เฉินผิงอันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ อดไม่ไหวเอ่ยเร่งเร ้า “มีอะไรก็พูดมา สิ หากเกิดเรื่องขึ้นจริงข้าสามารถกลับไปได้ทันทีเลย”
พาเสี่ยวโม่ไปด้วย หากไม่ได้จริงๆ ก็พาเซี่ยโก่วไปด้วยอีกคน ถึง อย่างไรข้อตกลงระหว่างเซี่ยโก่ว ป๋ ายเจ๋อและศาลบุ๋นแผ่นดินกลางก็ ไม่ได้รวมถึงใต้หล้าห้าสีอยู่แล้ว
เจิ้งต้าเฟิงถึงได้เปิดปากยิ้มเอ่ยว่า “อย่าว่าแต่นครบินทะยานเลย ทุกวันนี้ทั่วทั้งใต้หล้าห้าสี เวลานี้ต่างก็เป็ นเหมือนข้าเมื่อครู่นี้ ก็คือ ความเงียบงัน เก็บกลั้น ไม่มีใครพูดอะไร”
ทุกอย่างนี้เพราะประโยคเดียวของคนคนเดียว
พกกระบี่เดินทางไกลจากใต้หล้าไพศาล หวนกลับไปยังใต้หล้า ห้าสีอีกครั้ง ผ่านไปไม่นานเท่าไร หนิงเหยาก็เปิ ดการประชุมศาล บรรพจารย์ขึ้น สุดท้ายนางกล่าวอย่างกระชับเรียบง่าย บอกว่าตัวเอง คิดจะปิดด่านเล็กๆ ครั้งหนึ่ง สั้นหน่อยก็ปีครึ่งปี นานหน่อยก็สองสาม ปี
เฉินผิงอันได้ยินแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มกว้างเท่านั้น
ผู้ฝึ กตนห้าขอบเขตบนของใต้หล้าห้าสีในทุกวันนี้ มีจานวน พอจะนับได้ ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนเหรินอย่างมากสุดก็มีหนึ่งมือนับ บินทะยานกลับมีหนิงเหยาแค่คนเดียว
อีกทั้งการฝึ กกระบี่ของหนิงเหยา ไปอยู่ที่ใต้หล้าห้าสี ก่อนจะ เลื่อนเป็ นขอบเขตหยกดิบ จานวนครั้งในการปิดด่านของนาง หาก เฉินผิงอันจาไม่ผิดก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ตอนนั้นเขาก็อยู่ที่จวนหนิง ครั้งนั้นอันที่จริงหนิงเหยาไม่ได้ใช ้ เวลานานนัก ค าว่าปิดด่านของนางเหมือนการสงบใจฝึกตนมากกว่า ดังนั้นการปิดด่านของหนิงเหยาจึงแตกต่างไปจากการปิดด่านของผู้ ฝึกตนทุกคนในใต้หล้าที่ต้องระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีกอย่างสิ้นเชิง นี่จึงเป็ นเหตุให้การที่อยู่ดีๆ หนิงเหยาก็บอกว่าจะปิดด่าน อีกทั้งยัง เป็ นการปิดด่านที่ใช ้ค าว่า “นานสุด” ก็เป็ นเวลาสองสามปี ผู้ฝึกกระบี่ ของนครบินทะยานอึ้งตะลึงกันไปทันทีก็เป็ นเรื่องที่ปกติอย่างมาก ส่วนใต้หล้าห้าสีที่นอกเหนือจากนครบินทะยาน ได้ยินเรื่องนี้แล้วยัง จะพูดอะไรได้อีก?
