กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 966

บทที่ 966.2 ทายก่อน

ชายฉกรรจ์เนื้อตัวมอมแมมที่หนวดเคราสีขาวพันกันเป็นปมยุ่ง

เหยิงผู้นั้นเคยเป็น “อาจารย์คําเดียว” ที่ชอบสร้างเรื่องก่อราวมาก่อน ถูกเรียกขานอีกอย่างว่า “ผู้ขโมยอักษรเชี่ยวชาญการเปลี่ยนแปลง

ตําราล้ําค่าหายากทั้งหลายที่ถูกเก็บไว้ในตําหนักเต๋าจวนเซียนโดยที่

ผีไม่รู้เทพไม่เห็น

หากไปทางผิด บน 2) และยังมีชายฉกรรจ์ร่าง หมิง

ภูเขายังมีข้อพิถีพิถัน ทีว่าภิกษุไม่ถามนามนักพรตไม่ถามอายุ จึงมี ภิกษุที่ทําผิดศีลถูกเรียกขานว่า “ภิกษุโหย่วหมิง

ลูกสมุนกลุ่มหนึ่งแบกอาวุธเดินเตร่ไปทั่ว เห็นใครไม่ถูกชะตาก็ป้อน

หมัดให้จนเต็มอิ่ม นอกจากกองกําลังไม่กี่กลุ่มที่มีน้อยนิดซึ่งเขาไม่ กล้าไปมีเรื่องด้วยแล้ว คนอื่นๆ ที่เหลือ หากใช้คํากล่าวของเขา “ก็ คือเศษสวะกลุ่มหนึ่ง ศัตรูที่ทนรับได้ไม่ถึงสามกระบวนท่าด้วยซ้ํา” หากว่าอยู่ที่บ้านเกิด เขาก็แค่ขอบเขตหยกดิบครึ่งๆ กลางๆ คนหนึ่ง เท่านั้น ความคิดแรกหลังจากที่ถูกจับโยนเข้ามาในที่แห่งนี้ก็คือรู้สึก ว่าตนถือว่า “หวังสูงคิดปืนป้าย” ถ้ําแยนเสียตําหนักเจิ้นเยว่แล้ว เรื่อง เดียวที่ พอจะเอามาเล่าสู่กันฟังได้ก็คือเคยไล่ฆ่าจูโหม่วเหรินมาก่อน แต่ปัญหานั้นอยู่ที่ว่าเอาชนะจูโหม่วเหรินที่เป็นบุคคลอันดับที่สิบเอ็ด

มาได้ มีอะไรควรค่าให้คุยโวกันเล่า?

จูโหม่วเหรินแห่งหรูโจว ไม่เคยต่อยตีใครบนภูเขาได้ชนะเลยสัก ครั้ง ล้วนเอาแต่หนีอยู่ตลอดเวลา ก็แค่ว่าจะจงใจหนีให้ช้าหน่อย เท่านั้น

เพราะถึงอย่างไรเมื่อมาอยู่ที่นี่ ฉายาในอดีตคืออะไร สายสืบทอด ภูเขาคืออะไรขอบเขตสมบัติอาคม วิชาอภินิหารใดๆ ล้วนเป็นเพียง

มายาว่างเปล่า

แล้วก็มีคนที่ชอบเก็บรวบรวมสมบัติหนักตระกูลเซียนที่ตกหล่น ไปอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ส่วนใหญ่ล้วนมีขอบเขตไม่ต่ํา เริ่มต้นที่ สมบัติอาคมขึ้นไป อาวุธกึ่งเซียนก็ยังมีถึงสิบกว่าชิ้น

เพียงแต่ว่านอกจากเอามาทําเป็นเครื่องประดับแล้วก็ไม่มี

ความหมายใดอีก เอาออกไปได้หรือ? ถ้าอย่างนั้นจะมีความหมาย อะไรเล่า

อยู่ที่นี่ หากว่าโต้ฝีปากปะทะอารมกับคนอื่นขึ้นมา หรือหลบเลี่ยง ปัญหาแล้ว แต่ก็ยังถูกคนมาหาเรื่อง ก็ได้แต่ต่อสู้กันด้วยมือเปล่า

หรือไม่ก็มานั้น ส่วนใหญ่แล้วใครที่มีคน

มากกว่า คนนั้นก็มีเรี่ยวแรงมากกว่า มือเท้าหนักหน่วงมากกว่า คนที่ พอจะเป็น “ศิลปะการต่อสู้” ที่ในอดีตตนเคยคร้านแม้แต่จะชายตา มองก็มักจะได้เปรียบ มากกว่า ใช่ว่าจะไม่มีคนพยายามศึกษา วิชาการโจมตีวิชาการต่อสู้ หมายจะอาศัยการเดินนิ่งทั้งวันทั้งคืน ตรากตรําฝึกฝน พยายามฝึกให้ได้ ‘วิชาอภินิหาร ที่สามารถบินขึ้น หลังคาเดินไต่ผนังได้ และในความเป็นจริงแล้วก็มีคนมากมายทดลอง

