ราชวงศ์สกุลอวี๋ ปีรัชศกเสินหลง
หลังแยกย้ายกับซุยตงซานแล้ว หวังจูก็พาแค่กงเยี่ยนและ หวังฉงจวีมาด้วยกัน ผู้ติดตามของจวนวารีอีกสามคนที่เหลือ หวง ม่านนักพรตหยกที่เป็ นผีเซียน หลี่ป๋ าที่มีฉายาว่า ชุ่ยจ่าง ซีหมานที่มี ชาติกาเนิดจากมังกรดินบนพื้นพสุธา ในเมื่อคนทั้งสามต่างก็ถูก ส านักกระบี่ชิงผิงเกณฑ์ไปใช ้แรงงานแล้ว จึงจ าเป็ นต้องไปตรวจสอบ ทิศทางและภูเขาสายน้าระหว่างของลาน้าใหญ่ในอนาคตสายนั้น จะ เอาแต่เป็ นคนหลอกง่ายที่ออกแรงแล้วยังถูกหักเงินค่าแรงก็คงไม่ได้ พวกหวังจูจึงพาคนทั้งหลายเดินทางเหมือนเที่ยวเล่นไปตามขุนเขา สายน้า แวะเวียนไปที่ต่างๆ ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของสุยจวิน แห่งมหาสมุทรบูรพาท่านนี้เท่านั้น จากนั้นทั้งสองฝ่ ายก็แยกย้ายกัน ไป นัดหมายวันเวลากันไว้เรียบร ้อยแล้วว่าจะเจอกันที่อารามจีชุ่ยของ เมืองลั่วจิง
ระหว่างพระราชวังกับนครจักรพรรดิ (พระราชวังจะหมายถึงส่วน นอกที่เป็ นที่ว่าการของขุนนางและที่พักเชื้อพระวงศ์ ส่วนนคร จักรพรรดิจะหมายถึงที่อยู่ของฮ่องเต้) จะมีตรอกป๋ ายหมี่ตั้งอยู่ อาราม จีชุ่ยที่หลวี่ปี้หลงเจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นเป็ นผู้ดูแลก็ตั้งอยู่ที่นี่
สิ่งปลูกสร ้างของอารามล้วนใช ้กระเบื้องแก้วสีเขียวมรกตที่เผา ขึ้นจากเตาทางการของเชื้อพระวงศ์ซึ่งเป็ นสีเดียวกันทั้งหมด ใน อารามมีทั้งต้นสนและต้นป๋ ายเขียวขจี อายุขัยของต้นไม้ยาวนาน ออกพุ่มใบเขียวขจีตลอดทั้งปี จึงได้ชื่อว่าจีชุ่ย
แต่พวกหวงม่านที่พอไร ้เรื่องก็ตัวเบากลับมาถึงเมืองลั่วจิงเร็วกว่า อีกสามคน จึงมารออยู่ที่เพิ่งร ้านน้าชาซึ่งตั้งอยู่หน้าจุดพักม้าแห่งหนึ่ง หน้าเมืองหลวง แล้วก็จริงดังคาด ยามเที่ยงวันที่ดวงอาทิตย์ส่องลง กลางหัวของวันนี้ บนถนนทางหลวงก็มีรถม้าลักษณะเรียบง่ายคัน หนึ่งเผยตัว สารถีคือหวังฉงจวีเด็กหนุ่มที่สะพายน้าเต้าเปลือกแดงไว้ เอียงๆ แค่มองจากการแต่งตัวคนนอกก็รู ้แล้วว่าเขาคือผู้ฝึกตน มนุษย์ ธรรมดาออกไปท่องเที่ยวนอกบ้าน ไม่มีทางแบกน้าเต้าลูกใหญ่ที่ ดึงดูดสายตาคนอย่างโง่งมเช่นนี้
หวังจูที่สวมชุดคลุมตัวยาวสีขาวหิมะเดินลงมาจากรถม้า กง เยี่ยนที่สวมชุดผ้าแพรหรูหราเดินตามมาติดๆ หยุดม้าดื่มชา นั่งกัน จนเต็มโต๊ะ
มีเพียงเด็กหนุ่มที่ไม่มีคุณสมบัติจะได้มานั่งดื่มชาที่โต๊ะ ได้แต่ถือ ถ้วยชานั่งยองอยู่ข้างทาง
กงเยี่ยนอดไม่ไหวเปิ ดปากเอ่ยว่า “สุ่ยจวิน พวกเราจะไป เกี่ยวข้องกับราชวงศ์สกุลอวี๋นี่ จริงๆหรือ?”
