เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ดอกเหมยร่วงโรยใต้ขั้นบันไดเหมือนหิมะกองทับถม เกาจวินได้ยินแล้วก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายพูดจาข่มขวัญให้เกรงกลัว
จงใจหลอกลวงตนนางเพียงแค่ถอนหายใจเบาๆ หลายปีมานี้นางฝึกวิชาคาถาตระกูลเซียน เรียกได้ว่าตั้งใจมานะ
พยายาม คิดไม่ถึงว่าเมื่อเจอกับเจ๋อเซียนที่กลับมาเยือนพื้นที่มงคล
เราต้อง
อีกครั้งอย่างอีกฝ่ายแล้วจะยังมีโอกาสชนะแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ในเมื่ออีกฝ่ายกล้ามาเยือนพรรคหูซานเพียงลําพังก็แสดงว่าต้อง มีที่พึ่ง บางทีศักยภาพของตัวเขาเองก็น่าจะแข็งแกร่งมากพอ หรือไม่ ก็มีกองหนุนที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับแล้วนับประสาอะไรกับที่การล้อมจับ ที่กองกําลังของแต่ละฝ่ายปะหน้าทาแป้งขึ้นเวทีที่เมืองหลวง
แคว้นหนันเยวี่ยนในตอนนั้น เซียนกระบี่ที่มีรูปโฉมเป็นเด็กหนุ่มผู้นี้ ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมหนาหนัก สุดท้ายก็ยังแสดงฝีมือได้อย่างโดด
เด่น เดินขึ้นสู่หัวกําแพงสังหารติงอิงสยบทั้งเมืองหลวง เป็นเหตุให้ บรรพจารย์อวีไม่กล้าเดินเข้าไปในเมืองหลวงแม้แต่ก้าวเดียวนับตั้งแต่
ผ่านศึกนั้นมาชื่อเสียงของเขาก็เลื่องลือไปทั่วใต้หล้า เกาจวินใช้เสียงในใจออกคําสั่ง “สลายค่ายกล”
ก่อนที่บรรพจารย์อวี่จะบินทะยานได้ทิ้งค่ายกลเซียนเหรินที่วาด
ด้วยมือตัวเองไว้ให้กับพรรคหูซาน เพียงแต่ว่าบรรพจารย์อวีได้กําชับ
กับเกาจวินไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ค่ายกลใหญ่ปกป้องภูเขานี้เป็นแค่ ความเพ้อฝันอย่างหนึ่งเท่านั้น จําเป็นต้องรอคอยให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงกับฟ้าอํานวย รอให้มีภาพปรากฏการณ์ที่มีฝนรสหวาน
ตกลงมาจากฟากฟ้าถึงจะมีโอกาสได้นํามาใช้อย่างแท้จริง เกาจวินที่ เคารพครูบาอาจารย์มาตลอดทําตามคําสั่งหลังจากปิดด่านแล้วออก
จากด่านมาอีกครั้งก็ออกไปข้างนอกเพียงลําพัง ท่องเที่ยวหา
ประสบการณ์อยู่หลายปี ไปเยือนห้ามหาบรรพตในใต้หล้ามาจนทั่ว ขึ้นเขาไปเยี่ยมเยือนเซียนเพียงลําพัง หวังว่าจะหาคนบนเส้นทาง
เดียวกันเจอ ขณะเดียวกันก็ได้รวบรวมภาพค่ายกลที่อวี่เจินอี้ทิ้ง เอาไว้ ไปเยือนฟ้าดินเล็กของห้ามหาบรรพตในใต้หล้า อยู่ในมหา บรรพตกลาง เกาจวินไต่ทะยานขึ้นสู่ที่สูงไปตลอดทาง หน้าผาสูงชัน ไร้เส้นทางให้ก้าวเดินเทือกเขาสูงปรากฏอยู่ในก้อนเมฆ ถึงได้รู้ว่า
