคล​บ้านเกิด​เคย​อ่าน​นิยาย​เรื่อง​เทพ​และ​มาร​เล่ม​หนึ่ง​ ไม่รู้​ว่า​ใคร​เป็น​คน​แต่ง​ อ่าน​ตอนแรก​เหมือน​จะเลื่อมใส​ศาสนาพุทธ​ แต่​แท้จริง​แล้ว​กลับ​ด้อยค่า​ศาสนาพุทธ​ ส่วน​ตอนนี้​มาย้อน​นึกดู​อีกครั้ง​กลับ​บอก​ได้​ยาก​แล้ว​ คงจะ​พูดถึง​ภิกษุ​คน​หนึ่ง​จาก​แผ่นดิน​กลาง​ที่ตั้ง​ปณิธาน​ยิ่งใหญ่​ว่า​จะไป​เอา​คัมภีร์​พระไตรปิฎก​มาจาก​ชมพูทวีป​ ตลอด​ทางผ่าน​หายนะ​ภัยพิบัติ​มากมาย​ สุดท้าย​ถูก​ศาสดา​พุทธ​และ​ศาสดา​แรก​ ศาสดา​รอง​ของ​ลัทธิ​ฌาน​ใน​ภายหลัง​มอบ​คัมภีร์​ไร้​ตัวอักษร​มาให้​ ภิกษุ​ผู้​นั้น​จึงใช้วัตถุ​ที่​ล้ำค่า​บน​ร่าง​ของ​ตัวเอง​เอา​มาแลกเปลี่ยน​กับ​ ‘คัมภีร์​ที่​แท้จริง​’ อีกครั้ง​ ตอนนั้น​ข้า​เป็น​แค่​เด็กหนุ่ม​คน​หนึ่ง​ ไม่รู้ความ​ อ่าน​ตำ​รามา​ไม่มาก​ พอ​อ่าน​มาถึงตรงนี้​ก็​นึก​อยาก​จะลากตัว​เจ้าคน​ ‘นิรนาม​’ ที่​น่ารังเกียจ​ผู้​นั้น​ออกมา​ซ้อม​สักรอบ​ รู้สึก​เพียง​ว่า​กว่า​ข้า​ผู้อาวุโส​จะฝืน​นิสัย​อดทน​อ่าน​จนถึง​ช่วง​ท้าย​ได้​ไม่ง่าย​เลย​ เจ้าที่​เป็น​คน​แต่งเรื่อง​ กลับ​กลายเป็น​ว่า​ให้​ข้า​ได้​อ่าน​เรื่อง​พวก​นี้​? รอ​กระทั่ง​ข้า​ถึงวัยกลางคน​ถึงเพิ่ง​ค้นพบ​ความหมาย​ที่ซ่อน​อยู่​ภายใน​ ไม่พูด​ไม่ได้​ว่า​ชวน​ให้​ขบคิด​ยาวนาน​เหลือเกิน​ คัมภีร์​ไร้​ตัวอักษร​เล่ม​ที่​ภิกษุ​ผู้​นั้น​ได้มา​ตอนแรก​ เป็น​ของปลอม​แน่​หรือ​? คัมภีร์​แท้จริง​ที่​มีตัวอักษร​ซึ่งได้มา​ใน​ภายหลัง​เป็น​ของจริง​แน่​หรือ​? ต้อง​รู้​ว่า​สาย​ของ​สำนัก​ฌาน​ไม่ใช้ตัวอักษร​ เพื่อ​ที่​คนนอก​สาย​จะได้​เอา​ไป​สืบทอด​ต่อ​ไม่ได้​ เพียงแต่​รอ​กระทั่ง​อายุ​ของ​ข้า​เพิ่มขึ้น​อีก​ก็​มีคำถาม​ขึ้น​มาอีกครั้ง​ว่า​ คง​ไม่เป็น​เพราะว่า​ตอนนั้น​ภิกษุ​ผู้​นั้น​ก็​มอง​ปัญหา​ยาก​ข้อ​นี้​ออก​แล้ว​ เพียงแต่​เพราะว่า​คน​คนเดียว​บรรลุ​ธรรม​ไม่สู้ให้​สรรพ​ชีวิต​บรรลุ​ธรรม​? สำหรับ​คน​ทั่วไป​แล้ว​ บางที​อาจ​ยัง​ต้อง​ใช้ลำดับ​และ​ขั้นบันได​บางอย่าง​ เหมือน​การ​ปู​ถนน​สร้าง​สะพาน​? ดังนั้น​เจ้าเห็น​หรือไม่​ว่า​ สำนัก​ฌาน​ของ​โลก​ยุค​หลัง​จึงมีความขัดแย้ง​เรื่อง​ระบบ​สืบทอด​ดั้งเดิม​ของ​ตำแหน่ง​หก​ศาสดา​ไม่ใช่หรือ​ แบ่ง​ออก​เป็น​สาย​ตระหนัก​รู้​อย่าง​ฉับพลัน​ของ​สำนัก​ใต้​และ​สาย​ค่อยๆ​ ตระหนัก​รู้​ของ​สำนัก​เหนือ​? แม้จะบอ​กว่า​คน​มีการ​แบ่ง​สำนัก​เหนือ​ใต้​ แต่​ธรรมะ​ไม่อาจ​แบ่ง​เหนือ​ใต้​ได้​ แต่​ถึงอย่างไร​ก็​มีการ​แบ่งแยก​ระหว่าง​ฉับพลัน​กับ​เชื่องช้า​ ได้ยิน​มาว่า​สถานที่​บางแห่ง​ที่​เรียก​ว่า​ ‘ยุทธ​จักร​’ ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ ด้านล่าง​ภูเขา​หนัน​ผิง​มีวัด​โบราณ​เก่าแก่​เป็น​พันปี​อยู่​แห่ง​หนึ่ง​ มีกรอบ​ป้าย​คำ​ว่า​ ‘สรรพสิ่ง​’ ล้วน​เท่าเทียม​ ช่างดี​จริงๆ​”

