สรุปเนื้อหา บทที่ 945.1 อะไรคือแผนร้าย – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
บท บทที่ 945.1 อะไรคือแผนร้าย ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
จิตวิญญาณกลับคืนสู่หอสยบปีศาจของใบถงทวีป เฉินผิงอันลืมตาขึ้น ลุกขึ้นยืน ได้พบเจอกับอาจารย์ผู้เฒ่าเรือนกายสูงใหญ่อีกครั้ง เฉินผิงอันประสานมือคารวะอย่างเงียบขรึม
ครั้งแรกคือตอนที่ถูกอาจารย์พาไปที่ยอดเขาสุ้ยซาน ครั้งที่สองคือใช้สถานะของอิ่นกวานคนสุดท้าย เฉินผิงอันเป็นตัวแทนของผู้ฝึกกระบี่ทุกคนของกำแพงเมืองปราณกระบี่เข้าร่วมการประชุมที่ริมลำคลอง
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในเมืองเล็กบ้านเกิด เฉินผิงอันแค่ได้เจอกับมรรคาจารย์เต๋า ไม่ได้พบเจอกับปรมาจารย์มหาปราชญ์และศาสดาพุทธ
ทางฝั่งของภูเขาสุ้ยซาน เฉินผิงอันเจอกับปรมาจารย์มหาปราชญ์เป็นครั้งแรก ภายหลังอาจารย์ถามว่ารู้สึกอย่างไร อยู่กับอาจารย์เขาไม่มีอะไรให้ต้องปิดบัง เฉินผิงอันจึงบอกไปตามตรงว่า หากได้เจอกับปรมาจารย์มหาปราชญ์ที่สวมชุดลัทธิขงจื๊อในตลาดโดยบังเอิญ เขาคงต้องสงสัยแล้วว่าตอนที่อาจารย์ผู้เฒ่าเป็นหนุ่มเคย…คลุกคลีอยู่ในยุทธภพมาก่อนหรือไม่
ซิ่วไฉเฒ่าหัวเราะอย่างเบิกบานใจอยู่นาน บอกว่าคำวิจารณ์นี้ดี ดีมากเลย
ตอนนั้นเฉินผิงอันมองเห็นสายตาและสีหน้าของอาจารย์ก็รู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว กังวลว่าหากอาจารย์กลับไปที่ศาลบุ๋น หรือบางทีดื่มเหล้ากับจิงเซิงซีผิงจนเมามาย ไม่ว่าอะไรก็ล้วนเอาไปเล่าต่อให้คนนอกฟังจนหมด จึงขอให้อาจารย์รับปากว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ให้คนนอกฟัง ปากของซิ่วไฉเฒ่าตอบตกลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกวันนี้อย่าว่าแต่จิงเซิงซีผิงแห่งสวนกงเต๋อเลย ต่อให้เป็นเจ้าลัทธิหลักรองสามท่านของศาลบุ๋น และยังมีอาจารย์ผู้เฒ่าฝู อาจารย์ผู้เฒ่าลี่ ฯลฯ ต่างก็รู้คำวิจารณ์นี้กันทั้งหมด คนนอก? ทุกวันนี้ในศาลบุ๋นไม่มีคนนอกอะไรหรอกนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์ผู้เฒ่าลี่ที่เคยถูกศาลบุ๋นเกณฑ์ไปช่วยงาน ยังเคยถามซิ่วไฉเฒ่าว่า ลูกศิษย์คนสุดท้ายของเจ้าคนนั้นพูดต่อหน้าปรมาจารย์มหาปราชญ์เลยหรือไม่? ซิ่วไฉเฒ่าบอกว่าไม่กล้าหรอก อาจารย์ผู้เฒ่าลี่จึงรู้สึกเสียดายอย่างมาก บอกว่าถึงอย่างไรก็ขาดแรงไฟไปสักเล็กน้อย อิ่นกวานหนุ่มยังใจกล้าไม่มากพอ ซิ่วไฉเฒ่าร้อนใจทันใด นั่นเรียกว่าใจกล้าหรือ นั่นเรียกว่าซื่อบื้อต่างหาก…วันต่อมาอาจารย์ผู้เฒ่าลี่ก็ค้นพบว่างานด้านอุทกศาสตร์ที่ตัวเองต้องจัดการ เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหนึ่งเท่าตัว
ปรมาจารย์มหาปราชญ์พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
เคยคลุกคลีอยู่ในยุทธภพมาก่อน? คำกล่าวนี้ดีมากเลย ไม่เหมือนกับ ‘สุนัขไร้บ้าน’ ของใต้หล้ามืดสลัว น่าฟังกว่าเยอะเลย?