ความรู ้สึกที่นางมีต่อราชวงศ์สกุลอวี๋แห่งนี้ไม่ดีเลยจริงๆ ตลอด ทางที่ผ่านกันมานี้ขุนนางที่ได้พบเจอส่วนใหญ่ล้วนมีแต่พวกเก่ง ทฤษฎี ชอบคุยฟุ้ ง ไม่สนเหตุการณ์ปัจจุบัน กลยุทธหลายอย่างใน ท้องถิ่นล้วนเป็ นแค่ชั้นวางดอกไม้ที่เอามาใช ้งานจริงไม่ได้
คาสั่งข้อหนึ่งจากทางการที่ออกมาจากที่ว่าการหกกรมของเมือง ลั่วจิง ส่งต่อไปทีละชั้น บางทีสุดท้ายชาวบ้านอาจได้ผลประโยชน์แค่ สามส่วนเท่านั้น แต่ขุนนางในท้องถิ่นที่จรดพู่กันดุจบุปผาผลิบาน กลับสามารถคุยโวจนได้ผลลัพธ ์ถึงสิบเอ็ดส่วน
การประเมินสิบราชวงศ์ใหญ่ของใบถงทวีปที่ออกจากเตาล่าสุด ราชวงศ์ต้าเฉวียนติดอันดับสูงเป็ นอันดับหนึ่งของกระดาน ราชวงศ์ ต้าฉงอยู่ที่อันดับสาม ราชวงศ์สกุลอวี๋อยู่อันดับที่ห้า และพวกขุนนาง ของราชวงศ์ที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั่วทุกหัวถนนมานานแล้วแห่งนี้ก็ เหมือนถูกฉีดเลือดไก่ โหวกเหวกว่าจะต้องรักษาอันดับห้าช่วงชิง อันดับที่สามมาให้จงได้
หลี่ป๋ ากล่าว “น้าของต้าเฉวียนลึกมาก ควบคุมได้ไม่ง่าย สมมติ ให้กองก าลังแคว้นของสกุลเหยาต้าเฉวียนอยู่ที่สิบ สกุลอวี๋อยู่ที่ห้า ถ้าอย่างนั้นต้าเฉวียนที่จวนวารีของพวกเราเอามาใช ้งานได้ อย่าง มากสุดก็แค่สองสามส่วน แต่ราชวงศ์สกุลอวี๋กลับเป็ นห้าส่วน มีเท่าไร ก็ยินดีให้มากเท่านั้น พอเปรียบเทียบกันเช่นนี้ แน่นอนว่าจวนวารีให้ การสนับสนุนราชวงศ์สกุลอวี๋ย่อมคุ้มค่ามากกว่า ปัญหาเพียงหนึ่ง เดียวก็คือ กลัวก็แต่ว่าราชวงศ์สกุลอวี๋นี้จะไม่ได้เรื่อง ประคองขึ้นไม่
ไหว กลับจะกลายเป็ นเดือดร ้อนให้จวนวารีของพวกเราเหม็นฉาวโฉ่ ไปด้วย”
หวงม่านยิ้มบางๆ “พูดง่ายๆ ก็คือเหยาจิ้นจือไม่ยอมอยู่ในการ ควบคุม อีนังนี่กระดูกแข็งเกินไป นี่ก็เป็ นปกติ หากไม่มีนิสัยเช่นนี้จะ ปกป้ องพิทักษ์ชะตาแคว้นต้าเฉวียนไว้ได้อย่างไร จาได้ว่าตอนนั้นเผ่า ปีศาจของเปลี่ยวร ้างได้ให้ข้อเสนอกับนครเซิ่นจึง เป็ นเงื่อนไขที่ดี มาก มีแต่พวกเขาที่ได้รับ ย้อนกลับไปมองฮ่องเต้สกุลอวี๋ที่นอนป่วย