กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 991

บทที่ 991.4 เรื่องมงคลคู่มาเยือนพร้อมกัน

การประชุมในศาลบรรพจารย์ครั้งหนึ่งที่รวดเร็วฉับไว สั้นกระชับ

เรียบง่าย ก็ได้จบลงเพียงเท่านี้

นี่แตกต่างจากการใช้เวลาหนึ่งถึงสองชั่วยามของเสี

นี่แตกต่างจากการใช้เวลาหนึ่งถึงสองชั่วยามของเสี่ยวหลงซิ

ซือถูเมิ่งจิงเรียกตัวลิ่งหูเจียวอวี่เอาไว้ ให้นางไปที่เรือนพักในสวน ป่าของเฉิงมีด้วยกันบอกให้ผู้ฝึกยุทธเข้าครัว ครัวทําบะหมี่น้ํามันเดือดมา

สามขาม

เฉิงมี่เองก็มีฝีมืออยู่บ้าง

เพียงไม่นานก็ยกบะหมี่ออกมาสาม

ชาม

หลังจากคลุกเส้นบะหมี่เอาออกจากกระทะมาแล้วก็โรยกระเทียม

บดลงไปเล็กน้อยตามด้วยพริกแห้งอีกนิดหน่อย แล้วราดด้วยน้ํามัน

ร้อนๆ รสชาติเลิศล้ํา

ซือถูเมิ่งจิงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม พูดชมไม่ขาดปาก

เฉิงมีไม่มีบ้านให้กลับมานานแล้ว เมืองหลวงของมาตุภูมิรุ่งเรือง

อย่างถึงที่สุด นับตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นมาก็ไม่เคยมีคําสั่งห้ามเข้าออก ยามวิกาล แสงไฟโชติช่วงเรืองรอง กลางคืนไม่ต่างจากกลางวัน เคย ถูกบนภูเขาขนานนามว่านครไร้แสงจันทร์

จางหลิวจี้เค่อชิงอันดับหนึ่งที่มีฉายาว่าสุ่ยเซียนซึ่งก่อนหน้านี้

เป็นเพียงคนเดียวที่พอจะพูดคุยกันได้ ได้หายตัวไปแล้ว

เฉิงมีถาม “เจ้าขุนเขา ล้วนเป็นความต้องการของทางต้าหลง

ชิวหรือ?”

เดียว”

ซือถูเมิงจิงส่ายหน้า “ไม่ใช่ เป็นแค่ความต้องการของข้าคน

เฉิง อึ้งตะลึง

ซือถูเมิ่งจิงหัวเราะ “ประหารก่อนแล้วค่อยรายงานไงล่ะ รอให้ทาง ฝั่งของต้าหลงชิวรู้ข่าว แล้วจะทําอย่างไรได้ เปลี่ยนคนมาเป็นเจ้า

ขุนเขาที่นี่? เปิดการเสกครั้ง ปล่อยตัว

วานรเด็ดจันทร์และตะพาบเฒ่าออกมา เชิญหลิวเหอต้าเซิ่งกับ หวงสุ่ยต้าหวังกลับมาใหม่อีกครั้ง? เฉิงมี่ หากเจ้าเป็นเจ้าสํานัก ของต้าหลงชิวจะทําเรื่องวุ่นวาย พวกนี้หรือ มีความหมายหรือ?”

เฉิงมี่ยกนิ้วโป้งให้ แต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ค่อนข้างจะเสีย มารยาทจึงรีบเอามือลง ยิ้มกว้างเอ่ยว่า “สาแก่ใจดีแท้”

ซือถูเมิ่งจิงเอ่ยสัพยอก “อย่าเอานิ้วโป้งกลับไปสิ เงินมากไม่ทับ มือ มากมารยาทไม่ใช่คนแปลก”

เฉิง กรอกเหล้าเข้าปากหนึ่งอีก เช็ดปากแล้วยิ้มเอ่ย “ขอพูดจา อย่างไม่เหมาะสมสักคํา หลงหรานเซียนจวินในเวลานี้กับเจ้าขุนเขา

เซียนจวินที่อยู่ในห้องประชุมของศาลบรรพจารย์ราวกับเป็นคนละคน

กันเลย”