ภูเขาลูกนี้สูงที่สุด อยู่บนยอดเขาที่คล้ายกับเกาะล่องลอยอยู่กลาง ทะเลเมฆอย่างเดียวดายแห่งนั้น เกาจวินได้เจอกับร่องรอยของเซียน เหริน ที่มาสร้างกระท่อมฝึกตน แต่ได้แค่ถือว่าเป็นร่องรอยอย่างหนึ่ง เท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นโบราณสถาน เพราะของตกแต่งมากมายใน กระท่อมที่แม้จะงามประณีต แต่ก็ไม่น่าจะผ่านเวลามานานนัก ใน
กระถางไฟยังมีกิ่งต้นสนต้นป่ายหลงเหลืออยู่ เกาจวินสามารถ จินตนาการได้เลยว่ามีผู้อาวุโส “เซียนเหริน” ท่านหนึ่งมานั่งเผากิ่ง ต้นป่ายท่องคัมภีร์อยู่ที่นี่ อยู่ที่มหาบรรพตอุดร ดอกไม้บนภูเขา
แตกต่างจากในโลกมนุษย์ ยามที่นอกภูเขาอยู่ในช่วงอากาศร้อนระอุ ในภูเขากลับยังคงมีหิมะทับถมหนาหนัก เกาจวินมองปรากฏการณ์
ดวงดาวยามค่ําคืน ตอนฟ้าสางก็ได้พบนักพรตผู้หนึ่งที่ขี่กวางสีขาว มา เขาบอกว่าตัวเองคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาลูกนี้ มีสีหน้าเย่อหยิ่ง มองเกาจวินเป็น “คนของแคว้นเบื้องล่าง” แต่อีกฝ่ายคงจะมองออกว่า มรรคกถาของเกาจวินไม่ตื้นเขิน แม้จะไม่ชอบที่นางบุกเข้ามาใน ภูเขาโดยพลการ แต่ก็ไม่ได้ใช้ถ้อยคําหยาบคาย เพียงแค่เตือนเกาจ วินว่าห้ามช่วงชิงทรัพย์สมบัติชิ้นใดไปจากภูเขาลูกนี้ ยามที่ฟ้าโล่ง โปร่งสามารถมองเห็นยอดเขาของมหาบรรพตบูรพาเหนือมหาสมุทร
มหาสาคอยอวล พื้นน้ํา
มหาสมุทรส่องประกายแสงแดงเพลิงของดวงตะวัน
ฉับพลันนั้น
สายฟ้าก็แลบแปลบปลาบ ลมพัดกระโชกฝนตกกระหน่ําทิวามืดสลัว เหมือนยามราตรี ได้เห็นเองกับตาว่าในสระลึกกลางภูเขามีมังกรร้าย ตัวหนึ่งโผบิน เหนือยอดเขาสูงตระหง่านรวบรวมแก่นลมปราณแห่ง ฟ้าดิน พลังอํานาจอันยิ่งใหญ่แสดงให้เห็นถึงรากฐานแห่งปฐพี เรือน กายของมันยาวร้อยจั่ง เลื้อยคดเคี้ยวขึ้นไปบนภูเขากดทับให้ก้อนหิน ภูเขาแตกไปนับไม่ถ้วน เวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วกะพริบตา มังกรร้ายที่ เลื้อยวนไปรอบยอดเขาก็สร้างเส้นทางหินใหม่เอี่ยมเส้นหนึ่งที่คล้าย
กับงูขดตัวสิบแปดรอบไว้บนภูเขา แต่กลับถูกบุรุษสวมกวานสูงที่มี
ดวงตาสีทองอ่อนจางผู้หนึ่งที่ในมือถือตราประทับอาคมหยกขาว แกะสลักตัวอักษรโบราณเหมือนอักษรเหนี่ยวจ้วน ไม่เพียงแต่ ขัดขวางการขึ้นสู่ที่สูงของมังกรร้ายไว้ได้ ยังใช้ตราประทับอาคมที่
