กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 979

เฉินผิงอันกับเสี่ยวโม่เดินขึ้นสู่ที่สูงไปเรื่อยๆ

อารมณ์ความคิดถึงบ้านเกิดก็หนีไม่พ้นคิดถึงบุคคลและเรื่องราว ในมาตุภูมิเดิม ถ้าอย่างนั้นโต๊ะตัวหนึ่งของพ่อครัวเฒ่าก็มักจะวาง อาหารพื้นๆ ที่ทาให้ทุกคนอิ่มหน้ามีลาภปากได้เสมอ มักจะท าให้ ความคิดถึงเป็ นห่วงของคนที่พเนจรไปต่างบ้านต่างเมืองคลายลงได้

บนขั้นบันไดของเส้นทางภูเขามีจูเหลี่ยนที่นั่งอยู่ กับเด็กหญิงชุด กระโปรงชมพูที่ยืนอยู่พ่อครัวเฒ่าโบกมือ เฉินหน่วนซู่ยอบกาย คารวะนายท่านที่ได้กลับคืนสู่บ้านและอาจารย์เสี่ยวโม่ที่ย้อนกลับมา บนภูเขาอยู่ไกลๆ

ทางฝั่งของประตูภูเขาที่อยู่ด้านหลัง เซียนเว่ยช่วยเด็กชายชุด แดงให้ลงนามขานชื่อเรียบร ้อยแล้ว คนจิ๋วควันธูปยืนสองมือเท้าเอว อยู่บนไหล่ของนักพรต มองแผ่นหลังของใต้เท้าเจ้าขุนเขาแล้วพึมพ า กับตัวเองเงียบๆ ว่า มาดของใต้เท้าเจ้าขุนเขาช่างเป็ นดั่งภูเขาสูงที่ คนต้องแหงนหน้ามองจริงๆ การรับรองต้อนรับผู้คนของใต้เท้าเจ้า ขุนเขาก็ท าให้คนประหนึ่งได้อาบไล้อยู่ท่ามกลางลมวสันต์…เด็กชาย ชุดแดงรู ้สึกสะทกสะท้อนใจยิ่งนัก ยกเท้ากระทืบลงบนไหล่ของ นักพรตเซียนเว่ยแรงๆ อิจฉาเหลือเกินแล้ว ปากก็พูดไปด้วยว่าเซียน เว่ย เซียนเว่ย โชคเข้าข้างเจ้าแล้วจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าบนโลกใบนี้จะ

มีบุคคลที่มีครบทั้งความห้าวหาญของวีรบุรุษและมีความองอาจของ อริยะปราชญ์ หัวหน้าศูนย์บัญชาการเผยปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความ จริงใจจริงๆ เซียนเว่ย เจ้าจะร่ารวยแล้วนะ

เฉินผิงอันใช ้เสียงในใจสอบถาม “ตบะอย่างของเจ้าและของป๋ า ยจิ่ง สามารถมองเห็นโฉมหน้าแท้จริงที่อยู่ใต้หน้ากากของจูเหลี่ยน ได้ไหม?”

ในอดีตเฉินผิงอันเคยเข้าใจผิดคิดว่า “หน้ากาก” ที่จูเหลี่ยนทา ขึ้นมาเองกับมือเป็ นแค่ฝี มือในยุทธภพอย่างหนึ่งของพื้นที่มงคล ดอกบัว ภายหลังเฉินผิงอันได้ศึกษาหน้ากากแปลงโฉมหลายแผ่นที่จู เหลี่ยนมอบให้ ถึงได้รู ้ว่าจูเหลี่ยนใช ้วิธีการบางอย่างที่คล้ายคลึงกับ ยันต์บนภูเขา จากนั้นค่อยเสริมด้วยลมปราณที่แท้จริงของผู้ฝึกยุทธ ให้มันไหลรินอยู่ภายในไม่สลายหายไปไหน ประหนึ่งเมฆหมอกที่ลอย อ้อยอิ่งวนเวียนอยู่ตรงใบหน้า ถึงกับสามารถ“บดบังความลับสวรรค์” ได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับเวทอาพรางตาของตระกูลเซียนบนภูเขา ของไพศาลแล้ว คือเส้นทางสองสายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง พูดไม่ได้ ว่าฝี มือสูงส่งยิ่งกว่า แต่อาพรางได้ลึกล้ากว่า ยกตัวอย่างเช่นก่อน หน้านี้ตอนที่เฉินผิงอันอยู่ในขอบเขตหยกดิบก็ยังมิอาจมองทะลุ หน้ากากสองชั้นไปเห็น โฉมหน้าที่แท้จริง” ของจูเหลี่ยนได้ ดังนั้น ครั้งนี้เขาจึงคิดว่าจะต้องขอความรู ้จากจูเหลี่ยนในเรื่องนี้ให้จงได้