ทํามาก่อน แต่แทบจะไม่มีใครที่ประสบความสําเร็จ คิดอยากจะให้

ได้ผลทันตาเห็นก็ยิ่งเป็นความเพ้อฝัน

แล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่มี “ผู้ฝึกตน” ที่ไม่ถูกกับป๋ายอวี้จิงมาหาเรื่องจาง เฟิงไห่เสียเลย ผลคือใครก็ตามที่กล้าพอจะมาหา “เจ้าลัทธิน้อย” ผู้นี้

กลับต้องตายกันหมด

แม้แต่สตรีงามหยาดเยิ้มที่ละโมบอยากได้ “ความงาม” ของจาง

เพิ่งไปมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวตีนเขา

หลายครั้ง แต่สุดท้ายยอดฝีมือที่มากพอจะ “กระโดดได้เหมือนบิน” ผู้ นี้ก็ยังล้มเลิกความคิดที่จะเดินขึ้นเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

ซือสิงหยวนนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่ง ยิ้มถามว่า “ข้ามักมี

ความรู้สึกว่าเจ้าคือคนคนเดียวที่มีความหวังจะมีชีวิตรอดออกไปจาก

ที่นี่ได้”

จางเพิ่งไห่ไม่ค่อยชอบพูดคุย

ยแล

นางซินเสียแล้ว จึงพูดกับตัวเองต่อไปว่า “ไม่ใช่เพราะสถานะของ เจ้า แต่เป็นเพราะจิตแห่งมหามรรคาของเจ้าที่บางทีอาจจะสอดคล้อง

กับจิตแห่งฟ้าได้มากที่สุด”

ในที่สุดจางเพิ่งไห่ก็เปิดปากพูด “หากข้าไม่มีฝีมือการต่อสู้ติด

กายบ้างเลย ไม่แน่ว่าอาจต้องเจ็บกันทุกวันก็เป็นได้

ซือสิงหยวนได้ยินคําพูดหยาบกระด้างนี้ก็ไม่มีสีหน้าประหลาดใจ อะไร เรื่องนี้นางก็เคยชินมานานแล้วเหมือนกัน บุรุษที่อยู่ข้างกาย

หากไม่เปิดปากพูดเลย ไม่อย่างนั้นบางครั้งที่พูดจาก็มักจะ ตรงไปตรงมาอย่างมากเสมอ

สิบนิ้วของนางสอดผสานกันอ้อมผ่านศีรษะไปด้านหลัง ข้อต่อ นิ้วมือลั่นดังกร๊อบๆ ถามชวนคุยว่า “หากมีวันใดสามารถออกไปได้ จริงๆ เจ้าอยากทําอะไรมากที่สุด ต่อสู้กับอวี่โต้วหรือ?”

ด่านางออกไปว่าปัญญาอ่อนหรือไร

า สุดท้ายก็สะกดกลั้นเอาไว้ได้ไม่

นางหันหน้ามายิ้มถาม “ไหนลองว่ามาสิ”

จางเพิ่งไห่คิดแล้วก็เอ่ยว่า “อาบน้ํา เปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าที่ สะอาดสะอ้านสักชุด ตอนออกไป ทางที่ดีที่สุดคือด้านนอกเป็นหน้า หนาว หาสถานที่เงียบๆ สักแห่งไปขุดหน่อไม้ เพราะเนื้อของหน่อไม้ ฤดูหนาวหนาหนึบกว่าหน่อไม้ฤดูไม้ผลิ หิมะใหญ่ตกคลุมไปทั่วภูเขา ขุดหน่อไม้เอามาก่อไฟต้มกิน หน่อไม้ฤดูหนาวชิ้นใหญ่ๆ กับเนื้อเค็ม ชิ้นใหญ่ๆ ดื่มเหล้าหยางเหมยของบ้านเกิดชามโตๆ กินดื่มอิ่มหนํา เมาหลับพับไป กรนเสียงดังครอกๆ เหมือนเสียงฟ้าผ่า ใครก็อย่ามา ยุ่งกับข้าผู้อาวุโส”

นางกลืนน้ําลาย เช็ดปาก “หากรู้แต่แรกคงไม่ถามแล้ว”

อยู่ดีๆ จางเฟิงไห่ก็โพล่งขึ้นมาว่า “ได้ยินตาเฒ่าเล่าว่า เจ้าอยาก ได้เรือนกายข้าไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว จริงหรือเท็จ”

ซือสิงหยวนกลอกตามองบน “ลงจากภูเขาไปเมื่อไหร่จะไปฉีก ปากเหม็นๆ ของตาแก่นั่นให้เละเลย”

จางเพิ่งไห่พูด “เขาไม่กลัวเสียหน่อย ก่อนที่เจ้าจะมา เขายังถูก คนเอาอียัดเต็มปากจนเล็ดออกทางจมูก เปื้อนเต็มหน้าไปหมด”

ซือสิงหยวนทําท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด

จางเพิ่งไห่สีหน้าเฉยเมย

com

ซือสิงหยวนกล่าว “จางเฟิงไห่ ทําไมเจ้าไม่ตั้งกฎให้กับทุกคน?” จางเพิ่งไห่กล่าว “แล้วยังไงต่อ?”

