กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 975

ป๋ ายอวี้จิง จุดที่สูงที่สุด

นักพรตหนุ่มที่บนศีรษะสวมกวานดอกบัวฟุบตัวอยู่บนราวรั้ว ยิ้ม ตาหยี ถึงอย่างไรอยู่ว่างๆ ก็ไม่มีอะไรท าอยู่แล้ว ไม่สู้มองใต้หล้าอยู่ใน มุมสงบ เมื่อปรากฏอยู่ในสายตาของพี่สาวน้องสาวในห้านครสิบสอง หอเรือนด้านล่าง จะดีจะชั่วก็ยังพอมีกลิ่นอายเซียนอยู่บ้าง

ลู่เฉินมองไปยังตาหนักในนครสูงแห่งหนึ่ง ในนั้นมีคนผู้หนึ่งที่ เพิ่งรับโองการจากเจ้าลัทธิฉบับหนึ่งไป จึงออกเดินทาง ถือโองการ ทะยานลมมาเข้าพบลู่เฉินบนหอซ่างชิงแห่งนี้ มีเซียนจวินสัมผัสได้ถึง ร่องรอยการ “บินทะยาน” ของคนผู้นี้อย่างเฉียบไวแล้ว ก็อดรู ้สึก อิจฉาคนผู้นี้ไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรการที่ได้ขึ้นไปบนหอซ่างชิงแล้ว หลุบตาลงมองห้านครสิบสองหอเรือนก็ถือเป็ นเกียรติอย่างหนึ่ง แสดง ให้รู ้ว่าได้เข้าตาท่านเจ้าลัทธิแล้ว มีความหวังบนมหามรรคาแล้ว ลู่ เฉินกวักมือไปทางเงาร่างสีเขียวนั้น ยิ้มเอ่ยว่า “เทียนจวินน้อยหยาง ทางนี้ ทางนี้”

นักพรตหนุ่มพลิ้วกายลงบนพื้นเบาๆ ยืนอยู่กลางระเบียงอย่าง นอบน้อม ก้มหัวคารวะลู่เฉินตามขนบลัทธิเต๋า “หยางหนิงซิ่งแห่ง นครหลิงเป่าคารวะเจ้าลัทธิลู่”

ลู่เฉินยิ้มตาหยี โบกมือเอ่ย “ไม่ต้องมากพิธี ไม่ต้องมากพิธี บอก กี่รอบแล้วว่าเรียกข้าว่าอาจารย์อาก็พอ ในเมื่อเจ้ากับเฉินผิงอันคือ สหายรักที่เรียกขานกันเป็ นพี่เป็ นน้อง ถ้าอย่างนั้นก็คือสหายสนิท ของข้าด้วย ที่นี่ไม่มีคนนอก จะเกรงใจให้ใครดูกัน ใช่หลักการข้อนี้ หรือไม่?”

หยางหนิงซิ่งผู้นี้มาจากตาหนักนภากาศหน่วยฉงเสวียน อาศัย การเดินทางผ่านใต้หล้าห้าสีมายังใต้หล้ามืดสลัว ผลคือได้เดินขึ้นฟ้ า ในก้าวเดียว เพิ่งจะเข้ามาอยู่ในป๋ ายอวี้จิงก็กลายมาเป็ นลูกศิษย์ที่ ได้รับการบันทึกชื่อของศิษย์พี่อวี๋แล้ว อีกทั้งนครหลิงเป่ายังเป็ นพื้นที่ พิสูจน์มรรคาของศิษย์พี่อวี๋ด้วย ดังนั้นทุกวันนี้หยางหนิงซิ่งจึงฝึกตน อยู่ในนครหลิงเป่ าอายุน้อยๆ ทว่าล าดับอาวุโสกลับสูงจนสูงไป มากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

หยางหนิงซิ่งยังคงก้มหัว “มิกล้า”

ลู่เฉินตีหน้าเคร่งพูดสั่งสอน “ศิษย์หลานอย่าได้ทาเช่นนี้ แบบนี้ จะน่าเบื่อมาก ยังคงเป็ นบัณฑิตชุดดาที่วางแผนเล่นงานเฉินผิงอัน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่น่ารักมากกว่า”

หยางหนิงซิ่งเงยหน้าขึ้น ลังเลเล็กน้อยก็เอ่ยว่า “ไม่ทราบว่าวันนี้ เจ้าลัทธิลู่เรียกผู้เยาว์มาพบเพราะเหตุใด?”