หากใครกล้าท้าทายผู้ฝึ กกระบี่ของนครบินทะยานตอนที่หนิง เหยาปิดด่าน รอให้นางออกจากด่านแล้ว จุดจบจะเป็ นอย่างไรแค่คิด ก็พอจะรู ้ได้
คนที่ไม่เชื่อก็คือนักพรตซานชิง ผลคือการถามกระบี่ครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์ปิ ดส านักของมรรคาจารย์เต๋าผู้นี้ก็ต้องไปปิ ดด่านรักษา บาดแผลแล้ว
เจิ้งต้าเฟิงเอ่ยอย่างเปรี้ยวฝาดในใจ “ก่อนจะปิดด่านหลอมกระบี่ รู ้ว่าข้าต้องจากมาหนิงเหยายังตั้งใจมาหาข้าโดยเฉพาะ ก าชับข้าว่า ห้ามเล่าเรื่องในใต้หล้าห้าสี หลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าต้องเสียสมาธิ”
อันที่จริงเมื่อผ่านการขัดเกลาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ นครบิน ทะยานก็โคจรได้มีระเบียบมากแล้ว แต่ละฝ่ ายทาหน้าที่ของตัวเอง ผู้ ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์กับผู้ฝึกยุทธในคฤหาสน์หลบหนาวต่างก็ทยอยกัน เติบโต
เจิ้งต้าเฟิงทอดถอนใจเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่าภูเขาลั่วพั่วจะมีส านัก เบื้องล่างเร็วขนาดนี้”
“สานักเบื้องล่างเลือกที่ตั้งเป็ นใบถงทวีปก็ถูกต้องแล้ว ในช่วง เวลาที่สงบสุข อาณาเขตชายแดนของแคว้นแห่งหนึ่งเลี้ยงอ๋องเจ้า เมืองคนหนึ่งไว้เป็ นเรื่องยากถึงเพียงใด แค่อ่านต าราประวัติศาสตร ์มา บ้างก็จะรู ้ได้เอง ถ้าอย่างนั้นก็หลักการเดียวกัน ในทวีปแห่งหนึ่งเลี้ยง ดูผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนไว้หลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสานัก ก็เป็ น เรื่องที่ไม่ง่ายเหมือนกัน”
“ทางฝั่งของแจกันสมบัติทวีป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ทางภาค กลางและภาคเหนือที่ไม่ถูกไฟสงครามลุกลามไปโดน ปราณ วิญญาณฟ้ าดินและเขตอิทธิพลที่เหมาะกับการเปิ ดยอดเขาของ เซียนดินก็มีอยู่แค่นั้น ไม่เพียงแค่เป็ นช่วงเวลาที่พระมากโจ๊กน้อย แต่ เป็ นสภาพการณ์ที่ว่าใครที่มีเยอะ คนอื่นก็ต้องมีน้อยลง บางทีนอน หลับส่งเสียงกรนก็อาจดังไปรบกวนภูเขาด้านข้าง บรรดาเพื่อนบ้าน
ยากที่จะอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองได้ หากว่าช่างหร่วนไม่ย้ายส านัก กระบี่หลงเฉวียนออกไป ข้าก็มั่นใจได้เลยว่าไม่ถึงหนึ่งร ้อยปี จะต้องมี ปัญหากับภูเขาลั่วพั่วแน่ ข้าวแบบเดียวกันเลี้ยงคนได้ร ้อยแบบ ระหว่างลูกศิษย์ในอนาคตจะต้องมีข้อขัดแย้งไม่แบบนั้นก็แบบนี้อยู่ เสมอ แต่ใบถงทวีปนั้นตรงกันข้ามพอดี พระน้อยโจ๊กมาก พื้นที่ไร ้ เจ้าของมีมากมายดารดาษ แล้วก็เพราะใบถงทวีปอยู่ห่างจากทวีปอื่น ค่อนข้างไกล ทั้งยังมีแจกันสมบัติทวีปและทักษินาตยทวีปที่ต้องการ ให้ศาลบุ๋นสร ้างใหม่ช่วยคลี่คลายแรงปะทะหาไม่แล้วหากเปลี่ยนมา เป็ นหลิวเสียทวีปหรือธวัลทวีป ต่อให้สานักกระบี่ชิงผิงถูกสร ้างขึ้น อย่างราบรื่น ก็คงไม่มีพลังอานาจได้อย่างทุกวันนี้ ประเด็นสาคัญคือ ยังสามารถใช ้สถานะของมังกรข้ามแม่น้าดึงแต่ละฝ่ ายมาเป็ น พันธมิตร สามารถควบคุมและเป็ นผู้ด าเนินการหลักในเรื่องการขุด เจาะลาน้าใหญ่ใหม่เอี่ยมเส้นหนึ่งได้ด้วย”
เฉินหลิงจวินพูดหน้าทะเล้น “พี่ต้าเฟิง หากเจ้ายังพูดคุยอย่าง จริงจังเช่นนี้อีก ข้าก็เกือบจะจ าเจ้าไม่ได้แล้วนะ”
เจิ้งต้าเฟิงหยิบเหล็กเขี่ยถ่านมาขยับฟืน ถามว่า “หรือว่าทุกวันนี้ สตรีของที่นี่ต่างก็ไม่ชอบบุรุษมีเสน่ห์ที่พูดจาตลกขบขัน มากด้วย พรสวรรค์ความสามารถ หันไปชอบคนซื่อที่เงียบขรึมพูดน้อย เอา จริงเอาจังกันแล้ว?”