เฉินผิงอันหันไปคารวะนักพรตวัยกลางคนที่ถือแส้สะพายกระบี่ซึ่งยืนอยู่ข้างกายปรมาจารย์มหาปราชญ์ “ผู้เยาว์คารวะหลวี่จู่”
“หลวี่เหยียนคารวะอิ่นกวาน”
นักพรตฉุนหยางไม่ได้อาศัยว่าตัวเองอาวุโสกว่า และยิ่งไม่มีทางวางมาดเพราะเฉินผิงอันเรียกตัวเองว่า ‘ผู้เยาว์’ กลับกันยังก้มหัวกราบตามขนบลัทธิเต๋า ใช้คำเรียกขานอย่างเคารพว่าอิ่นกวานมาแสดงมารยาทตอบแทนกลับคืน จากนั้นหลวี่เหยียนถึงได้ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เรื่องโชควาสนาของพรรคหวงเหลียง เจ้าขุนเขาเฉินจัดการได้มั่นคงดีมาก”
ปรมาจารย์มหาปราชญ์ร้องโอ้โหหนึ่งที “คำเรียกขานนี้ยิ่งใหญ่มากเลยนะ หลวี่จู่ ร้ายกาจจริง”
นักพรตฉุนหยางเพียงยิ้มรับ
ปรมาจารย์มหาปราชญ์กล่าว “นักพรตฉุนหยาง แค่คำกล่าวที่เรียบง่ายอย่างคำว่า ‘มั่นคง’ เท่านั้นหรือ? เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในระเบียงของชั้นบน เจ้าไม่ได้พูดแบบนี้นะ หากข้าจำไม่ผิด สหายยังเอ่ยชื่นชมอย่างจริงใจว่า ‘มรรคามิอาจยึดครองเพียงลำพัง สอดคล้องกับมรรคกถาแห่งข้า’ ไม่ใช่หรือ? คำพูดดีๆ ที่ปากกับใจตรงกัน คงไม่ถึงขั้นแค่พูดออกจากปากครั้งเดียวแล้วก็ไม่มีค่าแล้วกระมัง มีหลักการเหตุผลแบบนี้ด้วยหรือ?”
นักพรตฉุนหยางรู้สึกอ่อนใจเป็นทบทวี
ปรมาจารย์มหาปราชญ์ท่านว่าอย่างไรก็อย่างนั้นเถอะ
ใต้หล้าไพศาลที่อยู่นอกหอสยบปีศาจ สีท้องฟ้ามืดสลัวลงแล้ว ล่างภูเขามีการไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่สุสานแปะกลอนคู่วันปีใหม่ เสียงประทัดดังไปแล้ว กินอาหารมื้อคืนข้ามปี แล้วก็เริ่มเฝ้าปีกันแล้ว
ทว่าสถานที่แห่งนี้ยังคงมีพระจันทร์ลอยอยู่กลางฟ้า สว่างไสวราวกับเวลากลางวัน
ปรมาจารย์มหาปราชญ์เอ่ย “ไป จะพาเจ้าไปเดินเล่นในหอสยบปีศาจแห่งนี้ นอกจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางแล้ว หอพิทักษ์เมืองของไพศาลอีกแปดแห่งที่เหลือ ปีนั้นล้วนเป็นแผนที่ที่หลี่เซิ่งวาดขึ้นด้วยตัวเอง”
เฉินผิงอันสังเกตเห็นว่าในตำหนักทุกแห่งของหอสยบปีศาจล้วนไม่มีปล่อยว่างเอาไว้ หนังสือภาพตัวอักษร ของล้ำค่าหายากชนิดต่างๆ บวกกับสมบัติอาคมบนภูเขาอีกมากมายทั้งเสื้อเกราะและอาวุธ เห็นได้ชัดว่าเป็นทรัพย์สมบัติที่สะสมมานานเป็นเวลานับหมื่นปี คิดดูแล้วน่าจะใช้วิธีการเก็บหอมรอมริบดั่งนกนางแอ่นคาบดินโคลนมาทำรัง ดั่งมดย้ายบ้าน สุดท้ายเป็นเหตุให้คนนอกที่มาเที่ยวเยือนหอสยบปีศาจเหมือนได้มาเดินเล่นหอเก็บสมบัติและร้านผ้าห่อบุญแห่งแล้วแห่งเล่า
ปรมาจารย์มหาปราชญ์มาหยุดเท้าอยู่นอกธรณีประตูของตำหนักแห่งหนึ่ง หันหน้าไปมองกรอบป้ายและบทกลอนล้อมเสาของตำหนักใหญ่ ด้านในวางเก้าอี้ไว้สองแถว ทว่าเก้าอี้ทุกตัวล้วนเป็น…บัลลังก์มังกร
