จิตวิญญาณกลับคืนสู่หอสยบปีศาจของใบถงทวีป เฉินผิงอันลืมตาขึ้น ลุกขึ้นยืน ได้พบเจอกับอาจารย์ผู้เฒ่าเรือนกายสูงใหญ่อีกครั้ง เฉินผิงอันประสานมือคารวะอย่างเงียบขรึม
ครั้งแรกคือตอนที่ถูกอาจารย์พาไปที่ยอดเขาสุ้ยซาน ครั้งที่สองคือใช้สถานะของอิ่นกวานคนสุดท้าย เฉินผิงอันเป็นตัวแทนของผู้ฝึกกระบี่ทุกคนของกำแพงเมืองปราณกระบี่เข้าร่วมการประชุมที่ริมลำคลอง
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในเมืองเล็กบ้านเกิด เฉินผิงอันแค่ได้เจอกับมรรคาจารย์เต๋า ไม่ได้พบเจอกับปรมาจารย์มหาปราชญ์และศาสดาพุทธ
ทางฝั่งของภูเขาสุ้ยซาน เฉินผิงอันเจอกับปรมาจารย์มหาปราชญ์เป็นครั้งแรก ภายหลังอาจารย์ถามว่ารู้สึกอย่างไร อยู่กับอาจารย์เขาไม่มีอะไรให้ต้องปิดบัง เฉินผิงอันจึงบอกไปตามตรงว่า หากได้เจอกับปรมาจารย์มหาปราชญ์ที่สวมชุดลัทธิขงจื๊อในตลาดโดยบังเอิญ เขาคงต้องสงสัยแล้วว่าตอนที่อาจารย์ผู้เฒ่าเป็นหนุ่มเคย…คลุกคลีอยู่ในยุทธภพมาก่อนหรือไม่
ซิ่วไฉเฒ่าหัวเราะอย่างเบิกบานใจอยู่นาน บอกว่าคำวิจารณ์นี้ดี ดีมากเลย
ตอนนั้นเฉินผิงอันมองเห็นสายตาและสีหน้าของอาจารย์ก็รู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว กังวลว่าหากอาจารย์กลับไปที่ศาลบุ๋น หรือบางทีดื่มเหล้ากับจิงเซิงซีผิงจนเมามาย ไม่ว่าอะไรก็ล้วนเอาไปเล่าต่อให้คนนอกฟังจนหมด จึงขอให้อาจารย์รับปากว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ให้คนนอกฟัง ปากของซิ่วไฉเฒ่าตอบตกลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกวันนี้อย่าว่าแต่จิงเซิงซีผิงแห่งสวนกงเต๋อเลย ต่อให้เป็นเจ้าลัทธิหลักรองสามท่านของศาลบุ๋น และยังมีอาจารย์ผู้เฒ่าฝู อาจารย์ผู้เฒ่าลี่ ฯลฯ ต่างก็รู้คำวิจารณ์นี้กันทั้งหมด คนนอก? ทุกวันนี้ในศาลบุ๋นไม่มีคนนอกอะไรหรอกนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์ผู้เฒ่าลี่ที่เคยถูกศาลบุ๋นเกณฑ์ไปช่วยงาน ยังเคยถามซิ่วไฉเฒ่าว่า ลูกศิษย์คนสุดท้ายของเจ้าคนนั้นพูดต่อหน้าปรมาจารย์มหาปราชญ์เลยหรือไม่? ซิ่วไฉเฒ่าบอกว่าไม่กล้าหรอก อาจารย์ผู้เฒ่าลี่จึงรู้สึกเสียดายอย่างมาก บอกว่าถึงอย่างไรก็ขาดแรงไฟไปสักเล็กน้อย อิ่นกวานหนุ่มยังใจกล้าไม่มากพอ ซิ่วไฉเฒ่าร้อนใจทันใด นั่นเรียกว่าใจกล้าหรือ นั่นเรียกว่าซื่อบื้อต่างหาก…วันต่อมาอาจารย์ผู้เฒ่าลี่ก็ค้นพบว่างานด้านอุทกศาสตร์ที่ตัวเองต้องจัดการ เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหนึ่งเท่าตัว
ปรมาจารย์มหาปราชญ์พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
เคยคลุกคลีอยู่ในยุทธภพมาก่อน? คำกล่าวนี้ดีมากเลย ไม่เหมือนกับ ‘สุนัขไร้บ้าน’ ของใต้หล้ามืดสลัว น่าฟังกว่าเยอะเลย?