นี่หมายความว่าในพื้นที่มงคลดอกบัวในอดีต พูดถึงแค่เรื่องที่ผู้ ฝึกยุทธเต็มตัวย่างเท้าไปบนเส้นทางของการฝึกเซียน อวี๋เจินอี้แห่ง

พรรคหูชานแคว้นซงไล่ บางทีอาจจะไม่ใช่บุคคลแรกตามความหมาย ที่แท้จริง ควรต้องเป็ นจูเหลี่ยนที่มีลาดับอาวุโสในยุทธภพสูงกว่าทั้ง ติงอิงและอวี๋เจินอี้มากกว่า

เสี่ยวโม่ตอบ “หากใช ้ใจสังเกต คิดดูแล้วก็น่าจะทาได้ เพียงแต่ว่า อาจารย์จูไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นโฉมหน้าที่แท้จริง คิดดูแล้วก็น่าจะ เป็ นเพราะมีความลาบากใจที่ยากจะอธิบายได้ เสี่ยวโม่ย่อมไม่สะดวก ลอบสังเกตเองโดยพลการ ส่วนป๋ ายจิ่งจะใช ้ศาสตร ์มองลมปราณ ล่วงเกินอาจารย์จูเพราะเหตุนี้หรือไม่ ตอนนี้เสี่ยวโม่ก็ไม่รู ้ได้”

เฉินผิงอันพูดด้วยสีหน้าปั้นยาก “คาดว่าป๋ ายจิ่งคงจะข่มกลั้น ความอยากรู ้อยากเห็นในใจไว้ได้อย่างไม่ง่าย จึงไม่ได้ส ารวจสืบเสาะ”

เสี่ยวโม่กังขา “ทาไมคุณชายถึงกล่าวเช่นนี้?”

เฉินผิงอันอารมณ์ซับซ ้อน “ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไม่มีอะไรน่าสนใจ หรอก”

เอ่ยประโยคที่ไม่เกินจริง กวาดตามองไปทั่วสองใต้หล้า คนที่ สามารถท าให้เฉินผิงอันรู้สึกว่า “คุมเชิงเป็ นศัตรูกับอีกฝ่ าย” แล้วต้อง ถอยหลังมาหลายก้าวอย่างอดไม่อยู่ ก็ดูเหมือนว่าจะมีแค่จูเหลี่ยนที่ ตอนนั้นถอดหน้ากากออกเผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้เห็นเท่านั้น

ต้องรู ้ว่าตอนอยู่ที่กาแพงเมืองปราณกระบี่ ราชาบนบัลลังก ์สิบสี่ ท่านของเปลี่ยวร ้างซึ่งรวมถึงบรรพบุรุษใหญ่ภูเขาทัวเยว่และ มหาสมุทรความรู ้โจวมี่เป็ นหนึ่งในนั้น ต่างก็ไม่เคยทาให้เฉินผิงอัน

ถอยได้แม้แต่ครึ่งก้าว กลับกันยังบุกรุดหน้า ถือกระบี่ยกมือขึ้นใช ้ ปลายกระบี่ชี้ไปที่ปีศาจใหญ่

รอกระทั่งเฉินผิงอันกับเสี่ยวโม่เดินเข้ามาใกล้แล้ว จูเหลี่ยนก็ลุก ขึ้นยืน ยิ้มกล่าว “ง่วนกับเตรียมอาหารมื้อค่า คุณชายก็กลับมาพอดี” เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูถามเสียงเบา “นายท่าน หมี่ลี่ไม่ได้ กลับบ้านมาด้วยกันหรือ?”

