กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 978

สายลมฤดูใบไม้ผลิกระแสน้าอบอุ่น ทัศนียภาพงามละมุนละไม นอกต้นไผ่บนฝั่งคือดอกท้อสองสามกิ่ง เปิดป่าในน้าไล่ตามเงาเขียว ขจีที่อยู่ห่างไปไกล

กลุ่มของหวังจูแหวกน้าขึ้นฝั่งที่ใบถงทวีป เตรียมจะไปเยือน ราชวงศ์สกุลอวี๋ที่อาศัยความบังเอิญจึงสามารถเสนอตัวมาเอาอกเอา ใจจวนสุ่ยจวินของมหาสมุทรบูรพาอย่างกระตือรือร ้น

ผลคือเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ดันมาเจอเข้ากับเด็กหนุ่มชุดขาวที่ มีใฝ่ แดงกลางหว่างคิ้วโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเขาพบกันเป็ นครั้งที่ สองแล้ว ครั้งแรกคือเจอกันในซากปรักเก่าของวังมังกรลาน้าใหญ่ องค์รักษ์ของจวนวารีทั้งหลายต่างก็จดจาคนผู้นี้ได้อย่างลึกซึ้ง กล อุบายลึกล้าจนมองไม่เห็นกันบึง แน่นอนว่าสิ่งที่ทาให้พวกเขากริ่ง เกรงอย่างแท้จริง ยังคงเป็ น “เสี่ยวโม่” ที่สวมหมวกเหลืองรองเท้า เขียวคนนั้น อีกฝ่ายเรียกอิ่นกวานหนุ่มว่าคุณชายขอบเขตสูงส่งจนมิ อาจปืนป่ายได้ถึง

หวังจูรู ้จักกับชุยตงซานมานานมากแล้ว แล้วยังถือว่าเป็ น “คน บ้านเดียวกัน” ได้ครึ่งตัวอีกด้วย ดังนั้นจึงเคยชินกับอีกฝ่ ายเสียแล้ว แต่พวกกงเยี่ยน หวงม่านเห็นท่าทางน่าขาของเจ้าหมอนั่นแล้วกลับ รู ้สึกว่าการกระทาของเด็กหนุ่ มผู้นี้ทั้งทาให้คนสะอิดสะเอียน

ขณะเดียวกันก็ข่มขู่คนอื่นให้กลัวได้ด้วย พวกเขาต่างก็เป็ นผู้ที่ฝึก ตนประสบความส าเร็จในระดับหนึ่งแล้ว อยู่ในบ้านเกิดของแต่ละฝ่ าย ก็ถือเป็ นวีรบุรุษของพื้นที่หนึ่ง พบเห็นเรื่องประหลาดบนภูเขามา มากมาย แต่เด็กหนุ่มชุดขาวที่ยืนท่าไก่ทองขาเดียว ใช ้มือถือ ประคองกระจกวิเศษ พูดจาเหลวไหลไร ้สาระตรงหน้าผู้นี้กลับมี เอกลักษณ์ไม่มีใครเหมือน

ชุยตงซานเห็นว่าพวกเขาไม่รับกระบวนท่าก็เหมือนถูกร่ายเวท กักตัว คล้ายตัดสินใจไว้เรียบร ้อยแล้วว่า หากพวกเจ้าไม่แสดงท่าที สักหน่อย ถ้าอย่างนั้นพวกเราทั้งสองฝ่ ายก็คุมเชิงกันไปอยู่อย่างนี้ ตราบจนชั่วฟ้ าดินสลายก็แล้วกัน

หวังจูแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “เจ้าสานักชุยไม่เหนื่อยหรือ?”

ชุยตงซานยังคงค้างอยู่ในท่านั้น พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ลูกผู้ชาย เท้าหนึ่งเหยียบพื้นมือหนึ่งค้าประคองฟ้ า จากนั้นใช ้กระดูกที่ แข็งแกร่งเส้นหนึ่งค้ายันเนื้อหนังมังสาร่างนี้ไว้ ไม่กล้าพูดว่าเหนื่อย วีรบุรุษ ค้าฟ้ าดุจเสาหยกขาว พาดขวางมหาสมุทรดุจเสาคานม่วง ทอง ไม่บ่นว่าเหนื่อยยาก…”

