“ฝึกวรยุทธและฝึกตน อันที่จริงเส้นแบ่งเขตของทั้งสองอย่ำงนี้ ไม่ได้มีกำรแบ่งชัดอย่ำงที่พวกเรำคิด”
“ข้ำถึงขั้นมีกำรคำดเดำอย่ำงหนึ่งที่ตอนนี้ยังมิอำจพิสูจน์ได้ นั่น คือผู้ฝึกตนสำยยันต์บนภูเขำทุกคนต่ำงก็มีฐำนกระดูกของผู้ฝึกยุทธ ขอบเขตทองมาตั้งแต่เกิด”
“คิดจะเรียนหมัด เจ้ำจ ำเป็ นต้องเข้ำใจตัวเองเสียก่อน จ้ำวซู่เซี่ย พวกเรำมาเริ่มจำกกำรหำยใจที่ง่ำยที่สุด เริ่มลองดู เหมือนคนอยู่ที่สูง มองลงต่ำ เซียนเหรินมองขุนเขำสำยน้ำผ่ำนฝ่ ำมือ”
เฉินผิงอันทั้งไม่ได้สอนท่ำหมัดท่ำเดินให้กับจ้ำวซู่เซี่ย แล้วก็ ไม่ได้รีบร้อนป้ อนหมัดให้จ้ำวซู่เซี่ย แต่น ำภำพต ำแหน่งลมปรำณใน ร่ำงกำยมนุษย์เจ็ดภำพออกมาไว้ในเรือนไม้ไผ่เสียก่อน แบ่งออกเป็ น ทัศนียภำพที่แตกต่ำงกันออกไปในฟ้ ำดินเล็กร่ำงมนุษย์ของเฉินผิง อันนับตั้งแต่ขอบเขตสำมถึงขอบเก้ำของกำรเรียนวรยุทธของเขำ ภำพวำดนี้จงใจลบเลือดเนื้อและเส้นเอ็นกระดูกทิ้งไป เหลือไว้เพียง จุดลมปรำณและเส้นชีพจร มีควำมสูงเท่ำตัวคน ช่องโพรงลมปรำณ มากถึงพันกว่ำช่อง จ ำนวนเหมือนกว่ำควำมรู้ควำมเข้ำใจของผู้ฝึก ตนทั่วไปส่วนหุ่นไม้ที่หมอจับยาในร ้ำนยาของหมู่ชำวบ้ำนใช ้ฝฝึก กำรฝังเข็มและอังด้วยควำมร้อนแน่นอนว่ำก็ยิ่งมิอำจเทียบเคียงได้
ภำพเจ็ดภำพ ตำแหน่งลมปรำณที่ไม่เหมือนกันกระจำยตัวกันเหมือน ดวงดำว ส่องประกำยระยิบระยับ สีสันแตกต่ำงกันไป สำดสะท้อนให้ เรือนไม้ไผ่ทั้งหลังสว่ำงไสว ประหนึ่งภำพดวงดำวพร่ำงพรำวภำพแล้ว ภำพเล่ำที่แขวนอยู่กลำงจักรวำลนอกฟ้ ำ
ทุกครั้งที่ “เฉินผิงอัน” ในภำพวำดทั้งเจ็ดหำยใจ ฟ้ ำดินที่เป็ น ปรำกฏกำรณ์ดวงดำวเจ็ดแห่งก็เกิดภำพเหตุกำรณ์ผิดปกติมากมาย เช่นเหมือนมีทำงช ้ำงเผือกที่ห้อยกลับหัวลงมา มีรุ ้งขำวพำดผ่ำน กลำงอำกำศ ดวงดำวซักนะกันและกันให้หมุนโคจร ฯลฯ
ภำพวำดทุกภำพก็เหมือนค่ำยกลปรำกฏกำรณ์ดวงดำวแห่งหนึ่ง ที่สีสันพร่ำงพรำวอย่ำงถึงที่สุด ยิ่งขอบเขตของ “เฉินผิงอัน” ต่ำ ลม หำยใจยิ่งเร็วกำรเว้นระยะยิ่งสั้น เป็ นเหตุให้กำรเปลี่ยนแปลงของภำพ ดวงดำวยิ่งมีมากกว่ำเดิม รำวกับว่ำฟ้ ำดินทั้งแห่งต่ำงก็กำลังขยับ ขยาย หดย่อไปตำมกำรหำยใจทุกครั้งของคนคนหนึ่ง คล้ำยกับเกิด เป็ นวงโคจรหมุนเวียนไม่หยุด ยิ่งขอบเขตสูง ฟ้ ำดินในภำพดวงดำวก็ ยิ่งมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่หำกเพ่งมองอย่ำงละเอียดก็จะสังเกตเห็นว่ำ ในควำมเป็ นจริงแล้วกลับตรงกันข้ำมพอดี
