อาจารย์เจิงต้องการเดินทางขึ้นเหนือไปเพียงลาพัง ดุจนก กระเรียนป่ าที่โบยบินอย่างเดียวดาย เขาเคยชินกับการที่มีสี่สมุทร เป็ นบ้านเสียแล้ว
ส่วนเจี่ยนหมิงก็จะต้องให้หันกวงหุ่น าดาบอาคม ‘หมิงเฉวียน” ที่ เขาขโมยมาจากมือของเหยาหลิ่งจือไปมอบให้กับฮ่องเต้สกุลเหยาต้า เฉวียน ส่วนจะจัดการกับอาวุธเทพที่ราชวงศ์ก่อนน ามาใช ้สยบ การาบโชคชะตาแคว้นเล่มนี้อย่างไร ก็เป็ นเรื่องของฮ่องเต้หญิงเหยา จิ้นจือแล้ว
ส่วนหันกวงหู่นั้นจะต้องพาเจี่ยนหมิงกลับไปที่นครเซิ่นจิ่งด้วยกัน เมื่อครู่ตอนที่อยู่บนโต๊ะเหล้าผู้เฒ่าก็ตัดสินใจแล้ว อาศัยการพูดคุย อย่างลับๆ ตอบตกลงกับอาจารย์เจิง รับปากว่าตนจะไปรับต าแหน่ง หนึ่งอยู่ในราชสานักต้าเฉวียน ทุ่มเทกาลังอย่างเต็มที่เพื่อให้การ ช่วยเหลือเหยาจิ้นจือ อย่างน้อยที่สุดก็จะอยู่นานสามสิบปี เมื่อเป็ น เช่นนี้ ราชวงศ์ต้าเฉวียนที่ตลอดหลายปีมานี้ขาดแคลนคนที่มีพลัง การสู้รบบนยอดเขาคนหนึ่งมานั่งพิทักษ์ขุนเขาสายน้าก็เท่ากับว่ามีผู้ ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางคนหนึ่งเพิ่มมาเปล่าๆ แล้วนับประสาอะไร กับที่แม้ว่าทุกวันนี้หันกวงหู่จะไม่ได้อยู่ในสภาวะที่พรั่งพร ้อมสูงสุด แต่ ชื่อเสียงของคนเงาของต้นไม้ ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งที่หมัดเคยสยบเกราะ
ทองทวีปมานานถึงร ้อยปี ส าหรับใบถงทวีปในทุกวันนี้แล้วก็คือการ ข่มขวัญที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง และสาหรับสกุลเหยาต้าเฉวียนเองแล้วก็ ยิ่งสมกับคากล่าวที่ว่า “ปีใหม่มหามงคล
ฉินปู้ อี๋กับผังเชาไม่จ าเป็ นต้องให้ชุยตงซานช่วยน าทางก็ทะยาน ลมไปที่ยอดเขามีเซวี่ยด้วยตัวเอง จากนั้นก็ไปอยู่ในสานักกระบี่ชิงผิง ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วค่อยติดตามชุยตงซานเดินทางไปเยือนล า คลองหลินเหอที่ตั้งอยู่ภาคกลางของใบถงทวีปรอบหนึ่ง
ซ่งอวี่เซาติดตามหันกวงหู่ที่แค่เจอหน้าก็ถูกชะตากันทันที เดินทางลงใต้ไปด้วยกัน คิดว่าจะไปดูนครเซิ่นจิ่งที่ได้ยินชื่อเสียงมา เนิ่นนานแห่งนั้นสักหน่อย ต่อจากนั้นจะรอเรือเฟิงยวนอยู่ที่ท่าเรือใบ ท้อ แล้วก็จะติดตามเรือข้ามฝากมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือชวีซานทางทิศใต้ ของใบถงทวีปก่อนแล้วค่อยเดินทางข้ามมหาสมุทรขึ้นเหนือไปยัง แจกันสมบัติทวีป ผู้เฒ่าจะลงเรือที่นครมังกรเฒ่า เดินทางผ่านอาณา เขตของครึ่งทวีป ค่อยๆ กลับไปยังแคว้นซูสุ่ยอย่างเรื่องช ้า
เฉินผิงอันอยากจะไปส่งซ่งอวี่เซาถึงที่หน้าประตูเมือง ผู้เฒ่ากลับ โบกมือบอกเป็ นนัยว่าไม่ต้อง ดังนั้นเฉินผิงอันจึงแค่มาส่งที่ถนนหน้า ประตูเรือนเท่านั้น
หันกวงหู่หยุดเดิน เอ่ยว่า “ครั้งหน้าที่ปรมาจารย์เฉินไปเยือนนคร เซิ่นจิ่ง ค่อยชดเชยการประลองในวันนี้ที่ติดค้างไว้ก็แล้วกัน”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “กดขอบเขตถามหมัด ผู้เยาว์ถนัดมาก”
หันกวงหู่สะอึกอึ้ง คนหนุ่มพูดจาไม่น่าฟังเอาเสียเลย
เจี่ยนหมิงที่ยังคงเหน็บดาบแคบไว้ใต้รักแร ้ ยักคิ้วหลิ่วตาเอ่ย สัพยอกว่า “เฉินผิงอันครั้งนี้ข้ากับตาเฒ่าหันไปที่ต้าเฉวียนด้วยกัน จะต้องได้เจอใครบางคนแน่ เจ้ามีคาพูดอะไรที่อยากฝากข้าไปบอก หรือไม่?”