ลู่เฉินยิ้มกล่าว “ไม่มีเรื่องเป็ นการเป็ นงานอะไรอย่างที่เจ้าคิด หรอก แค่อยากจะพาเจ้ามาชมทัศนียภาพด้วยกัน พยายามทาหน้าที่ ของอาจารย์อาอย่างสุดความสามารถ”

แม้ว่าหยางหนิงซิ่งจะมึนงงสงสัย แต่กลับไม่กล้าถามอะไรให้มาก ความ

ลู่เฉินยื่นสองนิ้วออกมาประกบกัน ดีดไปที่หว่างคิ้วของหยางหนิง ซิ่งหนึ่งที ทันใดนั้นดวงตาของฝ่ ายหลังก็กลายเป็ นสีทอง หยางหนิง ซิ่งรู ้สึกเพียงว่าเวียนหัวตาลาย ต่อให้พยายามข่มกลั้นริ้วกระเพื่อม ของจิตแห่งมหามรรคาและแรงสั่นสะเทือนในฟ้ าดินเล็กร่างกายมนุษย์ ลงไปอย่างสุดความสามารถ แต่กระนั้นศีรษะก็ยังเหวี่ยงสะบัดเบาๆ ยื่นนิ้วมากุมขมับ อีกมือหนึ่งยันราวรั้ว กว่าจะทาให้ร่างกายมั่นคงได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ลู่เฉินยิ้มเอ่ย “ไม่ต้องตื่นเต้น ช่วยให้เจ้าได้เปิดเนตร สวรรค์ชั่วคราว สามารถยืมความสามารถในการมองเห็นของป๋ ายอวี้ จิงมาเล็กน้อย ข้ามองเห็นอะไร เจ้าก็จะมองเห็นสิ่งนั้นด้วย”

เป็ นอย่างที่เจ้าลัทธิลู่บอกจริง หยางหนิงซิ่งค้นพบว่าสิ่งที่ตัวเอง มองเห็นในเวลานี้ก็คือ “หยางหนิงซิ่ง

ลู่เฉินหมุนตัวกลับไปมองยังหอเรือนสูงแห่งหนึ่ง อยู่ในป๋ ายอวี้จิง มันมีคาเรียกขานที่ไพเราะว่า “ขอบฟ้ าพิงก้อนเมฆท้อมรกต” นกหล วนเขียวกลุ่มหนึ่งสยายปีกโบยบินอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก อารามเต๋ อยู่ในป่า ใบหน้าดุจสีมรกต

ลู่เฉินอยากจะชมทัศนียภาพของใต้หล้าก็เรียบง่ายอย่างถึงที่สุด อาศัยขอบเขตของตัวเองและข้อได้เปรียบด้านชัยภูมิจากการนั่ง บัญชาการณ์ป๋ ายอวี้จิงก็มากพอจะเห็นทั้งบุคคลและทิวทัศน์ทั้งหลาย ในใต้หล้าอยู่ในสายตาทั้งหมดแล้ว ถึงขั้นที่ว่าเส้นสายทุกอย่างล้วน แจ่มชัดเหมือนอยู่ประชิดตรงหน้า แต่หากจะหาใครสักคน หาร่องรอย ของอีกฝ่ ายได้อย่างแม่นยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็ นผู้บรรลุมรรคา ที่เชี่ยวชาญการอาพรางชะตาฟ้ า ไม่ถึงขั้นที่ว่าต้องงมเข็มใน มหาสมุทรหรือเปลืองแรงเปล่าอะไร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช ้ เรี่ยวแรงมหาศาล และลู่เฉินก็ขึ้นชื่อว่าเป็ นคนขี้เกียจ อีกอย่างในป๋ า ยอวี้จิงก็มีหอหย่างกวานที่รับผิดชอบคอยเฝ้ ามองความเคลื่อนไหว ของผู้ฝึกตนบนยอดเขาในใต้หล้าโดยเฉพาะ เพียงแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี ข้อบกพร่องเสียเลย เวทอาพรางตาในใต้หล้านี้มีมากมายนับไม่ถ้วน ลี้ลับมหัศจรรย์ยิ่ง

ลู่เฉินไปเยือนถ้าสวรรค์หลีจูมาก่อนรอบหนึ่ง ตั้งแผงดูดวงอยู่ใน เมืองเล็กมาสิบกว่าปี ก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่งไปเยือนกาแพงเมือง ปราณกระบี่และใต้หล้าเปลี่ยวร ้างมา ดูเหมือนว่าแค่งีบหลับไป บวก กับกะพริบตาอีกหนึ่งที ใต้หล้ามืดสลัวก็ยิ่งกลายเป็ นว่าข้าวของยังคง อยู่แต่คนกลับเปลี่ยนไปแล้ว

ภายหลังหยางหนิงซิ่งก็ “ติดตาม” ไปพร ้อมกับสายตาการมอง ของลู่เฉิน รวดเร็วราวลูกธนูแล่น มองลอดทะลุทะเลเมฆแต่ละชั้น ประหนึ่งนกที่โผบินหลุบตามองพื้นดิน เห็นเค้าโครงของอาณาเขต

ในหนึ่งทวีป จากนั้นก็เป็ นเทือกเขาสายน้าที่ทอดยาวคดเคี้ยวเหมือน มังกรขดตัว ตามมาด้วยนครยิ่งใหญ่โอฬารที่มีกลิ่นอายมังกรเข้มข้น แห่งหนึ่ง สุดท้ายจึงเป็ นอารามชิงอู๋ที่สร ้างขึ้นตามคาสั่งของเชื้อพระ วงศ์…