เฉินหลิงจวินกล่าว “คนขี้เหร่ไม่เป็ นที่ชื่นชอบ ผ่านไปอีกหมื่นปี ก็ยังเป็ นหลักการนี้”
ไม่สนใจสองคนที่หยอกกันไปมา เฉินผิงอันยื่นมือไปพลิกบ๊ะจ่าง ที่ใบด้านนอกเริ่มเป็ นสีเหลืองเกรียมส่งกลิ่นหอม แล้วถูปลายนิ้วเข้า ด้วยกัน ถามว่า “เจ้าตัดสินใจจะไปลงหลักปักฐานอยู่ที่สานักกระบี่ชิง ผิงจริงๆ หรือ?”
เจิ้งต้าเฟิงพยักหน้ายิ้มเอ่ย “คนเสเพลไม่เป็ นโล้ไม่เป็ นพายนี่นา ไม่เคยอยู่ในโอวาทสงบส ารวมอยู่แล้ว ชะตาต้องร่อนเร่พเนจรไป เท่านั้น”
เฉินผิงอันหมดค าจะเอ่ย
เซียนเว่ยเปิดปากเอ่ยว่า “พี่ต้าเฟิง หากต้องไปอยู่สานักเบื้องล่าง เพราะข้าก็ไม่จ าเป็ นเลย ข้าย้ายขึ้นไปบนภูเขาก็ได้ หรือจะย้ายไปที่ ตรอกฉีหลงก็ได้ หากท่านไม่รังเกียจ ไม่รู้สึกว่าขวางหูขวางตา ถ้า อย่างนั้นข้าก็จะทาหน้าหนาขออยู่ที่นี่ต่อ…”
เจิ้งต้าเฟิ งโบกมือยิ้มพูดตัดบทนักพรตเซียนเว่ย หยิบบ๊ะจ่างที่ ย่างจนกลายเป็ นสีเหลืองทองขึ้นมา “หากจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับน้อง เซียนเว่ยเสียเลย นั่นก็เป็ นคาพูดหลอกผีแล้ว แต่ก็บอกตรงๆ ว่าแม้จะ เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องมากนัก หนึ่งเพราะข้าอยู่ที่นี่มิอาจช่วย อะไรได้ ผู้ฝึกยุทธของภูเขาลั่วพั่ว หากไม่ได้เป็ นคนอย่างเจ้าขุนเขา หรือพ่อครัวเฒ่าก็เป็ นคนอย่างเว่ยคอแข็งกับหลูป๋ ายเซี่ยงที่เหมือน แยกบ้านออกไปอยู่ส่วนตัวแล้ว ยังต้องให้ข้าคอยช่วยสอนหมัดหรือ? ข้าก็อยากสอนอยู่หรอก แต่พวกเขาไม่เต็มใจจะเรียนนี่นา สอนหมัด อยู่ที่คฤหาสน์หลบหนาวนครบินทะยานมานานหลายปี พอจะมีข้อคิด
ที่ได้จากประสบการณ์อยู่บ้าง ตามค ากล่าวของชุยตงซาน ส านัก เบื้องล่างตั้งใจจะให้ภูเขาอวิ๋นเจิง เป็ นสถานที่ที่ผู้ฝึกยุทธเรียนหมัด ข้าไปอยู่ที่นั่นก็มีพื้นที่ให้แสดงฝีมือแล้ว อีกอย่างที่เมืองเล็ก สตรีที่ เมื่อก่อนชื่นชมในความสามารถของข้า ละโมบอยากกินเรือนกายข้า ตอนนั้นยังพูดได้ว่าพวกนางเป็ นสตรีโตเต็มวัยที่มีเสน่ห์ มีความเย้า ยวน แต่ตอนนี้พวกนางส่วนใหญ่ล้วนอายุมากกันแล้ว หากไม่ผิดไป จากที่คาดก็น่าจะมีหลานกันแล้วกระมัง เจอหน้ากันยังจะพูดคุยอะไร กันได้อีก มีแต่จะเพิ่มความเสียใจให้กันเท่านั้น”
เฉินหลิงจวินกลอกตามองบน “จะกินบ๊ะจ่างสักชิ้นก็ยังต้อง สะอิดสะเอียนแบบนี้
จากนั้นเด็กชายชุดเขียวก็หันไปสบตากับเจิ้งต้าเฟิง ทั้งสองฝ่ าย ต่างก็หัวเราะหึหึ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!