หมี่อวี้เอาสองมือไพล่หลัง ยิ้มตาหยี “หลักการเหตุผลข้อนี้ ข้ารู้สึกว่าต่อให้เป็นใต้เท้าอิ่นกวานก็ยังพูดออกมาไม่ได้”
หมี่ลี่น้อยหัวเราะหึหึ “เผยเฉียนมักจะบอกว่าข้าคือตัวขี้ประจบ เซียนกระบี่ใหญ่หมี่ท่านเลียนแบบข้าทำไมกัน”
หมี่อวี้ย่อมรู้อยู่แล้วว่าหลายวันมานี้หมี่ลี่น้อยจะต้องรอคอยอยู่ข้างนอกตลอดเวลาแน่นอน
เพราะหวังให้หมี่อวี้ได้เห็นว่ามีคนรอคอยเขาอยู่เมื่อเปิดประตูออกมา
บนภูเขาของใต้หล้าไพศาล นี่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก
บ้านเกิดที่ผู้ฝึกกระบี่ตายไปก็ไร้สุสานให้ฝังศพแห่งนั้นก็ยิ่งเป็นเช่นนี้
อีกทั้งหมี่ลี่น้อยยังเป็นข้อยกเว้นอีกอย่าง นั่นคือนางไม่ได้รอคอยเซียนกระบี่ใหญ่หมี่ให้ฝ่าทะลุขอบเขต
นางแค่รอคอยอวี๋หมี่ เรียบง่ายเพียงแค่นี้เท่านั้น
หมี่อวี้ทรุดตัวลงนั่งยองด้วยสีหน้าอ่อนโยน เอ่ยเสียงเบาว่า “หมี่ลี่น้อย ขอบคุณนะ”
หมี่ลี่น้อยยิ้มกว้าง “ขอบคุณข้าทำไมกัน เซียนกระบี่ใหญ่หมี่เกรงใจจนเกือบจะทำให้ข้าโกรธแล้วนะ”
แม่นางน้อยชุดดำตีหน้าเคร่ง โคลงศีรษะไปมา “หากข้าโกรธขึ้นมาก็ดุร้ายมากเลยนะ ขนาดเจ้าขุนเขาคนดียังกลัวเลย!”
หมี่ลี่น้อยกดเสียงลงต่ำเอ่ยว่า “อวี๋หมี่ อันที่จริงข้าก็ต้องขอบคุณท่านเหมือนกัน”
“ทำไมล่ะ?”
“ถ้าข้าบอกไปแล้วท่านต้องเก็บไว้เป็นความลับนะ”
“อืม รับรองว่าแม้แต่เจ้าขุนเขาคนดีก็จะไม่เล่าให้ฟัง”
“เมื่อก่อนอยู่ที่บ้าน ข้ามักจะไปเป็นเทพทวารบาลให้เผยเฉียนเป็นประจำ เฮ้อ ทุกครั้งที่เผยเฉียนเห็นข้า นางไม่ดีใจเหมือนท่านหรอกนะ”
พูดมาถึงตรงนี้ หมี่ลี่น้อยก็เชิดศีรษะขึ้นสูง “ห้ามเข้าใจผิดนะ ข้าไม่ได้บอกว่าเผยเฉียนไม่ดี เผยเฉียนดีมากเลยล่ะ ดีสุดๆ ไปเลย หากจะให้ข้าร่ายข้อดีของเผยเฉียนออกมาทีละข้อ เฮอะ ข้าไม่ได้ขี้โม้จริงๆ นะ พูดไปจนถึงเรือนพักที่ยอดเขามี่เซวี่ยข้าก็ยังพูดไม่จบเลย มีเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่าเล็บมือนี้เท่านั้นที่นางไม่ดีเท่าท่านอวี๋หมี่ ฮ่า วันหน้าทุกคนต่างก็ต้องเรียกท่านว่าเซียนกระบี่ใหญ่หมี่เหมือนกับข้าแล้ว”
หมี่อวี้อึ้งงันไร้คำพูด
