หลังจากเฉินผิงอันตักน้าเสร็จแล้วเดินจากไป ผู้เฒ่าสองคนก็ชุบ ซิบกันว่า
“เฉินผิงอันผู้นี้น่าจะอายุสี่สิบแล้วกระมัง?”
“ถึงแล้วล่ะ แต่ดูเหมือนคนอายุสามสิบต้นๆ เท่านั้น”
“ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งเจอเฉินเต๋อเฉวียนที่ตัวจังหวัด เขาบอก ว่าหากเรียงตามท าเนียบวงศ์สกุลของสกุลเฉินของพวกเขา เฉินผิง อันลาดับอาวุโสต่ากว่าเขาตั้งสามขั้นเชียวนะ เจอเขาก็ยังต้องเรียก เขาว่าไท่ไท่”
ผู้เฒ่าอีกคนหันไปถ่มน้าลายลงพื้นแรงๆ ใช ้คาโบราณด่าว่าไอ้ พวกโยนกลอง
เฉินหลิงจวินที่ห่างออกไปไกลได้ยินเข้าก็รู ้สึกว่าน่าขา ภาษา ท้องถิ่นของเมืองเล็กแห่งนี้ เฉินหลิงจวินไม่เพียงแต่ฟังเข้าใจ ยังพูด ได้ด้วยสาเนียงที่แทบไม่ต่างจากคนท้องถิ่น คาว่าโยนกลอง ความหมายก็คล้ายๆ กับค าว่าขายหน้า
ความพิเศษที่ใหญ่ที่สุดของภาษาถิ่นในเมืองเล็กก็คือคาศัพท์ แทบทุกค าล้วนเป็ นเสียงกลาง น้อยนักที่จะมีขึ้นมีลง แม้จะบอกว่า อย่างสถานที่อื่นๆ ด้านนอกอย่างแคว้นหวงถิงเอ งก็สิบลี้
ขนบธรรมเนียมแตกต่าง ร ้อยลี้สาเนียงไม่เหมือนเช่นเดียวกัน แต่ สาเนียงคนท้องถิ่นของเมืองเล็กก็มีให้เห็นไม่บ่อยจริงๆ
เฉินผิงอันไม่ถือสาค านินทาของพวกคนเฒ่าคนแก่
เพียงแต่อยู่ดีๆ ก็นึกถึงพื้นที่มงคลดอกบัวในอดีต เขามักจะสั่งให้ เผยเฉียนที่มาตีเนียนกินอยู่ด้วยกันออกไปตักน้านอกบ้าน คาดว่าทุก ครั้งที่ออกไปตักน้าถ่านดาน้อยที่กินเก่งแต่ขี้เกียจ อย่างมากสุดคง ตักน้ามาแค่ครึ่งถัง หรืออาจจะไม่ถึงด้วยซ้า จากนั้นก็เดินแกว่งถังน้า มาตลอดทาง กลับมาถึงบ้านของเฉาฉิงหล่าง น้าในถังก็เหลือแค่ ติดกันถังเท่านั้นแล้ว พอเข้ามาในบ้าน เผยเฉียนจะใช ้สองมือยกถัง น้า ทาลับๆ ล่อๆ มักจะเบี่ยงตัวหันข้างให้เสมอเพื่อที่เฉินผิงอันจะได้ มองไม่เห็นระดับน้าในถัง แล้วนางยังแสร ้งทาเป็ นเหมือนว่ามันหนัก มาก เดินโงนเงนไปที่ห้องครัว แอบใช ้ถังตักน้าในห้องครัวขึ้นมาก่อน แล้วเขย่งปลายเท้าพยายามยกถังน้าให้สูงแล้วค่อยเทน้าลงไปในถัง เพื่อให้เสียงน้าดังยิ่งกว่าเดิม นางก็คือนักแสดงตัวน้อยที่ไม่ต้องมี อาจารย์สั่งสอนก็เป็ นได้เอง
ระหว่างทางที่กลับไปเจอกับผู้เฒ่าอายุประมาณเจ็ดสิบปีคนหนึ่ง ของเมืองเล็กก าลังโปรยขี้เถ้าลงบนพื้น เมื่อเวลาผันผ่าน ยี่สิบปีก็ ผลัดเปลี่ยนคนไปรุ่นหนึ่ง นับตั้งแต่ที่ถ้าสวรรค์หลีจูหล่นลงพื้นแล้ว เปิ ดประตูติดต่อกับโลกภายนอก จนถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านไปเกือบ สามสิบปีแล้ว เป็ นเหตุให้ภาพเหตุการณ์ประเภทนี้ยิ่งนานวันก็แทบไม่
มีให้เห็นแล้ว ทว่าตอนที่เฉินหลิงจวินเพิ่งมาอยู่เมืองเล็กกลับมักจะ เห็นชาวบ้านของเมืองเล็กง่วนทาเรื่องประเภทนี้อยู่เป็ นประจ า
เฉินหลิงจวินจึงเอ่ยถาม “นายท่าน ท าไมพวกเราถึงไม่เคยโปรย ขี้เถ้าชักนามังกรมาไว้ในบ้านบ้างล่ะ?”
