กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 992

เฉินผิงอันเอ่ยเนิบช้าว่า “เส้นทางการฝึกตน ฝ่าทะลุขอบเขตไต่ ทะยานขึ้นสูงไปทีละขั้นก็เป็นการฝึกอบรมบ่มเพาะจิตใจเช่นเดียวกัน

จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ นกบินบนนภาต้องปีนขึ้นไปบนยอดเขา

ตระหง่าน แม้ไร้หนทางแต่ข้าก็จะขึ้นไปสู่ยอดเขาให้จงได้ หรือจะเป็น เดินไปจนสุดปลายน้ํานั่งมองก้อนเมฆลอยตัว เมื่อบรรลุกระจ่างแจ้ง

หมื่นสรรพสิ่งก็สว่างไสว คล้ายได้ยินเสียงฟ้าผ่าบนพื้นดินราบ”

เกาจวินครุ่นคิดตามไปอย่างละเอียดแล้วจึงพยักหน้ารับ “คํา

กล่าวนี้ของเซียนกระบี่เฉินยอดเยี่ยมมาก ประหนึ่งถ้อยคําของเทพที่

เฉินผิงอันหลุดหัวเราะหริด

เกาจวินรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการกิจธุระ

และการอยู่ร่วมกับคนอื่น การที่นางมาเป็นเจ้าประมุขของพรรคหูซาน

ได้ นอกจากจะเป็นคําสั่งที่บรรพจารย์อวี่สั่งไว้ ขณะเดียวกันเขาก็ได้ ช่วยเก็บกวาดอุปสรรคทุกอย่างให้นางอย่างลับๆ นอกจากนี้ก็เป็น เพราะนางเกิดมาก็เหมาะกับการฝึกวิชาตระกูลเซียนจริงๆ สามารถ

ฝ่าทะลุขอบเขตได้อย่างรวดเร็วที่สุด สําหรับเกาจวินแล้วนี่ก็

เหมือนว่าระหว่างฟ้าดินมีประตูสวรรค์บานหนึ่งโผล่เพิ่มมา ในอดีต

หากอยากเป็นคนเหนือคนที่มองเหยียดเหล่าจักรพรรดิในโลกมนุษย์

ได้ ก็ได้แต่หันไปฝึกวรยุทธเรียนหมัด กลายไปเป็นปรมาจารย์ด้าน การเรียนวรยุทธ ผลกลับกลายเป็นว่าอยู่ดีๆ บนโลกก็มีทางเส้นหนึ่ง เพิ่มมา เจินเหรินผู้พิทักษ์อยู่บนพื้นพสุธา เทพและภูตประหลาด ทั้งหลายที่มักจะอ่านเจอในนิยายปรัมปราไม่ใช่บุคคลที่ล่องลอยอยู่

ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึงอีกต่อไป แต่กลายมาเป็นบุคคลและเรื่องราวที่ อยู่ใกล้เพียงข้างมือ

นางก็คือคนที่โชคดีมากที่สุดของพรรคหูซาน

ไม่อย่างนั้นปีนั้นติดตามบรรพจารย์ไปเยือนเมืองหลวง

แคว้นหนันเยวี่ยน อวี้เจินอี้ก็เคยให้ข้อสรุปบอกว่า หากชีวิตนี้นาง เกาจวินได้แต่เดินไปบนเส้นทางของการเรียนวรยุทธอย่างมากสุดก็ ได้แค่เป็นยอดฝีมือในยุทธภพอย่างพวกราชครูจังซิว หรือไม่ก็

ฮองเฮาจูซูเจินเท่านั้น

เกาจวินมีสีหน้าละอายใจเล็กน้อย “เซียนกระบี่เฉินรู้อะไรก็เล่าให้ ฟังทั้งหมด ถามอะไรก็ตอบ เกาจวินขอขอบคุณท่านจากใจจริง” เฉินผิงอันเอ่ยหยอกล้อว่า “เจ้าประมุขเกาเชิญถามมาได้เลย ข้า ไม่มีทางรู้สึกรําคาญเด็ดขาด นิสัยที่คนอื่นบอกว่าชอบทําตัวเป็นครู ของข้ายากจะเปลี่ยนได้จริงๆ”

เกาจวินก็ไม่เกรงใจอีกจริงๆ ถามต่ออีกว่า “ก่อนหน้านี้เซียน กระบี่เฉินพูดถึงการฝ่าทะลุขอบเขตเดินขึ้นสูงไปทีละขั้น การฝึกตน

เหมือนการเดินขึ้นบันได ถ้าอย่างนั้นผู้ฝึกตนอย่างพวกเรามีการแบ่ง

ขอบเขตและชื่อเรียกอย่างเป็นรูปธรรมหรือไม่?”