มารดามันเถอะ แม้แต่บุรุษเสเพลที่คลุกคลีอยู่ในหมู่มวลบุปผาอย่างหมี่อวี้ นาทีนี้ก็เริ่มนึกอยากจะตัดสินใจรีบไปหาแม่นางดีๆ สักคน แต่งนางมาเป็นภรรยา จากนั้นให้กำเนิดบุตรสาวน่ารักๆ อย่างหมี่ลี่น้อยสักคนแล้ว
ยอดเขามี่เซวี่ย เรือนหลังหนึ่ง
เด็กหนุ่มชุดขาวนั่งอยู่บนราวรั้วคล้ายเมฆขาวก้อนหนึ่งที่หยุดลอยนิ่ง
ใต้ชายคาของหอเรือนสูงมีแผ่นไม้แขวนเรียงรายกันเป็นแถวเหมือนกระดิ่งลม เขียนชื่อท่วงทำนองโคลงประกอบดนตรี (สือไผ) ไว้ชื่อแล้วชื่อเล่า เมื่อลมพัดผ่าน แผ่นไม้ก็จะกระทบกันเบาๆ
มีฟ้าสารท งามเย้ายวน คว้าชัย ขุนเขาเริ่มเขียวขจี ลำนำมังกรน้ำ ดวงตาเปี่ยมเสน่ห์ ยามราตรี ลำนำทำนองวารี ทำนาย อายุยืนยาว หิมะกองเต็มภูเขา ใบบัวปูแผ่ทั่วผืนน้ำ วสันต์มาจากฟากฟ้า เข้ามาเยือนความฝัน คลื่นลมสงบ เรื่องราวดีๆ ใกล้เข้ามา…
เรือข้ามฟากตระกูลเซียนลำหนึ่งที่เป็นของเชื้อพระวงศ์แคว้นเมิ่งเหลียงค่อยๆ ลอยขึ้นกลางอากาศช้าๆ ในประวัติศาสตร์พรรคหวงเหลียงมีท่าเรือจวนเซียนส่วนตัวอยู่แห่งหนึ่ง หรือก็คืออดีตของท่าเรือเซียนฉงของภูเขาเมฆาเรืองในทุกวันนี้ ตอนที่ภูเขาเมฆาเรืองยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อท่าเรือเก่า อันที่จริงท่าเรือมีชื่อว่าโถวจู้ ปีนั้นเมื่อควันธูปของพรรคหวงเหลียงเสื่อมถอยลง อันดับแรกก็เป็นท่าเรือโถวจู้ที่เนื่องจากรายรับไม่พอรายจ่าย จึงค่อยๆ ถูกทิ้งร้าง ภายหลังจึงให้ภูเขาเมฆาเรืองเช่า หลังจากนั้นมาอีกก็ถูกภูเขาเมฆาเรืองจ่ายเงินซื้อไป ทุกวันนี้หากคิดจะซื้อท่าเรือโถวจู้มาจากภูเขาเมฆาเรืองก็เป็นเรื่องเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อนไปเสียแล้ว ดังนั้นพรรคหวงเหลียงจึงคิดอยากจะบุกเบิกท่าเรือใหม่แห่งหนึ่งมาโดยตลอด ทว่านี่เป็นเรื่องยากเกินไป ในแคว้นแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาณาเขตของแคว้นเมิ่งเหลียงนี้ ไม่ค่อยมีความเป็นไปได้ที่จะได้ครอบครองท่าเรือตระกูลเซียนขนาดใหญ่ยักษ์ไว้พร้อมกัน เพราะง่ายที่จะทำให้ภูเขาเมฆาเรืองและพรรคหวงเหลียงเกิดการช่วงชิงกันบนภูเขา