เฉินผิงอันยิ้มตอบ “นางนั่งเรือเฟิงยวนกลับบ้านมาพร ้อมกับพวก ผู้คุมกฏฉางมิ่ง ส่วนข้าลงเรือที่นครมังกรเฒ่าพร ้อมกับผู้อาวุโสซ่ง แห่งแคว้นซูสุย เดินทางผ่านขุนเขาสายน้าไปด้วยกันระยะทางหนึ่ง หลังจากนั้นข้าก็แยกกับผู้อาวุโสซ่ง เร่งรีบเดินทางจึงกลายเป็ นว่า กลับมาถึงที่นี่ก่อน รออีกเดี๋ยว เสี่ยวโม่ รบกวนเจ้าไปรับตัวผู้พิทักษ์ ขวามาหน่อยได้ไหม?”

เรื่องที่ทาให้เฉินผิงอันมุ่งมั่นตั้งใจอย่างไม่มีย่อท้อ ก่อนหน้านี้ก็มี การฝึกเดินนิ่งหกก้าวของวิชาหมัดเขย่าขุนเขา ทุกวันนี้ก็คือฝึกวิชา แสงกระบี่หลบหนีที่หนิงเหยาแค่มองก็ทาเป็ นอีกทั้งยังเชี่ยวชาญอย่าง มากวิชานี้แล้ว

แสงกระบี่พร่างพราวคล้ายแสงเมฆเรืองรองเสี้ยวสุดท้ายที่สลาย หายไป ท่ามกลางม่านราตรี ดวงจันทร ์คือหิมะที่กองรวมตัวกัน แสง จันทร ์คือเกล็ดหิมะที่ปลิวปราย ทุกครั้งที่เรือนกายของเฉินผิงอันไป หยุดพักอยู่ระหว่างทะเลเมฆ แสงกระบี่หลายสิบเส้นรวมตัวกันในจุด

หนึ่งใหม่อีกครั้ง เขามักจะรู ้สึกว่ามีคาเปรียบเปรยหนึ่งที่เหมาะสมเข้า กันอย่างมากนั่นคือนกโง่ต้องหัดบินก่อน

เดี๋ยวโม่พยักหน้ายิ้มรับ “ได้เลย”

พอพูดถึงหมี่ลี่น้อย เสี่ยวโม่ที่เดิมทีก็อ่อนโยนอยู่แล้วยิ่งอ่อนโยน กว่าเดิม

เฉินผิงอันเอ่ยหยอกล้อ “มื้อค่า มื้อค่า กินข้าวตอนค่าคืน พวก เราสามารถรอให้เสียวโม่กับผู้พิทักษ์ขวากลับมาพร ้อมกันก่อน ใช่ แล้ว อย่าลืมเรียกเซียนเว่ยกับผู้พิทักษ์ขวาตรอกฉีหลงมากินมื้อค่า พร ้อมกันด้วยล่ะ”

เสี่ยวโม่รีบรุดเดินทาง เขาพุ่งตัวไปที่หน้าประตูภูเขาก่อน เชื้อ เชิญเซียนเว่ยและเด็กชายชุดสีชาดให้ไปกินข้าวที่เรือนของอาจารย์ จูด้วยกัน อีกประมาณครึ่งชั่วยามค่อยขึ้นไปบนภูเขา หลังจากนั้น เรือนกายของเสี่ยวโม่ก็กลายร่างเป็ นสายรุ ้งที่พุ่งวาบหายไป พริบตาเดียวก็ห่างไปไกลร ้อยพันลี้ หากมีทะเลเมฆที่สามารถนามา ทาเป็ นท่าเรือได้ แสงกระบี่ก็จะยิ่งพุ่งทะยานไปอย่างไม่หยุดยั้ง ความเร็วในการทะยานลมเช่นนี้ เกรงว่าเรือหลิวเสียที่มีชื่อเสียงเลื่อง ลือก็ยังอยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบได้ติด พอคิดถึงเรื่องนี้ เฉินผิงอันก็อด อยากจะครอบครองเรือตระกูลเซียนที่ว่ากันว่ามีความเร็วมากที่สุดใน ใต้หล้านี้ไม่ได้ ไม่รู ้ว่าเมื่อไหร่ภูเขาลั่วพั่วถึงจะได้ครอบครองเรือหลิว เสียกับเขาสักล านะ? แต่ดูเหมือนว่าเรือหลิวเสียจะไม่เหมาะให้น ามา ท าเป็ นเรือขนส่งสินค้าทางไกล เพราะเผาผลาญเงินเทพเซียนมาก เกินไป ส่วนใหญ่แล้วเป็ นสานักชั้นสูงที่เอาไว้ใช ้โอ้อวดหน้าตา ยกตัวอย่างเช่นในงานพิธีที่จะเอาไว้ใช ้รับส่งผู้ฝึ กตนบนยอดเขา บางส่วนที่มีคุณธรรมมีชื่อเสียง สถานะสูงศักดิ์โดยเฉพาะ