เปิด

เฉินผิงอันพยักหน้า “ห้าขอบเขตกลาง ถ้ําสถิต มีความหมายว่า ร่างกายและฟ้าดินด้านนอกเชื่อมโยงกันเหมือนพาดสะพาน ประตูจวน เริ่มดูดซับปราณวิญญาณจากฟ้าดิน ชมมหาสมุทร เอา มาจากสองคําว่า “ข้าขึ้นหอสูงชมร้อยสายน้ํา ไหลลงสู่มหาสมุทรก็ คือไหลลงสู่อ้อมอกข้า” เดินขึ้นสู่ที่สูงชมมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ไพศาล รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของใต้หล้า เมื่อผู้ฝึกตนมีถ้ําสถิตในจํานวน

ที่แน่นอนแล้วก็จะดูดซับเอาปราณวิญญาณฟ้าดินมาอย่างต่อเนื่อง

หากรั้งไว้ได้ก็จะย้อนกลับไปหล่อเลี้ยงเรือนกาย บํารุงจิตวิญญาณ

เหมือนสายน้ําที่ไหลรินไม่หยุด ขยับขยายเส้นทางท้องน้ําให้กว้างขึ้น อย่างต่อเนื่อง บุกเบิกเส้นชีพจรเหมือนการปูทางหลวงสร้างจุดพักม้า ประตูมังกร ปราณวิญญาณที่กระจายอยู่ในช่องโพรงลมปราณต่างๆ ของผู้ฝึกลมปราณเหมือนได้รวมตัวกันกลายเป็นเจียวน้ําตัวหนึ่งที่

ทวนกระแสน้ําลอยขึ้นเบื้องบน สุดท้ายจะสามารถกระโดดข้ามประตู มังกรไปได้หรือไม่ก็คือธรณีประตูที่ใหญ่มาก ทําสําเร็จก็จะหา “ห้อง โอสถ” แห่งหนึ่งเจอ คือความลี้ลับในความลี้ลับเหมือนได้เปิดถ้ํา สวรรค์แห่งใหม่ไปเจอโลกอีกใบหนึ่ง เป็นเหตุให้มีคํากล่าวบนภูเขา ที่ว่า “ผู้ที่สร้างโอสถทองได้ ล้วนเป็นคนรุ่นเดียวกับข้า” ข้ามไปไม่ได้ ปราณวิญญาณไหลทวนกระแสน้ําพุ่งชนด่านไม่สําเร็จเป็นเหตุให้

มหาสมุทรลมปราณในจุดตันเถียนแห้งขอด สุดท้ายมีความเป็นไปได้

สูงว่าจะหยุดอยู่ที่ขอบเขตถ้ําสถิตไปตลอดชีวิต นี่จึงเป็นเหตุให้การ

สร้างโอสถทองของผู้ฝึกลมปราณ โอสถอยู่ในระดับที่เท่าไรก็เหมือน

การสอบเคอจวี่ในโลกมนุษย์ที่มีการแบ่งแยกขอบเขตสูงต่ํา ระดับ

การหล่อหลอมของโอสถทองเม็ดหนึ่ง ขนาดใหญ่เล็กของห้องโอสถ

รวมไปถึงตอนที่สร้างโอสถสามารถชักนําให้เกิดภาพเหตุการณ์

ผิดปกติที่ฟ้าดินขานรับกันได้หรือไม่ ล้วนมีข้อพิถีพิถันต่างกันไป

มหามรรคาแปรปรวนไม่แน่นอนเจตนารมณ์สวรรค์ยากจะคาดเดา จะ กลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกตนที่แท้จริงได้หรือไม่ จะได้รับ เงื่อนไขที่ดีเยี่ยมอย่างจริงแท้หรือไม่ ก็ล้วนอยู่ที่การกระทํานี้ หลังจาก นั้นก็จะเป็นก่อกําเนิด สามารถปล่อยจิตหยินออกจากช่องโพรงเดิน ทางไกล ช่วยให้จิตหยางกายนอกกายนั่งพิทักษ์ฟ้าดินเล็ก เหมือน

อย่างที่ในตํารากล่าวไว้ว่า ปรมาจารย์ทะยานลมอย่างเยือกเย็น ท่องเที่ยวระหว่างฟ้าดินอย่างเสรี”

“ในสถานการณ์ทั่วไป โอสถทองและก่อกําเนิดต่างก็เรียก รวมกันว่าเป็นเซียนดิน ผู้ฝึกลมปราณออกเดินทางไปเยือนภูเขา

สายน้ําในทวีปหนึ่งของใต้หล้าไพศาลเพียงลําพัง ต่อให้เปิดภูเขา ก่อตั้งพรรค เป็นบรรพจารย์ผู้บุกเบิกภูเขา ก็ยังไม่มีปัญหาใดๆ”