ดังนั้นก่อนหน้านี้ฮ่องเต้เองก็ลำบากใจอย่างมาก จะหน้ามือหลังมือล้วนเป็นเนื้อ ถึงอย่างไรตนก็ไม่ควรลำเอียงเข้าข้างพรรคหวงเหลียงมากเกินไป แล้วนับประสาอะไรกับที่ภูเขาเมฆาเรืองยังเป็นภูเขาตัวสำรองสำนักอักษรจงด้วย ก็เหมือนความลำบากใจของเจ้าประมุขเกาเจิ่นก่อนหน้านี้ ที่แม้ในใจจะรู้ชัดเจนดี แต่ก็ได้แค่แกล้งโง่เท่านั้น
ทว่าวันนี้ก่อนจะลงจากภูเขา ฮ่องเต้หนุ่มกลับไม่รู้สึกลำบากใจแม้แต่น้อย เขารับปากเกาเจิ่นเรื่องหนึ่งว่าจะเอาที่นาส่วนหนึ่งนอกเมืองหลวงแบ่งให้พรรคหวงเหลียงสร้างท่าเรือตระกูลเซียนแห่งหนึ่ง โดยในนามจะบอกว่า ‘ให้เช่า’ ถึงอย่างไรหากอิงตามกฎของศาลบุ๋น ที่นาที่ว่านี้ก็แค่มีข้อกำหนดและข้อพิถีพิถันในด้านแนวทางว่าจำเป็นต้องอยู่ทาง ‘ทิศตะวันออก’ ของเมืองหลวงเท่านั้น ส่วนที่นาที่ว่านี้จะใหญ่หรือเล็ก ขอแค่รักษาพื้นที่พันไร่ไว้ได้ก็สามารถยืดหยุ่นกันได้ แต่เกาเจิ่นกลับไม่ตอบตกลงกับเรื่องนี้ บอกว่าการกระทำนี้จะชวนให้คนอิจฉาและรังเกียจมากเกินไป เขายิ้มเอ่ยประโยคหนึ่งว่า หากผู้คุมกฎผู้เฒ่าของภูเขาเมฆาเรืองที่มาเข้าร่วมงานพิธีรู้เข้า จะไม่ถลกแขนเสื้อเดินจากไปทันทีเลยหรือ? ด้วยเหตุนี้เกาเจิ่นจึงทำเพียงแค่ขอร้องเหมยซานจวินให้แบ่งอาณาเขตแห่งหนึ่งของขุนเขาประจิมที่พอจะมีปราณวิญญาณสมบูรณ์ให้พวกเขาใช้บุกเบิกเป็นท่าเรือ
ในห้องแห่งหนึ่งของเรือข้ามฟาก การตกแต่งธรรมดาเรียบง่าย ฮ่องเต้หนุ่มกำลังอ่านฎีกา บางครั้งก็ด่าขำๆ ไปสองสามประโยค
น่าหลันอวี้จือพูดสัพยอกว่า “หากว่าเจ้าประมุขเกาอยู่ในวงการขุนนาง ไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะได้เป็นเจ้ากรมของหกกรมแน่”
เหมยซานจวินถลึงตาใส่นาง ฝ่าบาทกำลังจัดการกิจธุระ เจ้ามาขัดจังหวะอะไร
หวงชงวางพู่กันลง นวดคลึงข้อมือ เหลือบตามองฎีกาที่กองกันเป็นภูเขาลูกเล็กซึ่งรอให้เขาจัดการแวบหนึ่ง แล้วจึงมองภูเขาลูกที่สูงกว่า ครั้นจึงส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ทั้งเป็นงานที่ต้องใช้พลังสมอง แล้วยังต้องใช้พละกำลังด้วย
น่าหลันอวี้จือยิ้มถาม “ฝ่าบาท ได้เจอกับอิ่นกวานผู้นั้นแล้วรู้สึกเป็นอย่างไร?”
