เกาจวินอยากจะปฏิเสธ ไปเป็ นแขกที่ภูเขาพีอวิ๋น แขกไม่พก ของขวัญพบหน้าไปก็ยังพอท าเนา ไหนเลยจะยังมีเหตุผลให้รับ ของขวัญมาจากเจ้าบ้านอีก เพียงแต่นางตัดใจจะคืนให้อีกฝ่ ายไม่ได้ จริงๆ จึงหยุดการทะยานลม รับตาราตระกูลเขียนสองเล่มที่สามารถ ช่วยคลี่คลายไฟไหม้ลามขนคิ้วของตัวเองได้ดีที่สุดมา เกาจวินคารวะ ตามขนบลัทธิเต๋ขอบคุณเว่ยซานจวินที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็ นอย่างดี เว่ยป้ อหลุดหัวเราะพรืด เจ้าประมุขเกาที่มีมารยาทอย่างมากผู้นี้ หาก ในอนาคตกลายมาเป็ นผู้ฝึ กตนท าเนียบของภูเขาลั่วพั่วหรือไม่ก็ เค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่ออย่างจงเชี่ยน คาดว่าต่อให้เข้าร่วมการ ประชุมศาลบรรพจารย์หลายครั้งก็ยังต้องรู ้สึกปรับตัวไม่ได้อยู่ เหมือนเดิมกระมัง
ขนบธรรมเนียมของภูเขาลั่วพั่ว คนทั่วไปคิดจะปรับตัวให้ กลมกลืน ทั้งต้องมีความสามารถในการทาความเข้าใจ และยิ่งต้องมี วาสนาต่อกัน
เว่ยป้ อรู ้สึกว่าจนถึงตอนนี้ตนก็ยังเข้ากับขนบธรรมเนียมของ ภูเขาลั่วพั่วไม่ได้เลย หากจะพูดถึงลมเย็นปราณเที่ยงตรงแล้วล่ะก็ ยัง ต้องเป็ นภูเขาพีอวิ๋นของตนเท่านั้น
เว่ยป้ อยิ้มเอ่ย “แม้จะตกเป็ นที่ต้องสงสัยว่าชมตัวเอง แต่เพื่อไม่ให้ เจ้าประมุขเกาเข้าใจผิดก็จ าเป็ นต้องอธิบายสักสองสามค า ซานจวิ นแห่งมหาบรรพตอุดรอย่างข้าไม่เพียงแต่เป็ นซานจวินประจ าแคว้น ของราชวงศ์ต้าหลีเท่านั้น ภูเขาพีอวิ๋นที่อยู่ตรงหน้านี้ยังเป็ นมหา บรรพตอุดรของแจกันสมบัติทวีปอีกด้วย เพราะเมื่อหลายปี ก่อน ราชวงศ์ต้าหลียังอยู่ในสถานการณ์ที่ว่าหนึ่งแคว้นก็คือหนึ่งทวีป ภายหลังมีลาน้าใหญ่ภาคกลางเป็ นเส้นแบ่ง สกุลซ่งต้าหลีถอย กลับไปอยู่ทางเหนือของลาน้าใหญ่ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังได้ครอบครอง แผ่นดินครึ่งหนึ่งของแจกันสมบัติทวีป”
เกาจวินกระจ่างแจ้งโดยพลัน พื้นที่มงคลบ้านเกิดก็เป็ นเช่นนี้ เหมือนกัน ห้ามหาบรรพตตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างฟ้ าดิน ราวกับว่าไม่ ต้องให้จักรพรรดิแต่งตั้งก็ได้รับการยอมรับจากฟ้ าดินแล้ว ถังเถี่ยอี้ ฮ่องเต้พระองค์ใหม่แห่งแคว้นเป่ ยจิ้นที่ยึดครองบัลลังก ์แต่กลับไม่ได้ ผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ก็เคยคิดอยากแต่งตั้งขุนเขาเหนือในอาณาเขต ของแคว้นเช่นกัน ยกขบวนเดินทางออกจากเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ ผลคือขบวนเพิ่งจะไปถึงตีนเขา ฟ้ าดินก็เกิดภาพเหตุการณ์ผิดปกติ ลมฝนพัดกระโชกแรง สายฟ้ าตัดสลับกัน เป็ นเหตุให้คนทั้งกลุ่มไม่ ทันได้เดินขึ้นเขา ถังเถี่ยอี้เองก็ไม่อาจบุกฆ่าขึ้นเขาไปเพียงลาพังได้ สุดท้ายจึงกลายมาเป็ นเรื่องตลกใหญ่เทียมฟ้ า ฮ่องเต้เว่ยเยี่ยนแห่ง แคว้นหนันเยวี่ยนที่เดิมทีก็คิดจะทาแบบเดียวกันจึงไม่ไปชนตออย่างรู ้ อะไรควรไม่ควร
เกาจวินรู ้เรื่องราวและบุคคลประหลาดมากมายในภูเขาเพราะเคย ไปเยือนห้ามหาบรรพตด้วยตัวเองมาก่อน เป็ นเหตุให้นางได้ส่ง จดหมายลับฉบับหนึ่งไปให้ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของแคว้นซงไล่นาน แล้ว ตั้งใจเตือนเรื่องนี้โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงไม่ให้ทางราชสานัก กระท าการบุ่มบ่ามกลายเป็ นแตกหักกับซานจวิน