เฉินผิงอันตีหน้าเคร่งวางมาดของผู้อาวุโส “ไอ้หนู พฤติกรรม ยามดื่มเหล้าของเจ้าแย่ไปสักหน่อย วันหน้าจ าไว้ว่าอยู่บนโต๊ะสุราหัด ดื่มเหล้าให้มาก พูดให้น้อย”
เจี่ยนหมิงอึ้งค้างพูดไม่ออก อาจารย์เจิงยิ้มเอ่ยเตือนลูกศิษย์ “ผู้สูงศักดิ์ไม่เอ่ยวาจาง่ายๆ จา ไว้ให้ดี”
กลุ่มของซ่งอวี่เซาสามคนเดินย่าไปบนถนนที่มีหิมะกองทับหนา หนักจากไปไกลอย่างเชื่องช ้า
เจี่ยนหมิงพลันหมุนตัวกลับ เดินถอยหลัง มองไปยังอาจารย์เจิงที่ สวมชุดผ้าฝ้ ายสีเขียว ตะโกนเสียงดังว่า “อาจารย์ถนอมตัวด้วย!”
อาจารย์เจิงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ต่างก็ถนอมตัวกันให้ดี”
ชุยตงซานนั่งยองอยู่บนขั้นบันไดปั้นลูกหิมะ อาจารย์เจิงยืนเคียง บ่ากับเฉินผิงอัน เอ่ยว่า “อาจารย์เฉิน ในอดีตตอนที่พบเจอกันครั้ง แรก ล่วงเกินแล้ว หวังว่าผู้ใหญ่จะไม่ถือสาผู้น้อย”
ก่อนหน้านี้ที่สตรีชุดขาวปรากฏตัวบนหัวก าแพงเมือง ได้เรียก เฉินผิงอันว่านายท่านต่อให้นางจะพลิกกลับแม่น้าแห่งกาลเวลา ตามใจชอบแค่ไหน หลังจบเรื่องแม้แต่ผีเซียนสองตนอย่างฉินปู้ อี๋และ ผังเชาก็ยังมิอาจสัมผัสได้ถึงเรื่องนี้ แต่อาจารย์เจิงออกเดินทางท่อง ไปทั่วใต้หล้ามานานหลายพันปี และยังเคยเจอคลื่นมรสุมใหญ่ยักษ์ มาไม่น้อย เพียงแต่ว่าฝีมือเช่นนี้ อาจารย์เจิงเพิ่งเคยเห็นเป็ นครั้งแรก จริงๆ ถือว่าได้เปิดโลกทัศน์แล้ว ส่วนการพึ่งพาอยู่ใต้ชายคาผู้อื่น ต้องก้มหัวพูดจาอ่อนน้อม เขากลับไม่รู ้สึกอัดอั้นใดๆ
เฉินผิงอันกุมหมัดคารวะ “อาจารย์เจิงกล่าวหนักเกินไปแล้ว พบ เจอกันอย่างผิวเผินไม่เคยผูกปมแค้นกัน กลับมาพบเจอกันในยุทธ ภพอีกครั้งยังได้มานั่งดื่มเหล้าร่วมโต๊ะกัน พูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย ก็คือการสร ้างบุญสัมพันธ ์อย่างหนึ่ง แล้วนับประสาอะไรกับที่นิสัยใจ คอของเจี่ยนหมิงก็ไม่เลว ก็เหมือนอย่างที่อาจารย์เจิงพูดเอง ใบไม้ ร่วงหนึ่งใบก็รู ้ว่าฤดูใบไม้ร่วงมาถึงแล้ว”
อาจารย์เจิงยิ้มชอบใจ กุมหมัดคารวะกลับคืน
เฉินผิงอันกล่าว “อาจารย์เจิง โปรดอภัยที่ไม่ได้ไปส่งไกลๆ ใน อนาคตหากมีโอกาสก็ไปเป็ นแขกที่ภูเขาลั่วพั่ว วันหน้าข้าจะอยู่ที่ บ้านเกิดมากหน่อย ทางฝั่งของสานักกระบี่ชิงผิงแห่งนี้มีชุยตงซาน เป็ นผู้จัดการดูแล ข้าเองก็วางใจแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่เขา ต่างหากถึงจะเป็ นเจ้าสานัก ข้าก็ไม่ถือว่าเป็ นเถ้าแก่ที่สะบัดมือทิ้ง ร ้าน”