เฉินผิงอันเอำสองมือไพล่หลัง เอ่ยเนิบช ้ำว่ำ “จุดลมปรำณในร่ำง มนุษย์พวกนี้ ตำรำแพทย์และตำรำของลัทธิทั้งหลำยมีกำรบันทึกไว้ อย่ำงชัดเจน ถูกมองว่ำเป็ นช่องโพรงลมปรำณที่สำคัญ ไม่ไปพูดถึง จุดลมปรำณที่แค่ชื่อเรียกไม่เหมือนกัน แต่แท้จริงแล้วกลับอยู่ใน ตำแหน่งเดียวกัน ข้ำรวบรวมมาหลำยปี ขนำดนี้ คิดดูแล้วควำม
คลำดเคลื่อนก็คงจะมีไม่มาก อันที่จริงก็มีแค่เจ็ดร ้อยกว่ำจุดเท่ำนั้น หำกยังรวมถึงที่ถูกระบุไว้ในกำรสืบทอดลับชนิดต่ำงๆ ของพรรคและ สำนักต่ำงๆ ที่หำเจอใน “พื้นที่ลับ” โดยบังเอิญ จำกนั้นข้ำยังอำศัย บันทึกลับในคฤหำสน์หลบร ้อนและบันทึกในสวนกงเต๋อศำลบุ๋น แล้ว ยังเพิ่มจุดลมปรำณอีกเกือบร ้อยตำแหน่งที่คล้ำยกลำยเป็ นซำกปรัก ถูกคนหลงลืมไป ช่องโพรงลมปรำณบำงจุดก็เป็ นซี่โครงไก่อย่ำงที่ ทุกคนเห็นพ้องต้องกันจริงๆ ผ่ำนกำรทบทวนตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่ำ ถึงได้ถูกผู้ฝึกลมปรำณค่อยๆ ทอดทิ้งไป แต่ก็มีจุดลมปรำณไม่น้อยที่ หำกผู้ฝึ กลมปรำณคิดอยากจะ “บุกเบิกจวน” กลับมีธรณีประตูสูง เกินไป ถึงได้ถูกเมินเฉย จำกนั้นก็หำยสำบสูญไปนอกจำกนี้ใครบำง คนยังเคยให้ข้ำยืมมรรคกถำขอบเขตสิบสี่ชั่วครำว จึงมีจุดลมปรำณ เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย เจ้ำลองดูภำพที่เจ็ดที่จำนวนช่องโพรงลมปรำณมี มากที่สุดนี้ มีจุดลมปรำณทั้งหมดหนึ่งพันห้ำสิบกว่ำจุด เป็ นเหตุให้ ลมปรำณแท้จริงของผู้ฝึกยุทธเต็มตัวเฮือกหนึ่ง ยิ่งเส้นทำงที่เดินยาว เท่ำไร ก็จะยิ่งชักนำหยวนซี่ (พลังชีวิต พลังที่เชื่อว่ำมีติดตัวมาตั้งแต่ ก ำเนิดก่อนคลอด) ในฟ้ ำดินร่ำงมนุษย์มาหลอมรวมกับปณิธำนหมัด ได้มากกว่ำเดิม หมัดที่ปล่อยออกไปก็ย่อมหนักกว่ำเดิม”
ปีนั้นในตรอกหนีผิง เฉินผิงอันเพิ่งจะได้ต ำรำหมัดเขย่ำขุนเขำ เล่มนั้นมาครอง ซ่งจี๋ซินและสำวใช ้จื้อกุยออกไปจำกถ้ำสวรรค์หลีจู ได้ทิ้งกุญแจพวงหนึ่งไว้ให้เขำ สุดท้ำยเฉินผิงอันเจอหุ่นไม้ที่ถูกผ่ำใน ห้องครัวของบ้ำนที่อยู่ติดกับบ้ำนของเฉินผิงอัน ด้ำนบนวำดภำพจุด
ลมปรำณและชีพจรในร่ำงมนุษย์ไว้จนเต็ม นี่สำหรับเฉินผิงอันที่เพิ่ง หัดเรียนหมัดใหม่ๆ แล้วตำรำหมัดก็คือเส้นทำงเดินขึ้นสู่ที่สูงที่ นำมาใช ้ต่อชีวิต ถ้ำอย่ำงนั้นหุ่นไม้ที่เฉินผิงอันเก็บมาประกอบเข้ำ ด้วยกันอีกครั้งก็คือมีดผ่ำฟืน ขวำนเปิดภูเขำ