ซือสิงหยวนเงียบงัน

et

เวลานานวันนี้ก็เหมือนสัตว์ที่ถูกขังอยู่ในกรง

“ผู้ฝึกตน”

เวลานานวันเข้าก็ถูกทรมานจนตายไป มีจํานวนเยอะมาก แต่คนที่ มากกว่านั้นกลับเสียสติไปอย่างสิ้นเชิง

เพราะถ้ําปราบเซียนแห่งนี้ จุดที่น่ากลัวที่สุดของมันนั้นอยู่ที่การ

ปราบเป็น ไม่เป็นผล พอผ่านไปไม่กี่วันก็จะฟื้นคืนชีพ

ขึ้นมาได้เอง อยากตายก็ตายไม่ได้

ดังนั้นในประวัติศาสตร์จึงมีคนเยอะมากที่ทุ่มความคิดสติปัญญา หมายจะยืมมีดฆ่าคน จงใจรนหาที่ตาย หาคนมาฆ่าตัวเองให้ตาย แต่ กระนั้นก็ยังคงไม่ประสบความสําเร็จ ยังฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง

เหมือนเดิม ราวกับว่าในความมืดมิดที่มองไม่เห็นมีเทพเทวดาที่ คอย

มองความคิดจิตใจของพวกเขาอยู่

คนที่อยากตายจริงๆ ไม่ได้ตาย คนที่อยากมีชีวิตรอดกลับไม่แน่ เสมอไปว่าจะอยู่รอดได้

นี่ก็คือถ้ําปราบเซียน ดูเหมือนว่ามันจะเอาศักดิ์ศรีทั้งหมด เอา

‘จิตแห่งมรรคาทั้งหมดของคนคนหนึ่งมาขัดเกลาจนสิ้นซาก

และยังมีโครงกระดูกแห้งเหี่ยวอีกนับไม่ถ้วนที่ตอนมีชีวิตอยู่เคย

เป็นผู้ฝึกตนใหญ่ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือให้ตนที่ละเมิด

มีทั้งเต้ากวานอาวุโส อวี่จิง เ

ข้อห้ามในสิบห้ามณฑลของใต้หล้า

สถานที่ที่ห่างไกลเป็นพันลี้ คนที่มีชีวิตอยู่ ทุกวันนี้น่าจะยังมีอยู่ สามร้อยเจ็ดสิบแปดสิบคน และในบรรดานั้นก็มีคนเกินครึ่งที่ถือว่า

อสินค

เกิดและเติบโตมาจากห

เดิมทีสําหรับผู้ฝึกตนแล้ว พื้นที่เท่านี้ก็คือก้อนเต้าหู้ที่มีขนาด

“แค่ฝ่ามือ เป็นเรื่องของการเดินแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ทว่าทุกวันนี้ทุก คนได้แต่เดินเท้าเปล่า พื้นที่แห่งนี้จึงไม่ถือว่าเล็ก

แล้ว

คนไม่ถึงสี่ร้อยคน กระจายกันอยู่ทั่วสี่ทิศ คิดอยากจะเจอหน้ากัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และก็โชคดีที่ระยะทางยาวไกลพบเจอกันได้ยาก แต่

ละคนยึดครองภูเขาของตัวเองไป ไม่อย่างนั้นถ้ําแยนเสียแห่งนี้จะยัง เหลือคนถึงหนึ่งร้อยคนหรือไม่ก็ยังบอกได้ยาก

ซือสิงหยวนเงยหน้ามองม่านฟ้า ค้อมเอวลงไปหยิบหินก้อนหนึ่ง ขึ้นมาโยนทิ้งไปนอกหน้าผา เอ่ยว่า “อายุขัยการฝึกตนของข้าไม่ มากพอ แค่เคยได้ยินผู้อาวุโสบนภูเขาพูดถึงสองสามประโยค บอกว่า สงครามครั้งนั้นคือศึกสร้างชื่อที่แท้จริงของอวี่โต้ว เพียงแต่ว่าไม่มี ตําราประวัติศาสตร์เล่มใดบันทึกเรื่องนี้เอาไว้ เมื่อก่อนเจ้าอยู่ใน

นครอวี้ซู เคยอ่านเอกสารลับที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่?”

“ไม่เคยอ่านตําราที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาก่อน ตําราทุกเล่มที่เก็บ ไว้ในนครอวี้ซู ข้าอายุไม่ถึงสามสิบก็อ่านครบหมดแล้ว”

บทที่ 966.2 ทายก่อน 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!