หวังจูมีสีหน้าเย็นชา “ชุยตงซาน แค่พอสมควรก็พอแล้ว มีธุระก็ พูดมา ไม่มีก็หลีกทางชะ ข้าไม่มีเวลามาสิ้นเปลืองกับเจ้าอยู่ที่นี่”

“มีธุระสิ จะไม่มีธุระได้อย่างไร เจ้าสานักของสานักแห่งหนึ่งยุ่ง มากนะ นี่ก็ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะไปเดินเที่ยวลาคลองหลินเหอกับลั่วหยางมู

เค่อมาหรอกหรือ ตลอดทางมานี้ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย ล าบากมากเลย”

ใบหน้าของชุยตงซานเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เก็บ “ท่าหมัด” นั้นมา เท้าเพิ่งจะสัมผัสพื้นก็ยกเท้าอีกข้างขึ้นเตะหินก้อนหนึ่งที่อยู่ บนชายฝั่ง ให้มันพุ่งไปบนผิวน้าด้วยความว่องไวกระแทกเข้าไปใน น้าเกิดเสียงดังครืนครั่นประหนึ่งมีฟ้ าผ่าลงบนผิวน้าจนฝูงเปิ ดป่ า ตกใจกระพือปีกบินหนีกันไปทันที

ชุยตงซานบิดหมุนข้อมือเสกไม้เท้าไผ่เขียวที่แกะสลักคาว่า “สิง ขี่หมิง” ออกมา ไม้เท้าเดินป่าชิ้นนี้เป็ นของขวัญพบหน้าที่อู๋ซวงเจี้ยง มอบให้ตอนอยู่บนเรือราตรี เดิมทีชุยตงซานคิดจะมอบให้เป็ น ของขวัญแสดงความยินดีที่ไฉอู๋เดินขึ้นฟ้ าในก้าวเดียวด้วยการเลื่อน เป็ นขอบเขตหยกดิบ เพียงแต่เขาเปลี่ยนใจกะทันหัน คิดจะเอาไปใช ้ ทาอย่างอื่นแทน เก็บรักษาไว้ให้ดีๆ หากไม่เอาไปเป็ นสมบัติสืบทอด ประจ าตระกูล มอบให้กับลูกศิษย์ปิดส านักในอนาคต ก็จะเอาไปมอบ ให้จ้าวหลวนที่มีความเป็ นไปได้ว่าจะมีโอกาสมาฝึกตนที่ยอดเขาอู๋ เฉาของตน ในเมื่อแบกจอบไปขุดมุมกาแพงของภูเขาลั่วพั่วแล้ว ถ้า อย่างนั้นก็ไม่ถือสาหากจะถูกอาจารย์จดบัญชีเพิ่มไปอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นชุยตงซานจึงไปหาไฉอู๋ ปรึกษากับแม่นางน้อยที่ชอบดื่มเหล้า ซึ่งถูกป๋ ายเสวียนตั้งฉายาให้ว่า “พืชหญ้า” และ “โหย่วน่า” (แปลตรง ตัวว่ามีนั่น แต่ชื่อนี้ก็ยังมีความหมายอีกมากมาย เช่นหมายถึงคนที่ มากความสามารถ แข็งแกร่งขยันหมั่นเพียร ยินดีช่วยเหลือคนอื่น

โดดเด่นกว่าผู้อื่น และประสบผลส าเร็จ) ถามนางว่าต้องการไม้เท้าไผ่ เขียวที่มีมูลค่าควรเมืองชิ้นนี้หรือไม่ หรือว่าจะให้เขามอบเหล้าหมัก ตระกูลเซียนร ้อยไหในนามส่วนตัวของเขาให้นาง อีกทั้งยังรับรองว่า เหล้าทุกไหล้วนจะไม่ซ้าชื่อกันตอนนั้นไฉอู๋ดวงตาเป็ นประกายทันใด บอกว่าร ้อยไหเยอะเกินไป แค่ห้าสิบไหก็พอแล้วความนัยในค าพูด ของแม่นางน้อยเรียบง่ายอย่างถึงที่สุด ฟ้ าดินกว้างใหญ่ดื่มเหล้าใหญ่ ที่สุด!