เพ่​ยเซียง​ฟังอย่าง​ตั้งใจ​

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ทุกอย่าง​คือ​ธรรมะ​ ประหนึ่ง​ความฝัน​ประหนึ่ง​ภาพมายา​ฟองอากาศ​ ประหนึ่ง​น้ำค้าง​ประหนึ่ง​สายฟ้า​ ไม่ควร​ยึดมั่น​อยู่​กับ​สิ่งใด​”

เพ่​ยเซียง​ยิ้ม​กล่าว​ “ประโยค​นี้​ข้า​พอ​จะเข้าใจ​อยู่​บ้าง​”

จูเหลี่ยน​ส่ายหน้า​ “พวกเรา​แค่​เคย​ได้ยิน​มาเท่านั้น​ ไม่เคย​ได้​เข้าใจ​อย่าง​แท้จริง​”

เพ่​ยเซียง​ยิ้ม​ตอบ​ “เจ้าว่า​อย่างไร​ก็​เป็น​ตามนั้น​”

จูเหลี่ยนยก​เตา​อุ่น​มือ​ใน​มือขึ้น​ “ทดสอบ​เจ้าสัก​ข้อดี​ไหม​? ดอกไม้​ (ฮวา​) อะไร​เติบโต​อยู่​ใต้ดิน​”

เพ่​ยเซียง​เข้าใจผิด​คิด​ว่า​เป็น​คำถาม​ลี้ลับ​ที่​ต้อง​ไข​ปริศนาธรรม​ จึงส่ายหน้า​แสดงว่า​ไม่รู้​ หลีกเลี่ยง​ไม่ให้​กลาย​เป็นที่​หัวเราะเยาะ​

จูเหลี่ยน​ยิ้ม​เอ่ย​ “ก็​ดอก​ฮวา​เซิง (ถั่วลิสง​ คือ​การเล่นคำ​ คำ​ว่า​ฮวา​คำ​เดียว​จะหมายถึง​ดอกไม้​ แต่​ถ้าฮวา​เซิงจะหมายถึง​ถั่วลิสง​) อย่างไรเล่า​”

เพ่​ยเซียง​อึ้ง​งัน​พูดไม่ออก​

จูเหลี่ยน​หัวเราะ​ร่วน​ “ยังคง​เป็น​หมี่​ลี่​น้อย​ของ​พวกเรา​ที่​ร้ายกาจ​”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!