นับตั้งแต่ที่เขามาอยู่ภูเขาลั่วพั่ว ดูเหมือนนายท่านจะไม่เคยท า การชักน ามังกรอะไรมาก่อน วันที่สองเดือนสองนี้ก็แค่ใช ้ไม้ไผ่เคาะ ไปตามจุดต่างๆ แล้วก็กินแผ่นแป้ งย่างเท่านั้น
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ตอนที่ข้ายังเด็กที่บ้านก็เคยทา ภายหลัง เป็ นเพราะข้าไม่รู ้รายละเอียดของกฎเกณฑ์ในเรื่องนี้ อีกทั้งยังต้องใช ้ ถ้อยค าโบราณมากมายถึงจะสามารถชักน ามังกรมาได้ ข้าไม่เข้าใจ อะไรทั้งนั้น กลัวว่าทาส่งเดชแล้วจะไปละเมิดกฎ ดังนั้นคิดดูแล้วก็เลย ไม่ท าดีกว่า”
ในอดีตทุกๆ วันที่สองเดือนสอง คนเฒ่าคนแก่ของแต่ละ ครอบครัวต่างก็ยุ่งกันมากแต่จะยุ่งอย่างส่งเดชไม่ได้ ล้วนมีข้อ พิถีพิถัน หลังจากฟ้ าสว่างในวันที่สองเดือนสอง รอกระทั่งพระอาทิตย์ ส่องแสงเจิดจ้าแล้ว เส้นแส้งเคลื่อนผ่านประตูรั้วไม้ทางทิศตะวันตกสุด ของเมืองเล็กเข้ามา คนในเมืองเล็กก็สามารถโปรยขี้เถ้าชักนามังกร ได้แล้ว แต่หากมีฝนตกก็ได้แต่อดทนรอคอยเท่านั้น หากเป็ นแค่ อากาศขมุกขมัวไม่มีฝนก็ต้องเลือกฤกษ์ยาม หากว่าฝนตกตลอดทั้ง วันก็ได้แต่เบิกตากว้างมองดู รู ้สึกเป็ นกังวลกับการเก็บเกี่ยวประจาปี ตลอดทั้งปี ที่จะเกิดขึ้น
และการชักนามังกรก็มีมากถึงห้าวิธี แต่ละครัวเรือนจะใช ้วิธีที่ แตกต่างกัน โดยภาพรวมแล้วหากข้ารับใช ้ในบ้านมีเยอะ วิธีที่ใช ้ก็จะ เยอะ หากเป็ นครอบครัวเล็กๆ ยากจนที่ควันธูปไม่โชติช่วง อย่างมาก สุดก็จะใช ้วิธีชักนามังกรแค่สองชนิดเท่านั้น
อย่างการตักน้าจากบ่อโซ่เหล็กกลับบ้านก็คือวิธีหนึ่งในนั้น ทุก ครัวเรือนในเมืองเล็กล้วนทาได้ แค่ตักน้าเทลงในถังน้าบ้านตนก็พอ เป็ นวิธีชักนามังกรที่ง่ายที่สุด ค่อนข้างคล้ายคลึงกับการเขียนเค้า โครงของบทความบทหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีวิธีการชักนามังกรที่ พิถีพิถันในเรื่องพิธีการมากยิ่งกว่า ส่วนใหญ่จะเป็ นคนเฒ่าคนแก่ใน ครอบครัวที่คุ้นเคยกับประเพณี เป็ นคนลงมือท าด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นเมื่อก่อนจะเลือกต้นไหวโบราณ หรือไม่ก็ก้อนหิน ใหญ่ข้างทางที่อยู่ใกล้บ้าน ใช ้ขี้เถ้าในเตาไฟโปรยไปรอบๆ พวกมัน เป็ นวงกลม จากนั้นให้เด็กที่อายุน้อยที่สุดในบ้าน ไม่ต้องสนว่าเป็ น ชายหรือหญิงถือเงินเหรียญทองแดงที่ร ้อยด้วยเชือกแดงเหรียญหนึ่ง เอาไปวางไว้ในวงกลม หากทางบ้านมีฐานะหน่อยก็จะใช ้เชือกแดงรัด ก้อนเงินหรือไม่ก็ก้อนทอง เด็กน้อยจะถือเชือกแดงลากเงินกลับบ้าน ตอนที่ลากเงินเหรียญทองแดงหรือก้อนเงินก้อนทองจ าเป็ นต้องลาก เปิดรูไว้บนวงกลมเหมือนมังกรพ่นน้าและน้าก็คือทรัพย์สินเงินทอง เท่ากับว่าได้เปิดเส้นทางเงินทองชักนาเข้าไปในบ้าน จากนั้นค่อยเอา เหรียญทองแดงไปใส่ในกระปุกเก็บเงินที่ทาจากกระเบื้องลายคราม แล้วก็ให้ประมุขของตระกูลปิดปากกระปุกด้วยตัวเอง ก็จะเท่ากับว่า