“ข้าคะเนว่าโอสถที่บรรพจารย์อวี่ของพวกเจ้าสร้างได้คือระดับ

หนึ่ง ส่วนระดับขั้นโอสถทองของเจ้าประมุขเกาน่าจะอยู่ประมาณ ระดับที่สอง ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว ต่อให้อยู่ในใต้หล้าไพศาล ได้

ครอบครองโอสถทองระดับสองเม็ดหนึ่งก็เป็นโชควาสนาที่เซียนดิน

มากมายปรารถนาแต่ก็มิอาจได้มาครองแล้ว”

พูดอย่างเรียบง่าย คนฟังก็เข้าใจได้ง่าย

มองดูเหมือนเป็นการคุยเล่นที่เฉินผิงอันพูดถึงแค่ “ความรู้ทั่วไป” ในด้านการฝึกตนซึ่งไม่ถือว่าลึกซึ้งเข้าใจยากสักเท่าไรสําหรับใต้

หล้าไพศาล บางทีเซียนดินของภูเขาเมฆาเรื่องก็อาจจะพูดได้

เหมือนกัน

แต่สําหรับเกาจวินที่ทุกวันนี้ต้องทั้งทําความเข้าใจและทั้งสัมผัส

กับทุกเรื่องราวด้านการฝึกตนด้วยตัวเองแล้ว ทุกคําพูดของเขากลับ ล้ําค่าเหมือนทองคําเหมือนหยก คํากล่าวนี้มีคุณูปการดุจการแหวก เมฆเห็นแสงตะวัน ระดับความล้ําค่านั้นไม่เป็นรองคัมภีร์เต๋าที่บรรพ จารย์อวี่ทิ้งไว้เล่มนั้นเลย

เฉินผิงอันเองก็แค่พูดไปตามเรื่องตามราว เอ่ยถ้อยคําอย่างไร้ เจตนาซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลได้ผลเสียของเกาจวิน สืบสาวราวเรื่อง

กันแล้วก็เพราะมองนางเป็นสหายบนเส้นทางของการฝึกตนใน อนาคต ใช้จิตใจที่สงบเป็นกลางเอ่ยประโยคธรรมดาสามัญทั่วไป เท่านั้น

ผลคือรอกระทั่งเขาพูดจบ พริบตานั้นในหัวใจของเฉินผิงอันก็

สั่นสะท้านน้อยๆ อดหันไปกวาดตามองรอบด้านไม่ได้ คล้ายมีการรับ สัมผัสระหว่างคนและฟ้าบางอย่างที่มหัศจรรย์จนมิอาจใช้ถ้อยคํามา

บรรยาย ราวกับว่าได้รับคําชื่นชมและการยอมรับอย่างหนึ่งจากฟ้า

ดิน แห่งนี้…

รู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ไม่มีความรู้สึกติดขัด เหมือนตอนที่มาเยือนพรรคหูซานก่อนหน้านี้อีกแล้ว

นาทีนี้เฉินผิงอันยิ่งเข้าใจในคําพูดบางอย่างของหลวงจีนเฒ่าเจ้า

อาวาสวัดซินเซียงแคว้นหนันเยวี่ยน รวมไปถึงหลักการเหตุผล

บางอย่างที่ได้ฟังตอนเข้าร่วมรับฟังการไต่สวนคดีของศาลเทพ

อภิบาลเมืองยามค่ําคืนได้ลึกซึ้งขึ้นแล้ว

ขณะเดียวกันก็พิสูจน์ให้เห็นถึงการคาดเดานั้นของจูเหลี่ยนด้วย

ว่า มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าพื้นที่มงคลรากบัวแห่งนี้มีลางว่าจะเกิด

“เทพเทวดาน้อย” เกิดขึ้นมาจริงๆ เพียงแค่รอให้ “สติปัญญาเปิด ออก’ และทําการ “หลอมเรือนกาย” ต่อเท่านั้น อันที่จริงก่อนหน้านี้ การปรากฏตัวของสตรีที่จําแลงมาจากโชคชะตาบุ๋นของพื้นที่มงคล แล้วถูกฉางมิ่งค้นพบเข้าก็สามารถมองเป็นลางที่น้ํามาลําคลองจะก่อ

เกิดสําเร็จได้เหมือนกัน จนกระทั่งวันนี้ที่เฉินผิงอันมาเยือนพื้นที่

มงคลอีกครั้งหลังจากจากไปนานหลายปี แล้วยังได้รับการเห็นพ้อง จากฟ้าดินในระดับที่แน่นอนอย่างรวดเร็ว หรือว่าปากของพ่อครัว

เฒ่าจะศักดิ์สิทธิ์จริงๆ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!