“ใต้หล้า ปิงโจว ราชวงศ์ชิงเสิน อารามชิงอู๋ ใต้หล้าเริ่มเล็กคน เริ่มใหญ่ขึ้น”

เส้นสายตาของลู่เฉินขยับไปด้านข้างเล็กน้อย ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เด็กหนุ่มอู่หลิงกลุ่มนั้นก็อยู่ที่นี่ ถ้าเมล็ดพันธ ์เต๋าพื้นที่ประกอบ พิธีกรรมหยกทอง วันหน้าเจ้าออกไปท่องเที่ยวจะต้องไปเยือนสถานที่ แห่งนี้ให้จงได้ หวังหยวนลู่โจรขโมยข้าว ผู้ฝึกยุทธชีกู่ ต่างก็มาจาก ที่นี่ แต่เหยาชิงเสนาบดีรูปงามทุกวันนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ไปช่วย ปกป้ องมรรคาให้กับคู่รักเทพเซียนอย่างเจาเกอและสวีเจวี้ยนแล้ว และราชวงศ์ชิงเสินก็มีสถานที่ที่สร ้างวัดอยู่น้อยมาก ในบรรดานั้นมี ภิกษุจื่ออีที่เวทกระบี่ร ้ายกาจมากซ่อนตัวอยู่ หรือก็คือเจียงซิวที่ ชื่อเสียงโด่งดังมากคนนั้นนั่นแหละ เวทกระบี่ของเจียงซิวสูงมากจน สามารถงัดข้อกับอาจารย์ของเจ้าได้เลย ครั้งนี้เจียงซิวเผยกายถือ เป็ นการคล้อยไปตามโชคชะตาและสถานการณ์ คงเพราะต้องการจะ ทวงความเป็ นธรรมให้กับพระธรรมมาจากป๋ ายอวี้จิงของพวกเรา กระมัง”

“นี่ก็คือยาซานของราชวงศ์ชื่อจินแห่งมณฑลหรู่โจวแล้ว”

“แล้วก็เพราะว่าราชวงศ์ชื่อจินแห่งนี้มี “หลินซือ” มียาซาน โชคชะตาบู๊จึงโชติช่วง เป็ นหนึ่งในใต้หล้า หลินเจียงเซียนมาเป็ น แขกที่ใต้หล้ามืดสลัวของพวกเรา ก็ไม่รู ้ว่าต้องการอะไรกันแน่”

ฟังมาถึงตรงนี้ หยางหนิงซิ่งก็ถามอย่างใคร่รู ้ว่า “เจ้าลัทธิลู่ หลิน ซือท่านนี้ใช่ผู้ฝึกลมปราณคนหนึ่งหรือไม่?”

หลังจากมาถึงใต้หล้ามืดสลัว ต่อให้จะเป็ นนครหลิงเป่ าที่ ภาคภูมิใจในอารามเต๋าของตัวเองอย่างมาก แต่ขอแค่พูดถึงหลิน เจียงเซียนก็ยังให้ความเคารพเป็ นอย่างยิ่ง

ลู่เฉินยิ้มเอ่ย “พูดถึงแค่ชาตินี้ หลินเจียงเซียนไม่ใช่ผู้ฝึ ก ลมปราณ แล้วก็ยิ่งไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ แต่กลับเป็ น…..มือกระบี่คนหนึ่ง?”

“การที่นักพรตซุนแห่งอารามเสวียนตูมีคากล่าวว่า “ละอายใจที่ อยู่เบื้องหน้าหลินซือก็เป็ นทั้งการทะนุ ถนอมเห็ นค่าคนมี ความสามารถเหมือนกัน ยิ่งไม่ใช่ถ้อยคาที่กล่าวให้ไพเราะอะไร แต่ เป็ นเพราะหลินเจียงเซียนผู้นี้เป็ นคนที่ต่อสู้ได้ ต่อสู้เก่งอย่างแท้จริง! ใต้หล้าแห่งอื่นๆ ที่เหลือ แม้แต่เผยเป่ ยเทพีแห่งการต่อสู้ของใต้หล้า ไพศาล บุคคลอันดับหนึ่งในสามใต้หล้ากับบุคคลอันดับหนึ่งอย่าง หลินเจียงเซียน ความหมายไม่เหมือนกัน อันดับหนึ่งของหลินซือใน ใต้หล้ามืดสลัวก็เป็ นแค่อันดับหนึ่งเท่านั้นจริงๆ แล้ว ความต่างระหว่าง อันดับที่สองในใต้หล้ากับหลินเจียงเซียนก็น่าจะมากเหมือนความต่าง ระหว่างขอบเขตบินทะยานกับขอบเขตสิบห้ากระมัง ความต่าง ระหว่างจางเถียวเสียกับเผยเปยกลับไม่ได้เกินจริงมากขนาดนี้”

บทที่ 975.1 ครอบครัวพร ้อมหน้ากลมเกลียว 1

บทที่ 975.1 ครอบครัวพร ้อมหน้ากลมเกลียว 2

บทที่ 975.1 ครอบครัวพร ้อมหน้ากลมเกลียว 3

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!