ในเรือนพักของจูเหลี่ยน เฉินผิงอันอยู่ว่างไม่มีอะไรทาจึงไปนั่ง อยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ใต้ชายคา ถักตะกร ้าไม้ไผ่สานใบหนึ่งที่ยังทาไม่ เสร็จต่ออีกครั้ง ด้านข้างคือเก้าอี้หวายสาหรับนอนเล่น คิดดูแล้วตอน ที่ไม่มีแขกมาเยือน พ่อครัวเฒ่าก็น่าจะมานอนบนเก้าอี้หวายตัวนี้ หน้าร ้อนรับลมเย็น หน้าหนาวชมหิมะ

จูเหลี่ยนไปที่ห้องครัว ผูกผ้ากันเปื้อนเข้าที่เอว เริ่มง่วนทากับข้าว แล้ว หาได้ยากนักที่จะได้กินข้าวพร ้อมกับคุณชาย ต้องท าอาหารให้ อุดมสมบูรณ์สักหน่อย ปีนั้นออกจากพื้นที่มงคลบ้านเกิดพร ้อมกับ ถ่านด าน้อย เผยเฉียนต้องการ “ถามหมัด’ กับคนในภาพวาดทั้งสี่คน จูเหลี่ยนเคยบอกว่าตนที่คนที่ต่อยตีได้เก่งที่สุดในห้องครัว คือผู้ฝึก ยุทธที่ทากับข้าวได้เก่งที่สุด ทาเอาเผยเฉียนหัวเราะชอบใจ ยอมละ เว้นจูเหลี่ยนไปคนหนึ่ง ชนะแล้วก็ไม่สนุกตรงไหน ถือว่าชนะมาได้ อย่างไม่สมเกียรติ ภายหลังพอได้ยินว่าจูเหลี่ยนมีฉายาในยุทธภพที่

ไพเราะว่า “จูหลางผู้เป็ นเจ๋อเซียน” และยังมีฉายาว่า “คุณชายผู้สูง ศักดิ์” เผยเฉียนก็หัวเราะจนเกือบจะลงไปกลิ้งอยู่กับพื้น จอมยุทธ หญิงและเทพธิดาในยุทธภพพวกนั้นต้องตาบอดขนาดไหน ต้องไม่ เคยเห็นโลกกว้างมาแค่ไหน บวกกับที่ต้องมีใจกว้างเท่าไร ตอนที่ เผชิญหน้ากับพ่อครัวเฒ่าที่ตอนเป็ นหนุ่มหน้าตาเหมือนแตงเบี้ยว

พุทราแตกแล้วถึงได้สามารถเรียกเขาว่า “จูหลาง” ได้เต็มปาก ยังคง เป็ นเหล่าเว่ยที่จริงใจกว่าหน่อย คุยกับเผยเฉียนเรื่องนี้เป็ นการ ส่วนตัว ช่วยเผยเฉียนคิดไปคิดมา เหล่าเว่ยก็บอกว่าคงเป็ นเพราะ ตอนนั้นจูเหลี่ยนต้องมีเงินมากแน่ๆ อายุน้อยแต่เงินเยอะ ทั้งยังเป็ น ลูกหลานขุนนางที่เคยอ่านตารามาหลายเล่ม ท่องอยู่ในยุทธภพก็ ชอบร่ายบทกวีเสียดหูพร ้อมกับโปรยเงินไปตลอดทาง พอในกระเป๋ า บุรุษมีเงิน อีกทั้งยังมีความสามารถ รูปลักษณ์ในสายตาของสตรีก็จะ หล่อเหลาขึ้นมาด้วยเผยเขียนรู ้สึกว่ามีเหตุผลอย่างมาก เหล่าเว่ย อ่านหนังสือมาไม่มาก แต่ความรู ้กลับไม่ต่า

บทที่ 979.1 วันนี้ไร ้เรื่องใด 1

บทที่ 979.1 วันนี้ไร ้เรื่องใด 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!