ตระกูลซือถูคือตระกูลชั้นสูงอันดับต้นของทวีปแดนเทพแผ่นดิน

กลาง มีรากฐานลึกล้ําทั้งบนและล่างภูเขา นอกจากศาลบรรพชน

หลักที่ตั้งอยู่ที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางแล้วศาลแยกศาลสาขาก็มี

อยู่ทั่วทั้งเกราะทองทวีปและหลิวเสียทวีป คือตระกูลที่มีรากฐานแน่น

หนาถึงขั้นที่ว่าลําพังแค่หนังสือทําเนียบลําดับวงศ์สกุลก็ต้องใช้ชั้น

วางไว้เต็มทั้งห้องแล้ว

นอกจากเซียนจวินจากต้าหลงชิวอย่างซื้อถูเมิ่งจิงแล้ว ในตระกูล ก็ยังมีเซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบอีกสองคน คนหนึ่งคือผู้ถวายงาน

อันดับหนึ่งของสํานักบางแห่งในธวัลทวีปและยังมีอีกคนหนึ่งที่เป็น

เขียนอิสระ แน่นอนว่าพื้นเพบรรพบุรุษอยู่ที่แผ่นดินกลาง ทว่า ภูมิลําเนากลับอยู่ที่หลิวเสียทวีป ไม่ว่าจะอย่างไร การที่ตระกูลหนึ่งได้ ครอบครองเซียนเหรินหนึ่งท่านและเซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบสอง ท่านซึ่งทุกคนยังมีชีวิตอยู่ในเวลาเดียวกันก็แทบไม่ต่างจากสํานักบน

ภูเขาที่แตกกิ่งก้านพุ่มใบหนาแล้ว

และเซียนอิสระท่านนั้นก็คือเซียนกระบี่แห่งหลิวเสียทวีป ซือ

ถูจ๋อวี้ คนผู้นี้นิสัยสันโดษแปลกแยก ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว ความสัมพันธ์กับทางตระกูลห่างเหินอย่างมาก อยู่ที่บ้านเกิด ต่อให้ เป็นสหายบนภูเขาก็ยังมีไม่กี่คน ภายหลังไปอยู่ที่กําแพงเมืองปราณ กระบี่ ชื่อเสียงไม่โด่งดัง เพราะถึงอย่างไรในสถานที่ที่มีผู้ฝึกกระบี

มากมายดุจก้อนเมฆแห่งนั้น ธรณีประตูของเซียนกระบี่ก็ค่อนข้างสูง

ซือถูจ๋อวี่มีชีวิตกลับมายังใต้หล้าไพศาลก็ยังคงทําตัวเป็นนกกระเรียน

ที่โบยบินเดียวดายบนฟ้ากว้าง ไม่เคยเข้าร่วมงานพิธีของทางตระกูล อย่างเช่นพวกงานเซ่นไหว้บรรพบุรุษใดๆ แล้วก็ยังคงไม่ยินดีจะก่อตั้ง

ส่วนตระกูลชื่อกูก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่ชื่อเสียงโด่งดังอย่างมาก

ส่วนตระกูลซือถูก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่ชื่อเสียงโด่งดังอย่างมาก นั่น คือสตรีของทางตระกูลล้วนมีรูปโฉมงามพิลาสมากเป็นพิเศษ ดังนั้น

ผู้คนจึงให้การยอมรับว่าตระกูลซือถูคือ “รังสาวงาม ซือถูเมิ่งจิงกินบะหมี่หมดแล้วก็วางตะเกียบลง พรูลมหายใจยาว เหยียด นวดคลึงหว่างคิ้ว รู้สึกปวดหัว

ก่อนหน้านี้ซือถูจ๋อวี้ได้รับจดหมายกระบี่บินฉบับหนึ่งที่ตนส่งไป ให้ ซือถูเมิ่งจิงเลือกเอาเรื่องบางอย่างที่ไม่เกี่ยวพันกับความลับของ

สํานักมาเล่าให้อีกฝ่ายฟัง

เดิมทีซือถูเมิ่งจิงก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆ กับเซียนกระบี่แห่ง หลิวเสียทวีปท่านนี้คราวก่อนที่พบหน้ากันก็คือเมื่อครั้งที่ซือถูจ๋อวี้ก