ทรัพย์สินเงินทองเข้ามาในบ้านและถูกเก็บเอาไว้แล้ว มีโชคมีลาภ ปี ใหม่นี้ทั้งครอบครัวไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องกินอยู่
นอกจากนี้ก็มีผู้เฒ่าที่ปากจะท่องคาถา โปรยขี้เถ้าจากการเผา ต้นไม้ใบหญ้าเป็ นเส้นแนวนอนที่หน้าประตูบ้าน ขัดขวางหายนะไว้ นอกประตู หรือไม่ก็โปรยขี้เถ้าให้เป็ นรูปเจียวหลงอยู่ตรงมุมก าแพง สกัดกั้นเสนียดชั่วร ้าย หรือไม่ก็วางเศษธัญพืชกองกันคล้ายภูเขาลูก ย่อมไว้ในลานบ้านไม่ก็บนลานตากธัญพืช จากนั้นโรยขี้เถ้าไปรอบๆ เป็ นวงกลม เหมือนสายน้าที่ล้อมพันรอบภูเขาสูง เพื่อรับประกันว่าผล เก็บเกี่ยวของปีนี้จะอุดมสมบูรณ์ พืชพรรณธัญญาหารเต็มยุ้งฉาง และยังมีตระกูลร่ารวยที่นาที่จะมีข้อพิถีพิถันมากกว่านี้ มีคากล่าวที่ว่า ส่งเหลืองต้อนรับเขียว ต้องมีคนสองคน คนหนึ่งตรงเอวห้อยถุงที่ บรรจุขี้เถ้าไว้จนเต็ม เดินโปรยไปตลอดทางจนไปถึงริมล าคลอง หลงซวีที่อยู่นอกเมืองเล็ก ส่วนอีกคนหนึ่งจะใช ้แกลบหนึ่งถุงชักนา มังกรกลับบ้าน ทั้งมีความหมายว่าชักนามังกรแห่งผืนนา ขณะเดียวกันก็มีค ากล่าวว่าส่งเทพยากจนจากไปรับเทพแห่งความ ร่ารวยกลับมา
หากเป็ นในอดีต นายท่านให้ค าอธิบายเช่นนี้ เฉินหลิงจวินฟัง แล้วก็คงปล่อยผ่านไปแต่วันนี้ไม่เหมือนกัน เขาสามารถเข้าใจเหตุผล ที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว
นายท่านไม่ได้พูดโกหก ตอนที่เป็ นเด็กนายท่านไม่เคยเรียน หนังสือมาก่อน แล้วก็ไม่มีใครเต็มใจจะสอนเรื่องพวกนี้แก่เขา จึงไม่
เข้าใจกฎเกณฑ์และข้อต้องห้ามในการชักน ามังกรจริงๆ ทว่าสาเหตุ ที่แท้จริงนั้นเป็ นเพราะนายท่านในเวลานั้น เดิมทีตัวเขาก็เป็ นข้อห้าม อย่างหนึ่งของเมืองเล็กบ้านเกิดนี้อยู่แล้ว
เฉินผิงอันยิ้มถาม “เจ้าใคร่ครวญจนได้ความคิดอะไรบ้าง หรือไม่?”
เฉินหลิงจวินถามอย่างสงสัย “อะไร?”
เฉินผิงอันกล่าว “ไฟเผาหญ้ากลายเป็ นเถ้าถ่าน สร ้างภูเขา ชัก นาน้า ลากไม้ ดึงเงิน นี่เกี่ยวพันไปถึงทอง ไม้ น้า ไฟและดินซึ่งเป็ น ห้าธาตุ การที่ทุกบ้านต่างก็มีวิธีชักนามังกรที่ไม่เหมือนกัน ล้วน จ าเป็ นต้องเอาหลักของห้าธาตุมาใช ้ คนในครอบครัวมีมากก็ สามารถรวบรวมทาพิธีโปรยขี้เถ้าชักนามังกรได้ครบห้าอย่าง คน น้อยก็ได้แต่เลือกแค่สองสามอย่างเท่านั้น”
เฉินหลิงจวินพยักหน้า กล่าว “ที่แท้นายท่านพูดถึงเรื่องนี้เองหรือ ข้าเข้าใจมาตั้งนานแล้ว ยังนึกว่านายท่านคิดจะพูดเรื่องที่ลี้ลับอะไร ซะอีก”
มะเหงกหนึ่งเขกลงมา เฉินหลิงจวินที่เตรียมพร ้อมไว้นานแล้วรีบ หันหัวหนีทันที
ดูเหมือนว่าในหมู่บ้านชนบททุกแห่งต่างก็ต้องมีคนโง่ที่ชื่อบื้อเส มอ ทว่าเฉินหลิงจวินกลับเหมือนไม่รู ้สึกว่ามีเรื่องแบบนี้ ฮ่าๆ มีหรือ ที่นี่ของพวกเราไม่มีกระมัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!