ชิงถงมีสีหน้ากระอักกระอ่วน
เก้าอี้มังกรที่มาจากราชวงศ์ซึ่งล่มสลายในประวัติศาสตร์ของใบถงทวีปพวกนี้ กับหยกลัญจกรประจำแคว้นที่สืบทอดมาซึ่ง ‘พลัดไปอยู่ในหมู่ชาวบ้าน’ ล้วนเป็นของที่เจ้าอารามผู้เฒ่าเก็บมาแล้วไม่ต้องการ สุดท้ายถูกตนรวบรวมมาไว้ที่นี่ เวลาปกติรู้สึกว่าองอาจทรงพลังอย่างยิ่ง ผลคือถูกปรมาจารย์มหาปราชญ์และอิ่นกวานหนุ่มมาปักหลักมองดูอยู่เช่นนี้ ชิงถงก็นึกอยากจะขุดรูมุดหนีลงไปเต็มที
ปรมาจารย์มหาปราชญ์ถาม “เฉินผิงอัน เจ้าคิดว่าหอสยบปีศาจแห่งนี้ควรจะทำตามคำแนะนำของจ้าวเหยากวงเทียนซือน้อยแห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ ทำให้มันกลายมาเป็นคล้ายอาณาเขตของสวนกงเต๋อน้อยแห่งศาลบุ๋น เอามาใช้กักขังเผ่าปีศาจที่รวบรวมมาจากพื้นที่ต่างๆ ในหนึ่งทวีป ใครที่ควรฆ่าก็ฆ่า ควรจับขังก็จับขังหรือไม่ หรือว่าจะทำตามคำแนะนำของหยวนพางเจ้าขุนเขาแห่งสำนักศึกษาเหิงชวี ให้สหายชิงถงใช้หอสยบปีศาจแห่งนี้เป็นภูเขา มาก่อตั้งพรรคบุกเบิกสำนักอยู่ที่นี่ ทั้งสามารถสร้างความมั่นคงให้กับโชคชะตาขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีปได้ ทั้งยังสามารถปลอบประโลมจิตใจของผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจในพื้นที่ของใต้หล้าไพศาล ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างหอสยปีศาจและศาลบรรพจารย์ของสำนักแห่งใหม่นี้ก็จะคล้ายคลึงกับสำนักมังกรน้ำแห่งอุตรกุรุทวีป”
ชิงถงพลันเกิดความรู้สึกที่ดีต่อหยวนพางลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อสายของหย่าเซิ่งผู้นั้นทันที
เล่าลือกันว่าหยวนพางผู้นี้คือคนที่หย่าเซิ่งไปขุดมุมกำแพงชิงตัวมาจากใต้หล้ามืดสลัว
เฉินผิงอันครุ่นคิด “ขอแค่มีเจ้าสำนักศึกษาของลัทธิขงจื๊อสักคนยินดีปลดระวางจากตำแหน่งเจ้าขุนเขามารับหน้าที่เป็นบรรพจารย์ผู้คุมกฎอยู่ที่นี่ ก็ได้จะมีครบครันทั้งสองอย่าง”
ปรมาจารย์มหาปราชญ์ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ ขยับเท้าเดินต่อ เอ่ยสัพยอกว่า “นี่เพิ่งจะไปเยือนภูเขามากี่ลูกเอง ขอให้ข้าได้คิดสักหน่อย ภูเขาสุ้ยซานแผ่นดินกลาง หอเซียนจิ่วเจิน ศาลเทพภูเขาที่อยู่ใกล้กับสันเขาเฟินสุ่ย เมื่อเทียบกับการไปท่องจวนวารีในความฝันก่อนหน้านี้ แค่นี้ก็พอแล้วหรือ? จะตกเป็นที่ต้องสงสัยว่ามีหัวเสือหางงูเอาได้นะ หากเป็นเรื่องของการศึกษาวิชาความรู้เขียนตำราสร้างคมวาทะ นี่ถือเป็นข้อต้องห้ามใหญ่หลวงเลยเชียว ดูเหมือนว่าในมือของเจ้ายังเหลือบุญกุศลที่ไม่เล็กอีกก้อนหนึ่ง? คิดจะทำตามคำกล่าวของบ้านเกิดเจ้าที่บอกว่ามีเหลือกินเหลือใช้ทุกปี? เหลือค้างไว้ก่อน?”