ลับมายังไพศาลแล้วเดินทางไปท่องเที่ยวแผ่นดินกลาง ระหว่างทางได้

ผ่านต้าหลง ว

ส่วนครั้งก่อนหน้านั้นไปอีก ซือถูเมิ่งจิงก็จําไม่ได้แล้วว่าเป็นเรื่อง ที่เกิดขึ้นเมื่อกี่ร้อยปีก่อนแล้วกันแน่ สําหรับผู้ฝึกตนตระกูลเดียวกันที มีนิสัยพยศยากกําราบผู้นี้ เขาเองก็ไม่มีความทรงจําที่ลึกซึ้งอะไร

กัน

คาดว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นเหมือนกัน ต่างคนต่างไม่ชอบขี้หน้า

ซือถูจีอวี่ส่งจดหมายตอบกลับมาที่ต้าหลงซิวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ซือถูเมิ่งจิงเปิดอ่านแล้วก็สัมผัสได้ถึงฟองน้ําลายที่กระเด็น

มาโดนหน้าได้ทันที

อีกฝ่ายด่ากราดมาในจดหมาย มองเจ้าซือกูเมิ่ง

ไม่ผิดไปจริงๆ

ด้วย ปีนั้นครั้งแรกที่พวกเราสองคนเจอหน้ากันก็รู้สึกแล้วว่าเจ้าคือ

คนเสแสร้งสับปลับปล้นปล้อน….

ซือถูเมิ่งจิงไม่รู้ว่าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เป็นเหตุให้จนถึง

จดหมายที่สายทางบ้าน” ฉบับนั้นของตนเกิด

ปัญหาที่ตรงใดกันแน่

จดหมายที่ส่งไปก่อนหน้านี้ ความหมายคร่าวๆ ก็พูดแค่ว่าอิ่น กวานหนุ่มผู้นั้นรับปาก แล้วว่าหากในอนาคตมาเที่ยวเยือนหลิวเสีย ทวีปจะไปดื่มเหล้ากับซือถูจ๋อวี้ก็เท่านั้นเอง

มารดามันเถอะ ถ้อยคําที่เจ้าตะพาบซือถูจือวี่ผู้นี้ใช้ในจดหมาย ไม่ใช่แค่ทนมองไม่ได้ธรรมดาๆ เลยจริงๆ ทุกคนต่างก็มีบรรพบุรุษคน เดียวกัน นี่เจ้าด่าใครกันแน่

ช่างมันเถอะ คิดเสียว่าถูกหมากัดก็แล้วกัน

ซือถูเมิ่งจิงพลันถามว่า “ลิ่งหูเจียวอวี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทําไมข้าถึง ต้องปิดภูเขาของเสี่ยวหลงชิวหกสิบปี?”

เด็กสาวส่ายหน้า ไม่ได้แกล้งโง่ แต่นางไม่รู้จริงๆ

ซือถูเมิ่งจิงกล่าว “ความคิดที่ต้าหลงชิวหวังว่าเสี่ยวหลงซิวจะ กลายเป็นสํานักได้ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”

ซือถูเมิ่งจิงเองก็ไม่คิดจะวกวนอ้อมค้อม พูดอย่างตรงไปตรงมา ว่า “ข้ามารับหน้าที่เป็นเจ้าขุนเขาอยู่ที่นี่หกสิบปี จะถ่ายทอดวิชาลับ

ของต้าหลงชิวให้เจ้าด้วยตัวเอง เจ้าและข้ามีความสัมพันธ์คล้ายกับ เป็นอาจารย์และศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อ หกสิบปีให้หลัง เจ้าเป็น

ล้วนจะต้องมารับ

ขอบเขตโอสถทองก็ดี ขอบเขตก่อกําเนิดก็ช่าง ตําแหน่งเจ้าขุนเขาต่อจากข้า ต่อให้ถึงเวลานั้นขอบเขตของคนร่วม สํานักจะสูงกว่าเจ้า ยกตัวอย่างเช่นหงเยี่ยนที่เพิ่งถูกถอนตําแหน่งผู้ คุมกฎไป และยังมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดคู่นั้นหลินฮุ่ยจื่อ ข้าก็ไม่มีทาง

เปลี่ยนการตัดสินใจในวันนี้ของตัวเอง สถานการณ์เพียงหนึ่งเดียวที่ จะเป็นข้อยกเว้นก็คือเว้นเสียแต่ว่าอยู่ดีๆ เสี่ยวหลงชิวก็มีผู้มี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!