หวงชงยิ้มบางๆ “ความรู้สึกค่อนข้างขัดแย้งกันเอง ยามที่อาจารย์เฉินนั่งตัวตรงอย่างสำรวมพูดคุยกับคนอื่นอย่างจริงจังจะรู้สึกเหมือนฤดูร้อนแผดเผาที่มิอาจหลบเลี่ยงได้ แต่เมื่ออาจารย์เฉินคุยเล่นด้วยกลับเหมือนอาบไล้อยู่ท่ามกลางลมวสันต์ รู้สึกผ่อนคลายสบายอารมณ์อย่างมาก”
น่าหลันอวี้จือกล่าว “ข้ากลับมีความรู้สึกอย่างเดียว”
หวงชงถามอย่างประหลาดใจ “ลองว่ามาสิ”
น่าหลันอวี้จือตอบ “ดูเหมือนว่าอิ่นกวานหนุ่มจะกลัวข้าอยู่บ้าง?”
เหมยซานจวินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าก็ช่างพูดออกมาได้นะ”
หวงชงหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “เรื่องนี้ข้ายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเหมยซานจวิน อย่างอาจารย์เฉินนั่นต้องเรียกว่าปราณเที่ยงธรรมขับไล่กลิ่นเครื่องประทินโฉม”
เหมยซานจวินพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฝ่าบาท จะต้องให้กองตรวจสอบของกรมอาญาไปตรวจสอบความเป็นมาของลู่ฝูแห่งอารามชิวหาวผู้นั้นหรือไม่? หากผู้ฝึกตนผู้ถวายงานของกรมอาญาไม่สะดวกจะออกหน้าก็สามารถให้สายลับของจวนซานจวินข้าลงมือแทนได้ ข้ามักจะรู้สึกว่าไอ้หมอนี่ทำอะไรเหลวไหล ไม่เหมือน...”
น่าหลันอวี้จือเห็นว่าเหมยซานจวินพยายามคิดหาถ้อยคำเหมาะๆ ก็พูดต่อคำว่า “ไม่เหมือนคนเป็นการเป็นงาน”
เหมยซานจวินพยักหน้ารับ “แต่ก็ไม่เหมือนจะเป็นคนชั่วร้ายอะไร เพราะถึงอย่างไรก็ติดตามเฉินอิ่นกวานขึ้นเขามาร่วมงานพิธี”
หวงชงส่ายหน้า เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ยืดแขนสองข้างออก แล้วก็เพราะมีเหมยซานจวินอยู่ด้วย หากมีแค่เหนียงเนียงเทพวารีแม่น้ำวั่งเยว่ ฮ่องเต้หนุ่มก็นึกอยากจะยกสองขาขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะเลยด้วยซ้ำ เขาโบกมือเอ่ยว่า “ไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาแทรกซ้อน ก็แค่คนที่เจอกันบนภูเขาเท่านั้น เดินสวนไหล่กันผ่านไปก็ยากที่จะได้พบเจอกันอีกครั้งแล้ว”
น่าหลันอวี้จืออดไม่ไหวยิ้มเอ่ยว่า “เหตุใดเซียนกระบี่เฉินถึงมีสหายไม่เป็นโล้ไม่เป็นพายแบบนี้ได้นะ?”
น่าสนใจก็น่าสนใจอยู่หรอก ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูด คุยโวไม่ต้องเปลืองเงิน
หวงชงคิดก่อนจะเอ่ยว่า “ข้ามักรู้สึกว่าพวกเขาไม่เหมือนสหายกัน แต่นี่ก็เป็นแค่ความรู้สึกของข้าเท่านั้น”
จู่ๆ ฮ่องเต้หนุ่มก็เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “หากรู้อย่างนี้แต่แรก ตอนที่อยู่บนภูเขาโหลวซานก็น่าจะให้อาจารย์เฉินช่วยเขียน ‘รูปแบบหนังสือ’ ที่เป็นถ้อยคำมงคลอวยพรให้กับวันเริ่มฤดูใบไม้ผลิของแคว้นเมิ่งเหลียงในปีนี้สักหน่อยแล้ว”
จักรพรรดิของแต่ละแคว้นในใต้หล้าไพศาลต่างก็มีธรรมเนียมที่ต้องหยิบพู่กันเขียนต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ฮ่องเต้จำเป็นต้องช่วยเฝ้าคืนรอวันปีใหม่ให้กับใต้หล้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!