พลันขยายใหญ่เหมือนยอดเขากระแทกเข้าไปที่หน้าผากของมังกร ร้าย ซัดมันให้ร่วงกลับเข้าไปในสระมังกรอีกครั้ง หลังจากนั้นบนผิว น้ําก็มีคาถาบทหนึ่งที่เป็นภาษายากจะเข้าใจลอยขึ้นมา ประกอบด้วย
ตัวอักษรสีทองหลายพันตัว ประหนึ่งโองการค่ายกลเซียนที่สยบ กําราบมันไว้ใต้สระลึก เทพเกราะทองที่ในมือถือตราประทับอาคม ปากอมกฎสวรรค์ ลงโทษให้มันฝึกบําเพ็ญตนอยู่ในสระลึกเป็นเวลา
สามร้อยปีถึงจะได้กลับมาเห็นเดือนเห็นตะวันได้อีกครั้ง บนมหา บรรพตประจิมที่ยอดเขามากมายสูงชันอันตราย ไอสังหารแผ่อวลทั่ว ทุกหนแห่ง เกาจวินได้พบปัญญาชนรูปโฉมอ่อนเยาว์คนหนึ่ง บนร่าง เต็มไปด้วยกลิ่นอายมรรคาล่องลอย เชื้อเชิญให้เกาจวินที่สวมชุด
ลูกที่ถ้ําสถิต เกาจวินมีสีหน้าเป็น
ปกติ เพียงแต่หดมือกลับเข้าไปในชายแขนเสื้อคีบยันต์เอาไว้
ติดตามปัญญาชนหนุ่มคนนั้นไป เห็นเพียงจวนโอ่อ่าหลังหนึ่งที่ตั้ง
ตระหง่านอยู่ท่ามกลางกลุ่มก้อนเมฆสีเหลืองและสีแดง ประหนึ่ง
ตําหนักของเง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์ ผู้เฒ่าที่เป็นคนเฝ้าประตู เหมือนจะเป็นภูตในภูเขา ประตูสีชาดถูกเปิดออกนางกํานัลจับกลุ่ม กัน แต่พวกนางล้วนไม่ใช่คนที่มีชีวิต ยามที่ก้าวเดินจะมีลมโชยบางๆ ลอยมาปะทะใบหน้าพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้ ปัญญาชน ยิ้มแย้มบอกว่าลมเย็นระรื่นนี้หาได้ยากยิ่งบนโลก มีเพียงภูเขาของข้า
เท่านั้นที่มี ทั้งสามารถพัดผ่านทวารทั้งเจ็ดบนใบหน้าของคนไปบํารุง ฐานกระดูกได้ แล้วก็สามารถช่วยรักษาความงามความอ่อนเยาว์
ให้กับสตรีที่เป็นมนุษย์ธรรมดาได้ ด้านในห้องโถงหลักแขวน
ภาพเหมือนของเทพหญิงผู้หนึ่งเอาไว้ มีสาวใช้เดินเอากระบอกธูปมา
ส่งให้ทันที ปัญญาชนคีบธูปสามดอกออกมาให้เกาจวินก่อน บอกว่า
ควันธูปในโลกมนุษย์แบ่งน้ํากับภูเขา หลังจากนั้นเขาก็นําพาเกาจวิน จุดธูปขอพรต่อมหาบรรพตอันศักดิ์สิทธิ์ ก้มกราบบูชา หลังจากพา กันนั่งลงแล้ว ปัญญาชนก็ถามเกาจวินว่ามีคู่หมายหรือยัง ยินดีจะผูก บําเพ็ญเพียรกับเขาหรือไม่…
เที่ยวเยือนไปตามภูเขาสายน้ําใหญ่ที่มีชื่อเสียงในใต้หล้า ใน ที่สุดเกาจวินก็สามารถปรับแก้ภาพเขียนที่บรรพจารย์อวี่ทิ้งไว้ให้ เสร็จสมบูรณ์จนได้ นางตั้งจุดศูนย์กลางของค่ายกล แล้วจึงทําตาม คําแนะนําในบทหล่อหลอมของตําราเต๋า เกาจวินได้คัดเลือกสมบัติ
