กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 970

หันกวงหู่ตีหน้าเคร่งดื่มเหล้าของตัวเองไปเงียบๆ

เฉินผิงอันใช ้สองมือถือชาม ดื่มคารวะทุกคนก่อน

เจี่ยนหมิงวางชามเหล้าลงแล้วก็อดไม่ไหวถามว่า “เฉินผิงอัน เซียนกระบี่ของกาแพงเมืองปราณกระบี่มีเยอะอย่างที่โลกภายนอก เล่าลือกันจริงๆ หรือ?”

“เจียนหมิง ห้ามเรียกชื่อของเจ้าขุนเขาเฉินโดยตรง”

อาจารย์เจิงยิ้มเอ่ยเตือนลูกศิษย์หนึ่งประโยค จากนั้นจึงหันมา ถามเฉินผิงอันว่า “ทุกวันนี้อาจารย์เฉินมีนามหรือฉายาทางการฝึก ตนเป็ นของตัวเองหรือไม่?”

เฉินผิงอันไม่เห็นเป็ นสาคัญ ส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “ไม่ได้มีอะไรพวกนี้ มีแค่นามแฝงที่ใช ้ท่องยุทธภพอยู่สองสามชื่อ อย่าไปพูดถึงเลยดีกว่า ไม่เป็ นไรหรอก พวกเจ้าเรียกชื่อข้าตรงๆก็ได้”

อยู่ที่บ้านเกิด ตอนที่อายุยังน้อย ดูเหมือนว่าจะถูกใครสักคน เรียกชื่อนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ที่กาแพงเมืองปราณกระบี่ต่างบ้านต่างเมืองที่ถูกบีบให้อยู่ ยาวนานที่สุดจนค่อยๆกลายมาเป็ นเหมือนบ้านเกิดครึ่งหนึ่ง นอกจาก

คฤหาสน์หลบร ้อนแล้ว อันที่จริงตอนอยู่ร ้านเหล้าก็มักจะถูกคน เรียกชื่อตรงๆ เป็ นประจา

พวกลูกค้าและพวกผีพนันหน้าม้าร ้านเหล้าต่างก็ทากันแบบนี้ หากไม่เรียกเฉินผิงอันตรงๆ ก็จะเรียกอย่างหยอกล้อว่าเถ้าแก่รอง

ชุยตงซานพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ทางฝั่งของกาแพงเมือง ปราณกระบี่ หากจะพูดถึงจานวนของผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตบน อันที่ จริงไม่ได้มากมายเกินจริงอย่างที่โลกภายนอกเล่าลือกัน แต่หากอิง ตามกฎของทางฝั่งใต้หล้าไพศาล สองขอบเขตอย่างโอสถทอง ก่อกาเนิดที่ถือเป็ น “เซียนกระบี่” ได้แล้วก็มีไม่น้อยเลยจริงๆ แต่ว่า หากมองกาแพงเมืองปราณกระบี่เป็ นสานักวิถีกระบี่แห่งหนึ่ง ตั้ง ตระหง่านอยู่มาได้นานเป็ นหมื่นปี สมมติว่าผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตบน ทุกคนสามารถแขวนภาพเหมือนไว้ในศาลบรรพชนได้ ถ้าอย่างนั้น ศาลบรรพชนก็ต้องใหญ่มากถึงจะได้ ต้องเป็ นเรือนหลังยักษ์ที่มี กาแพงสูงหลังหนึ่ง”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับเบาๆ

คากล่าวนี้ของชุยตงซาน อันที่จริงไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย

เจี่ยนหมิงเอ่ยว่า “วันหน้าจะต้องไปเยี่ยมชมนครบินทะยานของ ใต้หล้าห้าสีสักหน่อยแล้ว”

เฉินผิงอันยิ้มพูด “ตั้งใจฝึกตนให้ดีต้องมีโอกาสแน่นอน”