ชุยตงซานพูดหน้าทะเล้น “แม่นางจื้อกุย มีแขกสูงศักดิ์มาเยือน ภูเขาลั่วพั่ว อาจารย์ของข้าจึงต้องรีบเดินทางกลับบ้านเกิดทันที ดังนั้นพองานฉลองเสร็จสิ้นก็กลับไปเลย มิอาจอยู่รอรับแขกด้วย ตัวเองได้”

หวังจูพูดด้วยสีหน้าไร ้อารมณ์ “จวนวารีเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งโดด เดี่ยวอยู่นอกมหาสมุทร ไม่กล้ารบกวนให้เฉินอิ่นกวานออกมารอ ต้อนรับด้วยตัวเองหรอก”

ซุยตงชานพูดด้วยสีหน้าเป็ นการเป็ นงาน “จะพูดแบบนี้ไม่ได้ แม่ นางจื้อกุยกับอาจารย์ของข้าเป็ นเพื่อนบ้านที่รู ้จักกันตอนที่ต่างคน ต่างยังเป็ นแค่บุคคลตัวเล็กๆ มานานหลายปี ญาติห่างไกลไม่สู้เพื่อน บ้านใกล้เคียง มีวาสนาและความผูกพันต่อกันมากนัก”

หวังจูกระตุกมุมปาก ไม่พูดอะไรมาก คราวก่อนจากลากันที่ซาก ปรักวังมังกรของลาน้าใหญ่ หวังจูที่ได้กลับมาพบกับเฉินผิงอันใหม่ อีกครั้ง หลังจบเรื่องก็ไม่เคยพูดถึงสถานะภายในของชุยตงซานกับ

ผู้ติดตามในจวนวารี บอกแค่ว่าคนผู้นี้คือคนของแจกันสมบัติทวีป เป็ นขุนนางอยู่ที่ราชสานักต้าหลี ปี นั้นชุยตงซานเข้าไปอยู่ในถ้า สวรรค์หลีจูที่ยังไม่ปริแตกแล้วร่วงหล่นลงพื้น ภายหลังไม่รู ้ว่ากลาย มาเป็ นลูกศิษย์ของเฉินผิงอันได้อย่างไร หวังจูเล่าอย่างเรียบง่าย พวก กงเยี่ยนย่อมไม่ใคร่จะเชื่อนัก หวังจูจึงบอกปัดพวกเขาด้วยการกล่าว ว่าเกี่ยวกับชุยตงซาน พูดมากไปก็ไร ้ประโยชน์ พวกเจ้ารู ้มากกว่านี้มี แต่จะนามาซึ่งปัญหาที่ไม่จาเป็ น ก่อนหน้านี้ไม่นานจวนวารีของทะเล บูรพาได้รับรายงานข่าวฉบับหนึ่ง ภูเขาลั่วพั่วได้มาก่อตั้งสานักเบื้อง ล่างอยู่ในในอาณาเขตทิศใต้ของราชวงศ์ต้าหยวน มีชื่อว่าสานัก กระบี่ชิงผิง ชุยตงซานคือเจ้าส านักคนแรก

ชุยตงซานโบกไม้เท้าเดินป่ าทักทายกับพวกเขาไปทีละคน เป็ น ฝ่ายแสดงความกระตือรือร ้นเสียเอง

“พี่หญิงจื้อกุยล่วงรู ้เหตุการณ์ล่วงหน้าจริงๆ คานวณได้มาก่อน แล้วว่าข้าจะต้องมาหาพวกเจ้า”

“ราชวงศ์สกุลอวี๋ที่เปลี่ยนชื่อรัชศกใหม่เป็ นเสินหลง ข้าคุ้นเคยดี มากเลยล่ะ พูดประโยคที่ไม่ได้คุยโว ไปถึงที่เมืองลั่วจิงข้าก็สามารถ ถือเป็ นเจ้าบ้านได้ครึ่งตัวเลยทีเดียวตอนนี้พวกเจ้าจะไม่เชื่อก็ได้ ถึง อย่างไรพอไปถึงที่นั่นก็จะรู ้ได้เอง ยกตัวอย่างเช่นว่าหลวี่ปี้หลงเจินเห รินผู้พิทักษ์แคว้นที่อยู่ในอารามจีชุ่ยคือสหายรักบนภูเขาของข้า และ ยังมีพรรคชิงจ้วนที่เป็ นผู้นาจวนเซียนบนภูเขาของราชวงศ์สกุลอวี๋ที่ ก็ถือเป็ นคนครอบครัวเดียวกันครึ่งตัวความสัมพันธ ์จะแย่ได้หรือ?

บทที่ 978.1 ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่รักใคร่ปรองดอง 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!