เฉินผิงอันหันไปคารวะนักพรตวัยกลางคนที่ถือแส้สะพายกระบี่ซึ่งยืนอยู่ข้างกายปรมาจารย์มหาปราชญ์ “ผู้เยาว์คารวะหลวี่จู่”
“หลวี่เหยียนคารวะอิ่นกวาน”
นักพรตฉุนหยางไม่ได้อาศัยว่าตัวเองอาวุโสกว่า และยิ่งไม่มีทางวางมาดเพราะเฉินผิงอันเรียกตัวเองว่า ‘ผู้เยาว์’ กลับกันยังก้มหัวกราบตามขนบลัทธิเต๋า ใช้คำเรียกขานอย่างเคารพว่าอิ่นกวานมาแสดงมารยาทตอบแทนกลับคืน จากนั้นหลวี่เหยียนถึงได้ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เรื่องโชควาสนาของพรรคหวงเหลียง เจ้าขุนเขาเฉินจัดการได้มั่นคงดีมาก”
ปรมาจารย์มหาปราชญ์ร้องโอ้โหหนึ่งที “คำเรียกขานนี้ยิ่งใหญ่มากเลยนะ หลวี่จู่ ร้ายกาจจริง”
นักพรตฉุนหยางเพียงยิ้มรับ
ปรมาจารย์มหาปราชญ์กล่าว “นักพรตฉุนหยาง แค่คำกล่าวที่เรียบง่ายอย่างคำว่า ‘มั่นคง’ เท่านั้นหรือ? เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในระเบียงของชั้นบน เจ้าไม่ได้พูดแบบนี้นะ หากข้าจำไม่ผิด สหายยังเอ่ยชื่นชมอย่างจริงใจว่า ‘มรรคามิอาจยึดครองเพียงลำพัง สอดคล้องกับมรรคกถาแห่งข้า’ ไม่ใช่หรือ? คำพูดดีๆ ที่ปากกับใจตรงกัน คงไม่ถึงขั้นแค่พูดออกจากปากครั้งเดียวแล้วก็ไม่มีค่าแล้วกระมัง มีหลักการเหตุผลแบบนี้ด้วยหรือ?”
นักพรตฉุนหยางรู้สึกอ่อนใจเป็นทบทวี
ปรมาจารย์มหาปราชญ์ท่านว่าอย่างไรก็อย่างนั้นเถอะ
ใต้หล้าไพศาลที่อยู่นอกหอสยบปีศาจ สีท้องฟ้ามืดสลัวลงแล้ว ล่างภูเขามีการไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่สุสานแปะกลอนคู่วันปีใหม่ เสียงประทัดดังไปแล้ว กินอาหารมื้อคืนข้ามปี แล้วก็เริ่มเฝ้าปีกันแล้ว
ทว่าสถานที่แห่งนี้ยังคงมีพระจันทร์ลอยอยู่กลางฟ้า สว่างไสวราวกับเวลากลางวัน
ปรมาจารย์มหาปราชญ์เอ่ย “ไป จะพาเจ้าไปเดินเล่นในหอสยบปีศาจแห่งนี้ นอกจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางแล้ว หอพิทักษ์เมืองของไพศาลอีกแปดแห่งที่เหลือ ปีนั้นล้วนเป็นแผนที่ที่หลี่เซิ่งวาดขึ้นด้วยตัวเอง”
เฉินผิงอันสังเกตเห็นว่าในตำหนักทุกแห่งของหอสยบปีศาจล้วนไม่มีปล่อยว่างเอาไว้ หนังสือภาพตัวอักษร ของล้ำค่าหายากชนิดต่างๆ บวกกับสมบัติอาคมบนภูเขาอีกมากมายทั้งเสื้อเกราะและอาวุธ เห็นได้ชัดว่าเป็นทรัพย์สมบัติที่สะสมมานานเป็นเวลานับหมื่นปี คิดดูแล้วน่าจะใช้วิธีการเก็บหอมรอมริบดั่งนกนางแอ่นคาบดินโคลนมาทำรัง ดั่งมดย้ายบ้าน สุดท้ายเป็นเหตุให้คนนอกที่มาเที่ยวเยือนหอสยบปีศาจเหมือนได้มาเดินเล่นหอเก็บสมบัติและร้านผ้าห่อบุญแห่งแล้วแห่งเล่า
ปรมาจารย์มหาปราชญ์มาหยุดเท้าอยู่นอกธรณีประตูของตำหนักแห่งหนึ่ง หันหน้าไปมองกรอบป้ายและบทกลอนล้อมเสาของตำหนักใหญ่ ด้านในวางเก้าอี้ไว้สองแถว ทว่าเก้าอี้ทุกตัวล้วนเป็น…บัลลังก์มังกร