เจี่ยนหมิงอดไม่ไหวเอ่ยว่า “เฉินผิงอัน หากจ าไม่ผิด พวกเรา อายุพอๆ กัน แต่ท าไมฟังจากน้าเสียงของเจ้าแล้วเหมือนเป็ นผู้อาวุโส ของข้าอย่างไรอย่างนั้น”

เฉินผิงอันเอ่ยสัพยอก “ดูท่าความเคยชินที่ชอบวางตัวเป็ นครูสั่ง สอนผู้อื่นนี้คงจะไม่ค่อยดีเท่าไร ต้องแก้ไขสักหน่อยแล้ว”

เจี่ยนหมิงยิ้มกว้าง “ได้ยินมาว่าความสัมพันธ ์ระหว่างเจ้ากับ ฮ่องเต้หญิงต้าเฉวียนดีมากเลยหรือ?”

คราวก่อนแฝงตัวเข้าไปในนครเซิ่นจิ่ง เจี่ยนหมิงขโมย “หมิง เฉวียน” มา แต่ไม่ได้เจอกับฮ่องเต้ที่รูปโฉมงามล่มบ้านล่มเมืองผู้นั้น เขารู ้สึกเสียดายอย่างมาก

เฉินผิงอันเอ่ยอย่างอ่อนใจ “ข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ ที่กระพือกัน ออกไปเป็ นวงกว้างพวกนั้น ฟังแล้วปล่อยผ่านไปก็พอ”

ชุยตงซานพยักหน้ารัวๆ เป็ นไก่จิกเมล็ดข้าวเปลือก “ใครคิดเป็ น จริงเป็ นจังคนนั้นก็คือคนโง่”

ฉินปู้ อี๋ถามอย่างโผงผาง “อาจารย์เฉิน เคยได้ยินสายเซียนกระบี่ แห่งซีซานหนึ่งในสามสายของผู้ล้างมลทินหรือไม่?”

เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “น่าละอายใจนัก เพิ่งได้ยินลูกศิษย์พูดถึง ก่อน หน้านั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”

ฉินปู้ อี๋มองบุรุษชุดเขียวที่มีท่าทางสุภาพอ่อนโยน ยากจะ จินตนาการได้ว่าก่อนหน้านี้คนผู้นี้ใช ้วิธีการต่าช ้าต่อยให้เฉาสือต้อ งออกไปจากศาลบุ๋นด้วยใบหน้าเขียวช้าบวมเป่ง

เฉินผิงอันแห่งแจกันสมบัติทวีปไร ้ชื่อเสียงมาโดยตลอด ทว่าอื่น กวานคนสุดท้ายแห่งกาแพงเมืองปราณกระบี่กลับมีชื่อเสียงสะท้านไป ทั่วใต้หล้า

ไม่ใช่ดอกไม้บานในกาแพงส่งกลิ่นหอมไปนอกกาแพงอะไรด้วย ซ้า แต่เป็ นดอกไม้ที่บานนอกก าแพงโดยแท้

ดังนั้นความสัมพันธ ์ระหว่างราชวงศ์ต้าหลีแจกันสมบัติทวีปกับ ภูเขาลั่วพั่วและเฉินผิงอันเอง หลายปีมานี้ทาให้คนนอกขบคิดไม่แตก มาโดยตลอด รู ้สึกเหมือนมองดอกไม้ในม่านหมอก

ฉินปู้ อี๋ยังคงเป็ นคนทาอะไรฉับไวที่ปากเร็วใจเร็ว นางไม่ปิดบัง รากฐานของตัวเองแม้แต่น้อย โพล่งออกมาตามตรงว่า “หลิวเถาจือ ศิษย์พี่ของข้าคือผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหรินคนหนึ่ง เขาเองก็เป็ น ผีเซียนเหมือนข้ากับซงจือ เขาหวังว่าอาจารย์เฉินจะสามารถมารับ หน้าที่เป็ นเค่อชิงอันดับหนึ่งของสายเซียนกระบี่ซีซาน หากอาจารย์ เฉินยินดีรับหน้าที่เป็ นไท่ช่างเค่อชิงในศาลรวม แน่นอนว่าย่อมดียิ่ง กว่า ข้ากับศิษย์พี่หลิวจะพยายามกระตุ้นเรื่องนี้ให้ส าเร็จกันอย่าง เต็มที่”