อันที่จริงตอนนั้นเฉินผิงอันก็รู ้แล้วว่ำจื้อกุยจงใจทำ เพรำะนำงรู ้ดี ว่ำหำกเป็ นหุ่นไม้ที่สมบูรณ์ เฉินผิงอันต้องไม่มีทำงมาเก็บเอำไป แน่นอน ไม่แน่ว่ำอำจจะไม่เหลือบมองสักครั้งก็ได้ แต่พอนำงย่ำยีมัน อย่ำงนี้ ด้วยนิสัยหลงใหลในเงินทองและประหยัดอดออมของเฉินผิง อันจะต้องยินดีขนกลับไปที่บ้ำนบรรพบุรุษของตัวเอง เอำไปใช ้ ร่วมกับต ำรำหมัดเน่ำๆ เล่มหนึ่งที่ถูกเขำบูชำไว้ ตั้งใจศึกษำวิชำ ควำมรู ้ที่ซุกซ่อนอยู่แน่นอน
เรื่องนี้จื้อกุยอดีตสำวใช ้แห่งตรอกหนีผิง หวังจูมังกรที่แท้จริงสุ่ย จวินแห่งมหำสมุทรบูรพำในภำยหลัง ได้พบกับเฉินผิงอันอีกหลำย ครั้ง แต่นำงกลับไม่เคยพูดถึงแม้แต่ครึ่งคำบำงทีอำจคิดว่ำไม่มีเรื่องนี้ เกิดขึ้น หรือบำงทีนำงอำจจะลืมไปนำนแล้ว
แต่เฉินผิงอันกลับจดจ ำไว้ในใจอยู่เสมอ
เฉินผิงอันถำม “จ ำได้เท่ำไรแล้ว?”
จ้ำวซู่เซี่ยหลับตำลงแล้วลืมตำอีกครั้ง เอ่ยว่ำ “จำตำแหน่งของ จุดลมปรำณได้อย่ำงชัดเจนประมาณเจ็ดร้อยกว่ำจุด”
เฉินผิงอันพยักหน้ำ พลันเหวี่ยงแขนออกไป ลงมือในเวลำเพียง ชั่วฟ้ ำแลบ ใช ้ฝ่ ำมือแนบไปที่ลำคอของจ้ำวซู่เซี่ยเบำๆ จำกนั้น กระชำกเหวี่ยง ร่ำงทั้งร่ำงของจ้ำวซู่เซี่ยกลิ้งเป็ นวงกลมอยู่ในห้อง รอ กระทั่งจ้ำวซู่เซี่ยกลับมาที่ตำแหน่งเดิมก็ค้นพบด้วยควำมตกตะลึงว่ำ เหนือวงกลมนี้มีภำพปรำกฏกำรณ์ดวงดำวที่เป็ น “จ้ำวซู่เซี่ย” ยืนอยู่ หลำยสิบคน เฉินผิงอันกวำดตำมองอยู่สองสำมที มอง “หนังสือ ภำพวำดตำมแบบ’ แต่ละแผ่นที่เป็ นฟ้ ำดินร่ำงกำยมนุษย์และกำรไหล รินลมปรำณของจ้ำวซู่เซี่ย อยู่ดีๆ เฉินผิงอันก็พยักหน้ำ ยิ้มเอ่ยว่ำ “สอนหมัดแบบนี้สิถึงจะถูก มีควำมมั่นใจเพิ่มมากขึ้นแล้ว”
สอนลูกศิษย์อย่ำงจ้ำวซู่เซี่ยถึงจะมีควำมรู ้สึกถึงกำรประสบ ควำมส ำเร็จ
เฉินผิงอันประกบสองนิ้วชี้ๆ จิ้มๆ ไปที่ภำพปรำกฏกำรณ์ดวงดำว ภำพหนึ่งในนั้นอย่ำงว่องไว พริบตำเดียวก็ระบุชื่อของจุดลมปรำณ ออกมาได้สำมสี่ร ้อยจุด ล้วนเป็ นด่ำนและจวนที่ลมปรำณแท้จริงของ ผู้ฝึกยุทธซึ่งเป็ นดั่ง “มังกรไฟเดินลงน้ำ” ของจ้ำวซู่เซี่ย เหมือนว่ำเขำ ได้วำดภำพแผนที่ชัยภูมิที่ชัดเจนภำพหนึ่ง จำกนั้นให้จ้ำวซู่เซี่ยกลั้น หำยใจทำสมาธิ ลองเดินนิ่งหกก้ำวครั้งหนึ่ง จำกนั้นเฉินผิงอันก็ คัดลอกภำพแผนที่อีกครั้ง โบกชำยแขนเสื้อหนึ่ งที ภำพ ปรำกฏกำรณ์ดวงดำวสองภำพผสำนรวมเป็ นหนึ่ง เฉินผิงอันเอ่ยว่ำ “สำมารถลองดูอย่ำงละเอียดได้ สองอย่ำงนี้ต่ำงกันตรงไหน ลอง สังเกตดูก่อนหนึ่งก้ำนธูป หลังจำกนั้นก็เดินนิ่งหกก้ำวอีกรอบ หำกไม่
มีกำรปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นอย่ำงเห็นได้ชัด ข้ำก็จะได้บอกให้พ่อครัว เฒ่ำไปเตรียมยาสมุนไพรและถังน้ำเอำไว้”
หนึ่งก้ำนธูปผ่ำนไป จ้ำวซู่เซี่ยนอนอยู่บนพื้น สลบเหมือดไปแล้ว เฉินผิงอันตะโกนเรียก “จูเหลี่ยน เริ่มงำน”
ผู้เฒ่ำหลังค่อมรีบตะโกนกลับเสียงดังทันใด “มาแล้วๆ เตรียมไว้ นำนแล้ว”
จูเหลี่ยนมาที่ชั้นสองของเรือนไม้ไผ่ มองจ้ำวซู่เซี่ยที่ไม่มีทั้งเลือด ท่วมตัว แล้วก็ไม่ได้ “เดินนิ่ง” แบบชักกระตุกก็ทอดถอนใจเอ่ยว่ำ “คุณชำยยังคงใจบุญมีเมตตำ”
เฉินผิงอันแบกจ้ำวซู่เซี่ยลงมาจำกชั้นสอง มุ่งหน้ำไปยังเรือนพัก ของลูกศิษย์ปิดส ำนักคนนี้ อธิบำยว่ำ “เส้นเอ็นหัวใจของซูเชี่ยขมวด ตึงอยู่ตลอดเวลำ วันนี้ไม่เหมาะจะสอนหมัดไปมากกว่ำนี้ ค่อยเป็ น ค่อยไปเถออะ เจ้ำว่ำข้ำควรจะโทษใคร?”
สรุปแล้วเป็ นใครกันแน่ที่ทำให้จ้ำวซู่เซี่ยรู้ควำมหมายแฝงของค ำ ว่ำ “ปิดประตู” แต่เนิ่น?
จูเหลี่ยนรีบแฉตัวเองทันที “ต้องโทษที่ข้ำแพร่งพรำยควำมลับ สวรรค์ล่วงหน้ำ”
เฉินผิงอันพูดไม่ออกไปทันที
จูเหลี่ยนพูดกลั้วหัวเรำะเบำๆ ว่ำ “คุณชำย วันนี้ก็ช่ำงเถิด พรุ่งนี้ ล่ะ วันมะรืนล่ะ กำรฝึกหมัดที่แท้จริงมีตอนใดบ้ำงที่ไม่ต้องร่อแร่เกือบ ตำย”
ตำมหลักแล้วหำกเปลี่ยนมาเป็ นซุยฉำน จ้ำวซู่เซี่ยไม่ปำงตำย เจ็ดแปดตลบ หมดสติแล้วถูกตีจนฟื้นขึ้นมาใหม่ ถูกตีจนฟื้นแล้ว หมดสติไปอีกรอบ จ้ำวซู่เซี่ยก็ไม่มีทำงได้เดินออกไปจำกเรือนไม้ไผ่ แน่
แต่ตำมควำมเห็นของจูเหลี่ยน ในฐำนะลูกศิษย์ปิดสำนักของเฉิน ผิงอัน หำกจ้ำวซู่เซี่ยสำมารถเรียนวิชำหมัดจำกชุยเฉิงซึ่งลำดับ อำวุโสห่ำงกันสองรุ่นได้จริง กลับไม่แน่ เสมอไปว่ำจะมีสภำพ อเนจอนำถเช่นนี้ เพรำะควำมสนิทสนมข้ำมรุ่นนั้นเป็ นเรื่องที่ไม่มี เหตุผลให้อธิบำยได้จริงๆ
เฉินผิงอันพยักหน้ำ “ตอนนี้ข้ำยังตัดใจลงมืออำมหิตไม่ได้จริงๆ ดังนั้นข้ำเองก็ต้องปรับสภำพจิตใจด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!