เว่ยป้ อกล่าว “ราชครูคนก่อนของราชวงศ์ต้าหลีมีชื่อว่าชุยฉาน ฉายาซิ่วหู ตามการค านวณของสายบุ๋นที่นี่ของเรา ราชครูชุยคือ ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าขุนเขาเฉิน และเจ้าขุนเขาเฉินก็เป็ นลูกศิษย์ปิด ส านักของสายบุ๋นสายหนึ่งของพวกเรา”
เกาจวินกระจ่างแจ้งอีกครั้ง
มิน่าเล่าตอนนั้นที่เฉินผิงอันออกมาจากพื้นที่มงคล เวลาไม่ถึง สามสิบปีก็มีรากฐานกิจการเช่นนี้ได้
ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้อาศัยร่มเงา มีคนรู ้จักในราชส านักก็เป็ น ขุนนางได้ง่าย คิดดูแล้วอยู่ในใต้หล้าไพศาลก็น่าจะเป็ นหลักการที่ไม่ ต่างกัน
เว่ยป้ อกลั้นขาอย่างชั่วร ้าย “ถึงอย่างไรก็เป็ นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วม ส านัก ราชครูชุยจึงฝากความหวังและให้การดูแลศิษย์น้องเล็กอย่าง เจ้าขุนเขามากเป็ นพิเศษ”
เกาจวินพยักหน้า “ในเมื่อเป็ นคนร่วมสานัก ถ้าอย่างนั้นราชครู ชุยดูแลเขียนกระบี่เฉินมากหน่อยก็เป็ นความรู ้สึกของคนทั่วไป
ส่งเสริมคนเก่งไม่ต้องหลีกเลี่ยงญาติมิตร จงใจห่างเหินกลับจะ กลายเป็ นว่าไร ้คุณธรรม”
เว่ยป้ อได้ยินแล้วก็ประหลาดใจเล็กน้อย เจ้าประมุขเกาที่คาพูด คาจาจริงใจผู้นี้ ดูเหมือนว่านางจะใกล้ชิดกับมหามรรคาของภูเขาลั่ว พั่วได้อย่างเป็ นธรรมชาติเหมือนกันนะ
ภูเขาพีอวิ่น ภูเขาสูงตระหง่านงา แต่กลับไม่ทาให้คนรู ้สึกว่าสูง ชันอันตราย เว่ยป้ อไม่ได้พาเกาจวินตรงไปที่จวนซานจวิน แต่เลือก แท่นหินที่เงียบสงบแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับยอดเขา การมองเห็นเปิด กว้าง ผืนแผ่นดินของหลายจังหวัดล้วนปรากฏอยู่ด้านใต้แท่นหินแห่ง นี้ด้านข้างมีลาธารไหลผ่านป่ าไผ่งดงามก่อนจะไหลลงสู่สระลึก น้า ยังคงเยียบเย็น ใสกระจ่างและลึกมากด้วยปลา มีก้อนหินโผล่พ้นน้า เป็ นระยะ ด้านบนคือตะไคร่น้าและต้นชางผูที่เกาะกลุ่มเป็ นพุ่มเขียว ขจี ยังคงมีสายน้าไม่ทราบชื่อ พืชพรรณบุปผายากจะแยกแยะ ร ้อย รัดเกี่ยวพันยากจะแยกจาก ป่ าไผ่เขียวขจีและทะเลเมฆอิงแอบเคียง ข้างอยู่กับภูเขาลูกนี้ สีเขียวกับสีขาวล้อมวนเชื่อมต่อกับผืนฟ้ า กวาดตามองไปตรงใดก็เหมือนกันหมด สีสันพร่างพราวขับล้อ ประกายแสงจากฟ้ า ภูเขาเขียวชอุ่มแมกไม้หนา ทุกครั้งที่มีลมพัด จากจุดสูง ยอดหญ้าจะไหวเอน สีสันของภูเขาพัดตามลมจากเบื้อง บนคล้อยลงสู่น้าไหลเบื้องล่าง
เว่ยป้ อโบกชายแขนเสื้อเบาๆ บนพื้นราบเรียบที่เหมือนถูกมีด ปาดของแท่นสูงก็มีพรมของแคว้นไฉ่อีปรากฏขึ้นมา ด้านบนยังมี
เบาะรองนั่งตระกูลเซียนที่ถักทอมาจากจวนซานหลางอุตรกุรุทวีป สิ่ง เหล่านี้ล้วนเป็ นของบรรณาการที่ได้จากงานเลี้ยงท่องราตรีของ ขุนเขาเหนือ ในคลังสมบัติของหน่วยสมบัติและกองเครื่องพิธีการ ใกล้จะกองทับกันจนกลายเป็ นภูเขาอยู่แล้ว
ซานจวินท่านหนึ่ง ผู้ฝึกตนคนหนึ่ง นั่งอยู่บนเบาะรองนั่ง เกาจวิ นมองทัศนียภาพงดงาม หูฟังเสียงน้าไหล เงียบงันไปนานกว่าจะคืน สติ เอ่ยถามว่า “เว่ยซานจวินรับหน้าที่เป็ นซานจวินมานานกี่ปีแล้ว?”