“สามสายของผู้ล้างมลทินแบ่งออกเป็ นผู้ฝึ กตนอิสระ แม่ทัพปู่ และมือกระบี่ จานวนล้วนไม่มาก แต่กระจายอยู่ทั่วเก้าทวีปของ ไพศาล ส่วนที่อยู่ในใต้หล้าแห่งอื่นล้วนเป็ นนักรบพลีชีพ”

อาจารย์เจิงหันหน้าไปมองหิมะใหญ่ที่ปลิวว่อนอยู่นอกห้อง พูด กลั้วหัวเราะเสียงเบาว่า “การถูกใส่ร ้ายต้องได้รับการช าระล้าง” (ภาษาจีนคือ 沉冤得雪 มีคาว่าเซวี่ยที่แปลว่าหิมะ)

ชุยตงซานอดกลั้นอยู่นาน รอกระทั่งคนเชื่อดาบผู้นี้เอ่ยขึ้นมา ใน ที่สุดเขาก็มีโอกาสได้เปิ ดปาก “เข้ากับสถานการณ์ เข้ากับ สถานการณ์”

เฉินผิงอันถาม “ผู้อาวุโสรู้หรือไม่ว่าศีรษะของอดีตฮ่องเต้ ราชวงศ์สกุลอวี๋ ใครเป็ นคนตัดเอาไป?”

ฉินปู้ อี๋ตอบด้วยสีหน้าเฉยเมย “เป็ นฝีมือศิษย์น้องหญิงของข้า เอง”

ชุยตงซานชูแขนขึ้นสูงหมายจะตบลงบนโต๊ะแรงๆ พวกเจ้าไม่จบ ไม่สิ้นกันสักทีหรือ หันว่านจ่านมาขุดมุมกาแพงหมายดึงตัวศิษย์พี่ หญิงใหญ่ของข้าไป แม่นางฉินเจ้ากลับดีนัก ถึงกับจะขุดเอาอาจารย์ ของข้าไปโดยตรงเลยหรือ?! เพียงแต่ว่าเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของ อาจารย์ ชุยตงซานที่ตั้งท่าเต็มที่กลับทาเพียงแค่ลูบโต๊ะเบาๆ เอ่ยว่า “ฉินเซียนซือ เลิกโน้มน้าวได้แล้ว อาจารย์ของข้าไม่มีทางตอบตกลง

หรอก เรื่องราวมีมากมาย ชื่อเสียงจอมปลอม ที่ถือเป็ นของนอกกาย พวกนี้ไม่ต้องการก็ไม่เห็นเป็ นไร”

ฉินปู้ อี๋ยิ้มกล่าว “อาจารย์เฉินค่อยๆ พิจารณาดูได้ ไม่ต้องรีบ ร ้อน ข้ากับศิษย์พี่จางก็จะค่อยๆ รอฟังข่าวไปแล้วกัน”

ชุยตงซานพูดขัดขึ้นมาอีก เขาหันหน้าไปมองชายฉกรรจ์ที่เงียบ เป็ นน้าเต้าตัน “สหายซงจือ เจ้าสนิทกับเจ้าคนที่ชื่อจริงคือจางจื๋อผู้ นั้นหรือไม่?”

ซงจือส่ายหน้า “ไม่สนิท จางจื๋อลงจากภูเขาไปเร็ว ในอดีตตอน อยู่ในภูเขาก็แค่เคยเจอหน้ากัน จ าได้ไม่แจ่มชัดนัก”

“ล าดับอาวุโสในศาลบรรพชนนับกันอย่างไร?”

“เขาเรียกข้าว่าอาจารย์ลุง”

บทที่ 970.3 ลมหิมะที่คุ้นเคย 1

บทที่ 970.3 ลมหิมะที่คุ้นเคย 2

บทที่ 970.3 ลมหิมะที่คุ้นเคย 3

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!