สองสามชิ้นที่สามารถรองรับปราณวิญญาณฟ้าดินได้อย่างเป็น
ธรรมชาติมาอย่างตั้งใจ ให้พวกมันเชื่อมรากภูเขาเส้นสายน้ําของ พรรคหูซานให้แน่นกระชับ โดยมีกระบี่เขียนเล่มที่บรรพจารย์อวี่ทิ้งไว้ เป็นแกนหลัก สุดท้ายก็สร้างค่ายกลใหญ่พิทักษ์ภูเขาที่ได้ทั้งป้องกัน และโจมตีขึ้นมาได้
และโจมตีขึ้นมาได้
หากจะบอกว่าอวี่เจินอี้คือผู้บรรลุมรรคาคนแรก ถึงสุดท้ายแล้วก็ แค่คํานึงถึงแต่ประโยชน์ของตนเองเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นเกาจวินก็คือ
บรรพจารย์ผู้บุกเบิกขุนเขาตามความหมายที่แท้จริงของพรรคหูซาน
แล้ว นางสร้างค่ายกลขึ้นมาด้วยตัวเอง ถ่ายทอดคาถาเซียนจาก คัมภีร์เต๋า ช่วยชี้แนะด้านการฝึกตนให้กับลูกศิษย์ในสํานัก ทั้ง
ถ่ายทอดมรรคาทั้งปกป้องมรรคา แตกกิ่งก้านสาขาให้กับสํานักไป
นับแต่นี้ ก่อนที่เฉินผิงอันจะปรากฏตัวได้ทําการสํารวจภูเขาสายน้ํา อย่างคร่าวๆ ไปรอบหนึ่ง เขามองออกว่าเมื่อผ่านการดูแลอย่างตั้งใจ และเหมาะสมตลอดหลายปีมานี้ หากวันหนึ่งเกาจวินได้เป็นขอบเขต
ก่อกําเนิด นั่งครองตําแหน่งบุคคลอันดับหนึ่งในใต้หล้าได้อย่างมั่นคง
แล้วค่อยหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมมาสักคนหนึ่ง จากนั้นสร้างโอสถ
ทองขึ้นอีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นภายในเวลาสามร้อยห้าร้อยปีในอนาคต
ลูกศิษย์ในสํานักของพรรคหูซานก็จะมีคนมากความสามารถมา
ชุมนุมกัน คนฝึกวรยุทธเซียนฝึกบําเพ็ญดวงจิต ไม่ถ่วงรั้งทั้งสองทาง บัลลังก์ของจวนเซียนอันดับหนึ่งบนภูเขาที่พรรคหูซานได้นั่งครองก็
ยากที่จะสั่นคลอนได้อีก
เกาจวินถาม “ขอถามอายุในการฝึกตนบนภูเขาของเซียนกระบี่ เฉินได้หรือไม่?”
เฉินผิงอันส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม ใช้คําพูดปฏิเสธอย่างละมุน
ละม่อม
เกาจวินถามอีก “ในใต้หล้าไพศาลแห่งนั้น ผู้บรรลุมรรคาที่
ถามกล่าวถึงอายุขัย” เขตเลิศล้ําอย่างเขียนกระบี่เฉินมีเยอะหรือไม่?”
ขอบเขตเลิศล้ําอย่างเซียนกระบี่เฉินมีเยอะหรือไม่?”
เฉินผิงอันได้แต่พยักหน้า “เยอะมาก แต่ไม่ถือว่า ‘เลิศล้ํา” และ
“บรรลุมรรคา อะไร”
ผู้ฝึกลมปราณขอบเขตก่อกําเนิดมีเยอะมากจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!