เว่ยป้ อยิ้มบางๆ “เมื่อนานมากมาแล้ว ข้าเป็ นแค่ซานจวินของ แคว้นเล็กแห่งหนึ่ง ภายหลังผลัดเปลี่ยนราชสานัก ข้าก็ถูกลดขั้นให้ กลายเป็ นเทพแห่งผืนดินของภูเขาลูกหนึ่ง”
กล่าวมาถึงตรงนี้ เว่ยป้ อก็ยื่นนิ้วชี้ไปที่ภูเขาฉีตุน “ก็คือที่นั่น ไม่ใช่แม้กระทั่งเทพภูเขา”
“เพราะวาสนาน าพา โชคชะตาเวียนมาถึง โชคดีได้เข้ามาอยู่ใน ภูเขาพีอวิ๋น อันที่จริงข้าก็เพิ่งมารับหน้าที่เป็ นซานจวินขุนเขาเหนือ ของราชวงศ์ต้าหลีได้ไม่ถึงสามสิบปี”
“แต่ถึงอย่างไรก็มีโทษติดตัว คนมีความผิดย่อมกระวนกระวายใจ อดเป็ นกังวลไม่ได้ว่าความมีหน้ามีตาในวันนี้จะกลายเป็ นเพียงอดีตที่ รักษาไว้ไม่ได้”
กระวนกระวายใจ เว่ยป้ อใช ้คานี้มาบรรยายสภาพจิตใจของ ตัวเองก็ไม่ใช่ค าหยอกล้อของซานจวินมหาบรรพตอุดรท่านนี้ไปเสีย หมด
ก็เหมือนอย่างถ้อยคาที่มีเจตนาอื่นแฝงซึ่งเอ่ยไปก่อนหน้านี้ที่ก็ ไม่ถือว่าเว่ยป้ อจงใจหยอกล้อเกาจวินเหมือนกัน หากนางมาเยือนใต้ หล้าไพศาลครั้งแรก บุคคลเรื่องราวและวัตถุที่พบเจอ ทั้งสามอย่างนี้ ล้วนแตกต่างจากบ้านเกิด ก็ง่ายที่นางจะรู ้สึกเคลือบแคลง อยู่ใน สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ได้ยินมาล้วนเกินขอบเขต ความรู ้ที่เคยมีมา จึงจาเป็ นต้องตามหาวัตถุที่ตัวเองคุ้นเคยซึ่งพอจะ ท าความเข้าใจได้ หายาสงบใจให้ตัวเอง หรือควรจะพูดว่าหาตะกร ้า สักใบมาทาเป็ นหินถ่วงท้องเรือ ให้เรือหยุดลอยนิ่ง ปลอบประโลม จิตใจของตัวเอง
สาเนียงคนบ้านเกิดเป็ นเช่นนี้ ดื่มสุราที่รสชาติไม่ต่างกันสัก เท่าไรในใต้หล้า ตามหาสหายร่วมปณิธานระหว่างฟ้ าดิน คิดดูแล้วก็ น่าจะเป็ นเช่นนี้เหมือนกัน
สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็แค่เป็ นคาว่า ‘เหมือนตน” และ “ไม่โดด เดี่ยว” เท่านั้น
มีครั้งหนึ่งได้ดื่มเหล้าร่วมโต๊ะกับพ่อครัวเฒ่า เจิ้งต้าเฟิงได้เสนอ การคาดเดาที่เป็ นเอกลักษณ์เฉพาะของเขาออกมา
เขาบอกว่าโลกมนุษย์บางทีอาจเป็ นแคว้นเทพแห่งหนึ่ง
“คน” ทั้งหมดล้วนเป็ นองค์เทพในบางความหมาย กิน “ควันธูป” ที่แตกต่างกันไป
น่าจะเป็ นแค่คาพูดด้วยความเมามายที่ออกมาจากจินตนาเพ้อ ฝันเลื่อนลอยเท่านั้นกระมัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!