อยู่บนเตียงกลับเชื่อฟังอย่างมาก ลมหายใจออกมากกว่าลมหายใจ เข้าอยู่แล้ว ยังต้องคอยคิดว่าจะเอาใจพวกเขาอย่างไร เพียงแต่ไม่รู ้ว่า รัชทายาทอวี๋หลินโหยวที่สืบทอดราชบัลลังก ์ต่อจากเขามีท่าที อย่างไร เดินทางมาเยือนเมืองลั่วจริงครั้งนี้ หลี่ป๋ า เจ้าเองก็เคยเป็ น ราชครูมาก่อน ก็ต้องคอยช่วยกันดูให้ดีๆ ด้วยล่ะ”
กงเยี่ยนถลึงตาใส่ “เจ้าพูดจาหัดเกรงใจกันหน่อย เรียกอีนังนั่น อีนังนี้ได้อย่างไร”
หวงม่านหลุดหัวเราะพรืด อาอู่เอ๋ยอาอู่ หันศอกเข้าหาคนนอก เช่นนี้ คงไม่ใช่ว่ามีศัตรูร่วมกันกับเหยาจิ้นจือหรอกนะ?
หวังจูหัวเราะหยันเอ่ยว่า “สนับสนุน? ราชวงศ์สกุลอวี๋ก็แค่ต้องส่ง บรรณาการมาให้จวนวารีของพวกเราทุกปีก็เท่านั้น”
กงเยี่ยนเหลือบตามองไปที่กาแพงเมืองด้านนอกของเมืองลั่วจิง ค่ายกลใหญ่พิทักษ์นครของเมืองหลวงราชวงศ์สกุลอวี๋นี้ มีก็เหมือน
ไม่มี อย่างมากสุดก็ได้แค่ต้านทานการโจมตีจากผู้ฝึกตนโอสถทอง คนหนึ่ง เป็ นกรมคลังที่ช่วยท้องพระคลังประหยัดเงิน หรือเป็ นเพราะ หวังพึ่งพาการปกป้ องจากมรรคกถาของเจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นที่อยู่ ในเมืองคนนั้นเกินไปกันแน่?
หวังฉงจวีรีบควักถุงเงินใบหนึ่งที่บรรจุเศษเงินก้อนและเงินเหรียญ ทองแดงไว้จนเต็มออกมา วิ่งไปจ่ายเงิน
จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็ร่ายวิชาหดย่อพื้นที่ตรงดิ่งไปบนถนนนอก ประตูอารามเต๋าแห่งหนึ่ง ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่มีรถราสวนกัน ขวักไขว่ ทุกวันนี้ตรอกป๋ ายหมี่ที่กว้างขวงาทั้งสายมีการป้ องกันอย่าง แน่นหนา สองด้านของตรอกล้วนมีทหารยามยืนเฝ้ าอยู่ ว่ากันว่าช่วง นี้เจินเหรินราชครูกาลังปิ ดด่าน ตลอดทั้งเมืองลั่วจิงต่างก็พากัน วิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกขุนนางชนชั้นสูงที่ค่อนข้าง คุ้นเคยกับเรื่องราวบนภูเขาที่ยิ่งยึดคอรอดู หรือว่าราชวงศ์สกุลอวี๋ ของพวกเราจะมีเทพเซียนขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งแล้ว?!