อาจารย์เจิงยิ้มกล่าว “ไม่จาเป็ นต้องไปส่ง เดินทางท่ามกลางลม หิมะเพียงล าพังก็มีท่วงทานองที่เป็ นเอกลักษณ์ดี”
ชุยตงซานใช ้สองมือถือประคองลูกหิมะลูกนั้น พูดด้วยสายตา ฉายแววไม่พอใจว่า “ไยอาจารย์ต้องสาดหิมะใหญ่ลงบนหัวใจของ ศิษย์ด้วย ช่างท าให้ใจคนเหน็บหนาวเหลือเกิน”
อาจารย์เจิงยิ้ม “ระหว่างเส้นทางได้ยินบทประพันธ ์ดังเข้าเต็มหู แน่นอนว่าเป็ นเรื่องที่ถือว่าไม่ง่ายเลย แต่คนคนหนึ่งขอแค่ชื่อเสียง โด่งดังไปทั่วใต้หล้า ส่วนใหญ่ก็มักจะมาพร ้อมกับการถูกคนว่าร ้าย น้อยนักที่จะมีข้อยกเว้น”
เฉินผิงอันกล่าว “สร ้างกุศลท าความดีให้ถึงพร ้อม ไม่หวังให้ใคร มารับรู ้ไม่ทาบาปทั้งปวง ไม่กลัวคนจะล่วงรู ้”
อาจารย์เจิงพยักหน้า “อาจารย์เฉินอยู่บนเส้นทางของการฝึกตน แล้ว”
เฉินผิงอันหันหน้ามากุมหมัดคลี่ยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นผู้เยาว์กับผู้ อาวุโสก็เห็นพ้องต้องกันแล้ว”
อาจารย์เจิงใช ้ฝ่ ามือดันด้ามดาบและฝักกระบี่ “เพราะสถานะที่ เป็ น จึงจ าต้องหลบซ่อน ทาให้อาจารย์เฉินเห็นเรื่องตลกแล้ว”
เฉินผิงอันส่ายหน้ากล่าว “ในยุทธภพไม่ได้มีแค่มือกระบี่ แต่มือ กระบี่ต้องเป็ นคนในยุทธภพแน่นอน”
อาจารย์เจิงยิ้มเอ่ย “คาพูดนี้ถือเป็ นสุดยอดถ้อยคาในการดื่มสุรา อวยพรได้เลยทีเดียว”
หลังแยกกับคนเชื่อดาบสานักโม่ที่เคยเป็ นคนขนย้ายไม้ท่านนี้ แล้ว เฉินผิงอันก็ถูกชุยตงซานดึงไปในห้องแห่งหนึ่ง บอกว่าเฉียนโหว เอ๋อร ์ค่อนข้างน่าสนใจ จะต้องไปเจอให้ได้
ในห้องมีกระถางไฟขนาดเล็กอยู่หนึ่งใบ ชายฉกรรจ์ร่างผอมแห้ง ก าลังถูมือหาความอบอุ่น อ้าปากหาวหวอด รู ้สึกง่วงเล็กน้อย แต่ก็ รู ้สึกอีกว่าเรื่องราวที่พบเจอในวันนี้มีเยอะเกินไป ประหลาดเกินไป จึง ตัดใจรีบนอนไม่ลง
เฉียนโหวเอ๋อร ์ได้ยินเสียงเคาะประตูดังสนั่นฟ้ าดินก็รีบลุกขึ้นวิ่ง ไปเปิ ดประตู พบว่าตรงหน้าประตูนอกจากอาจารย์ชุยที่พูดจา น่าสนใจแล้ว ยังมีคนชุดเขียวที่เกือบจะตีกับคนอื่นอยู่ด้วย
ในช่วงเวลาที่เฉียนโหวเอ๋อร ์ก าลังคิดหาค าพูดเหมาะๆ อีกฝ่ ายก็ คลี่ยิ้มอย่างจริงใจเป็ นฝ่ายเปิดปากพูดก่อนแล้วว่า “รบกวนแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!