ชิงถงมีสีหน้ากระอักกระอ่วน
เก้าอี้มังกรที่มาจากราชวงศ์ซึ่งล่มสลายในประวัติศาสตร์ของใบถงทวีปพวกนี้ กับหยกลัญจกรประจำแคว้นที่สืบทอดมาซึ่ง ‘พลัดไปอยู่ในหมู่ชาวบ้าน’ ล้วนเป็นของที่เจ้าอารามผู้เฒ่าเก็บมาแล้วไม่ต้องการ สุดท้ายถูกตนรวบรวมมาไว้ที่นี่ เวลาปกติรู้สึกว่าองอาจทรงพลังอย่างยิ่ง ผลคือถูกปรมาจารย์มหาปราชญ์และอิ่นกวานหนุ่มมาปักหลักมองดูอยู่เช่นนี้ ชิงถงก็นึกอยากจะขุดรูมุดหนีลงไปเต็มที
ปรมาจารย์มหาปราชญ์ถาม “เฉินผิงอัน เจ้าคิดว่าหอสยบปีศาจแห่งนี้ควรจะทำตามคำแนะนำของจ้าวเหยากวงเทียนซือน้อยแห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ ทำให้มันกลายมาเป็นคล้ายอาณาเขตของสวนกงเต๋อน้อยแห่งศาลบุ๋น เอามาใช้กักขังเผ่าปีศาจที่รวบรวมมาจากพื้นที่ต่างๆ ในหนึ่งทวีป ใครที่ควรฆ่าก็ฆ่า ควรจับขังก็จับขังหรือไม่ หรือว่าจะทำตามคำแนะนำของหยวนพางเจ้าขุนเขาแห่งสำนักศึกษาเหิงชวี ให้สหายชิงถงใช้หอสยบปีศาจแห่งนี้เป็นภูเขา มาก่อตั้งพรรคบุกเบิกสำนักอยู่ที่นี่ ทั้งสามารถสร้างความมั่นคงให้กับโชคชะตาขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีปได้ ทั้งยังสามารถปลอบประโลมจิตใจของผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจในพื้นที่ของใต้หล้าไพศาล ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างหอสยปีศาจและศาลบรรพจารย์ของสำนักแห่งใหม่นี้ก็จะคล้ายคลึงกับสำนักมังกรน้ำแห่งอุตรกุรุทวีป”
ชิงถงพลันเกิดความรู้สึกที่ดีต่อหยวนพางลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อสายของหย่าเซิ่งผู้นั้นทันที
เล่าลือกันว่าหยวนพางผู้นี้คือคนที่หย่าเซิ่งไปขุดมุมกำแพงชิงตัวมาจากใต้หล้ามืดสลัว
เฉินผิงอันครุ่นคิด “ขอแค่มีเจ้าสำนักศึกษาของลัทธิขงจื๊อสักคนยินดีปลดระวางจากตำแหน่งเจ้าขุนเขามารับหน้าที่เป็นบรรพจารย์ผู้คุมกฎอยู่ที่นี่ ก็ได้จะมีครบครันทั้งสองอย่าง”
ปรมาจารย์มหาปราชญ์ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ ขยับเท้าเดินต่อ เอ่ยสัพยอกว่า “นี่เพิ่งจะไปเยือนภูเขามากี่ลูกเอง ขอให้ข้าได้คิดสักหน่อย ภูเขาสุ้ยซานแผ่นดินกลาง หอเซียนจิ่วเจิน ศาลเทพภูเขาที่อยู่ใกล้กับสันเขาเฟินสุ่ย เมื่อเทียบกับการไปท่องจวนวารีในความฝันก่อนหน้านี้ แค่นี้ก็พอแล้วหรือ? จะตกเป็นที่ต้องสงสัยว่ามีหัวเสือหางงูเอาได้นะ หากเป็นเรื่องของการศึกษาวิชาความรู้เขียนตำราสร้างคมวาทะ นี่ถือเป็นข้อต้องห้ามใหญ่หลวงเลยเชียว ดูเหมือนว่าในมือของเจ้ายังเหลือบุญกุศลที่ไม่เล็กอีกก้อนหนึ่ง? คิดจะทำตามคำกล่าวของบ้านเกิดเจ้าที่บอกว่ามีเหลือกินเหลือใช้ทุกปี? เหลือค้างไว้ก่อน?”
เฉินผิงอันยิ้มเจื่อน พูดไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!