นักพรตหญิงคนหนึ่งที่มองดูแล้วอายุประมาณสามสิบปี บนศีรษะ สวมกวานหยกไท่เจิน เท้าสวมรองเท้าเซียนลายรากบัวขาวใบบัว เขียวคู่หนึ่ง ในมือถือแส้ปัดฝุ่นสีขาวหิมะ
นางถอนสายตากลับมาจากจุดพักม้าที่อยู่นอกเมือง เดินช ้าๆ ลง มาจากหอชมจันทร ์ที่ถือว่าเป็ นสิ่งปลูกสร ้างที่สูงที่สุดในอาราม หอ แห่งนี้ใช ้หยกงามสองชนิดปูเป็ นภาพไท่จี๋ ปลาหยินหยางสีขาวและสี ดาสองตัวผสานรวมกันเป็ นดวงจันทร ์เต็มดวงหนึ่งดวง
ก็คือเจ้าอารามจีชุ่ยคนปัจจุบัน ทุกวันนี้คือเงินเหรินผู้พิทักษ์ แคว้นของราชวงศ์สกุลอวี๋ราชครูหลวี่ปี่หลง ฉายา “หม่านเยว่”
เรือนกายของหลวี่ปี้หลงเปล่งวูบหายไป พริบตาเดียวก็มาที่หน้า ประตูอาราม นางออกคาสั่งบอกให้นักพรตที่เฝ้ าประตูเปิดประตูตรง กลางของอารามออกทันที
“หลวี่ปี้หลงแห่งอารามจีชุ่ยคารวะสุ่ยจวินแห่งมหาสมุทรบูรพา”
หลวี่ปี้หลงเดินลงบันไดไป บนร่างของนางสวมชุดคลุมอาคม “เพิ่งจ่าว” ต่อให้ได้เจอกับสุ่ยจวินแห่งมหาสมุทรบูรพาที่ได้รับฉายา เทพ อีกทั้งระดับขั้นยังสูงที่สุดอยู่ในใต้หล้าไพศาล นักพรตหญิงผู้ หนึ่งที่มีตบะแค่ขอบเขตก่อกาเนิดก็ยังมีสีหน้าเป็ นธรรมชาติ มือถือ แส้ปัดฝุ่ น ใช ้เสียงในใจพูดพร ้อมรอยยิ้มอ่อนจางว่า “ก่อนหน้านี้ ได้รับจดหมายลับมาจากนายท่าน รู ้ว่าทุกท่านจะแวะมาที่อาราม รอ คอยอยู่นานแล้ว แล้วยังขอให้ฮ่องเต้ช่วยโยกย้ายกองทหารองครักษ์ หน้าพระราชวังให้มาคุ้มกันในบริเวณใกล้เคียงกับตรอกป๋ ายหมื่อย่าง แน่นหนา หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเสียงอึกทึกจอแจเกินไป”
หวงม่านคือคนที่มีตบะสูงที่สุดในบรรดาผู้ติดตาม รู ้สึกว่าราชครู หญิงตรงหน้าผู้นี้มีบางอย่างแปลกๆ แต่แปลกตรงไหนก็บอกไม่ถูก
คล้ายกับว่าขาดความเป็ นคนไปบ้างเล็กน้อย หวังจูหรี่ตาลง ถึงกับเป็ นคนกระเบื้องคนหนึ่ง
หวังจูเดินขึ้นบันไดไป เอ่ยว่า “บอกให้อวี๋หลินโหยวและหวงซาน โซ่วรีบมาพบข้าที่นี่ทันที”
หลวี่ปี้หลงเบี่ยงกาย รอให้หวังจูเดินนาขึ้นบันไดไปก่อนสามก้าว แล้วถึงได้ขยับเท้าก้าวตาม พอได้ยินก็พยักหน้าเอ่ยว่า “สุ่ยจวินโปรด รอสักครู่ ข้าจะเรียกคนมาเดี๋ยวนี้”
เห็นเพียงว่านักพรตหญิงหยิบนกหลวนสีเขียวที่พับจากกระดาษ ตัวหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ สองนิ้วคีบนกกระดาษเอาไว้ เอามัน มาวางไว้ที่ปากแล้วพูดเบาๆ ใส่หนึ่งประโยค บอกว่าสุ่ยจวินแห่ง มหาสมุทรบูรพาให้เกียรติมาเยือนอารามจีชุ่ย ขอให้องค์รัชทายาท และแม่ทัพใหญ่หวงซานโซ่วมาพบกันที่นี่โดยไว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!