เฉินผิงอันยิ้มเจื่อน พูดไม่ออก
ใต้หล้านี้มีสถานะที่เป็นมายาเลื่อนลอยอยู่นับไม่ถ้วน ทว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่ที่แม้แต่ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบก็ยังไม่ถือว่ามีสถานะเป็นเซียนกระบี่ กลับไม่มีสถานะที่เลื่อนลอยนั้น
หลวี่เหยียนหรี่ตาถาม “อิ่นกวาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้กำแพงเมืองปราณกระบี่แบ่งหนึ่งออกเป็นสอง กำแพงเมืองปราณกระบี่ครึ่งหนึ่งอยู่ที่ใต้หล้าห้าสี ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งนั้นอยู่ที่ไหน?”
เฉินผิงอันกล่าว “อยู่ที่ข้า”
หลวี่เหยียนเอ่ยเตือน “ผู้ที่ฝึกบำเพ็ญตน ไม่อยากให้สถานะของตัวเองกลายเป็นตัวถ่วง ก็มีทางให้เดินแค่สองเส้นเท่านั้น หนึ่งคือเอาอย่างเจ้าลัทธิลู่ ไม่เห็นของนอกกายอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ล่องเรือกลวงเหยียบย่างไปบนมายา เป็นความว่างเปล่าทั้งสองอย่าง อีกหนึ่งคือขอบเขตในอนาคต จิตแห่งมรรคา ทุกๆ การกระทำ ล้วนสูงกว่าสถานะก่อนหน้านี้”
ปรมาจารย์มหาปราชญ์ยิ้มกล่าว “เอาล่ะๆ เจ้าเฉินผิงอันย่อมมีเรื่องที่ตัวเองลำบากใจ นักพรตฉุนหยางก็อย่าจับแน่นไม่ยอมวางเลย”
หลวี่เหยียนหมายจะอธิบายสักหน่อย แต่ปรมาจารย์มหาปราชญ์กลับโบกมือเอ่ยว่า “ความหมายในเรื่องนี้ เจ้าและข้าต่างก็รู้ดี เฉินผิงอันเองก็เข้าใจเจตจำนงเดิมและความหวังดีของเจ้า ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว”
เฉินผิงอันกุมหมัดคลี่ยิ้มให้กับนักพรตฉุนหยาง
ปรมาจารย์มหาปราชญ์เอ่ยเตือน “นักพรตฉุนหยาง เฉินผิงอันกำลังขอร้องเจ้าอยู่นะ”
หลวี่เหยียนพยักหน้ายิ้มรับ “ผินเจ้าจะไม่ถือสาเรื่องที่สหายเถาถิงได้โชควาสนาไปแล้ว”
ไม่อย่างนั้นนักพรตเนิ่นที่อยู่ในเรือนพักของภูเขาโหลวซานพรรคหวงเหลียงได้ยินอะไรไปจากหลี่ไหว หลวี่เหยียนก็จะเอาสิ่งนั้นกลับคืนมา
เฉินผิงอันใช้เสียงในใจถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “ผู้อาวุโสเลื่อนเป็นขอบเขตสิบสี่แล้วใช่หรือไม่?”
หลวี่เหยียนส่ายหน้า “ปีนั้นเท้าข้างหนึ่งเดินข้ามธรณีประตูไปแล้ว เพียงแต่ว่าพอถึงเวลาเข้าจริง จิตแห่งมรรคากลับมีริ้วคลื่นกระเพื่อมเล็กน้อยจึงต้องถอยกลับมา”
สำหรับนักพรตฉุนหยางแล้ว การฝึกตนไม่เคยอยู่แค่ที่ขอบเขตเท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุให้พอหลวี่เหยียนเก็บเท้ากลับมา ตบะก็ไม่เพียงแต่ไม่ถดถอยแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นว่าขอบเขตสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงด้วย
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!