นี่จึงเป็ นเหตุให้บนภูเขาทางทิศใต้ของลํานํ้าใหญ่แจกันสมบัติ ทวีปในทุกวันนี้ก็มีข่าวลือที่ได้แต่ซุบซิบกันเป็ นการส่วนตัวไม่กี่ ประโยคว่า การที่สํานักกระบี่หลงเฉวียนย้ายออกมาจากฉู่โจว ก็ เพราะเฉินอิ่นกวานมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น ปีนั้นต้องขายหน้าอยู่ที่ร ้าน ตีเหล็ก ทุกวันนี้จึงจะกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ฮ่องเต้ต้าหลีก็ร ้อนใจ จนหัวหูแทบไหม้เพราะเรื่องนี้ มิอาจคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างสอง ฝ่ ายได้ จึงได้แต่ให้สํานักกระบี่หลงเฉวียนยอมถอยหนึ่งก้าว จากนั้น ให้หร่วนฉงออกจากตําแหน่งเจ้าสํานัก ให้สหายรักตอนเป็ นเด็กหนุ่ม ของเฉินอิ่นกวานอย่างหลิวเสี้ยนหยางมารับตําแหน่งแทน ถึงได้ขจัด ความแค้นเคืองที่อัดแน่นเต็มอกมานานหลายปีของเฉินผิงอันไปได้ ไม่ถึงขั้นฉีกหน้าแตกหักกับหร่วนฉงจนพินาศวอดวายกันทั้งสองฝ่าย
ดังนั้นใครบางคนที่เพิ่งโดยสารเรือข้ามฟากเฟิงยวนเมื่อไม่นาน มานี้ได้ลงเรือพร ้อมกับผู้อาวุโสซ่งอวี๋เซาที่นครมังกรเฒ่า ระหว่างที่ เดินทางกลับเหนือไปด้วยกันก็ได้ตั้งใจปลีกตัวออกไปตามหาพรรค จวนเซียนที่แพร่คํากล่าวทํานองนี้ หรือไม่ก็จงใจเอ่ยกระทบกระเทียบ อยู่ในรายงานขุนเขาสายนํ้า ไปที่ศาลบรรพจารย์ของพวกเขา หรือไม่ก็ไปยังสถานที่ฝึกตนของเจ้าขุนเขา เจ้าประมุขทั้งหลาย ดื่ม ชา พูดคุยความในใจ อธิบายเหตุผล ทั้งเจ้าบ้านและแขกต่างก็เบิก บานใจ บรรยากาศปรองดองกลมเกลียว
หลิวเสี้ยนหยางประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าเด็กดื้อผู้นี้ ไฉนถึงได้ สละใกล้แสวงหาไกลมาขอข้าวจากพวกเรากิน ภูเขาลั่วพั่วของเฉิน ผิงอันไม่ใกล้กว่าหรอกหรือ?”
ต่งกู่เอ่ย “คงจะเป็ นเพราะภูเขาลั่วพั่วป่ าวประกาศต่อภายนอกว่า ปิดภูเขากระมัง”
หลิวเสี้ยนหยางถาม “เด็กนั่นมีโอกาสขึ้นเขาฝึกตนไหม?”
ความแตกต่างของมนุษย์ธรรมดาล่างภูเขากับเซียนบนภูเขา ทั้ง สองฝ่ ายมีเส้นแบ่งที่ชัดเจน ไม่ด้อยไปกว่าโลกมืดและโลกสว่าง ผีกับ คนเลยแม้แต่น้อย
สวีเสี่ยวเฉียวกล่าว “พอจะฝึกตนได้ เพียงแต่คุณสมบัติธรรมดา อย่างมาก ต่อให้พาขึ้นเขา จะเลื่อนเป็ นห้าขอบเขตกลางได้หรือไม่ก็ ต้องดูที่วาสนาหลังจากนี้แล้ว”
ความนัยในประโยคนี้ก็คือ ต่อให้เด็กหนุ่มเข้ามาอยู่ในสํานัก กระบี่หลงเฉวียน บนเส้นทางการฝึ กตนในอนาคต หากไม่มีโชค วาสนาใหญ่ บางทีชีวิตนี้อาจไปไม่ถึงขอบเขตถํ้าสถิตด้วยซํ้า
ต่งกู่ลังเลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก สวีเสี่ยวเฉียวพูดอย่าง นี้นั่นเป็ นเพราะในอดีตนางเคยเรียนวิชาลับที่สามารถแยกแยะฐาน กระดูกได้มาก่อน นี่หมายความว่าเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่าหลี่เซินหยวนผู้ นั้นคุณสมบัติไม่ใช่ “ธรรมดา” ธรรมดาเท่านั้น หากไปยังจวนเซียน แห่งอื่น อย่าว่าแต่เป็ นซี่โครงไก่ที่สูงไม่ได้ตํ่าก็ไม่สําเร็จเลย เกรงว่า
อยู่ในสายตาของเซียนซือทั้งหลายที่ตรวจสอบฐานกระดูกเป็ นแล้ว แม้แต่ซี่โครงไก่ก็ยังเป็ นไม่ได้ด้วยซํ้า ต้องถูกปฏิเสธไว้นอกประตู แน่นอน
และวิชาลับบทนี้ของสวีเสี่ยวเฉียว สําหรับพรรคบนภูเขาไม่ว่า แห่งใดก็ตามก็ล้วนถือเป็ นวิธีการที่พวกเขาปรารถนาแม้ในยามหลับ ฝัน เมื่อมองในระยะยาวก็ไม่ด้อยไปกว่าสมบัติพิทักษ์ภูเขาชิ้นหนึ่ง เลย
หลิวเสี้ยนหยางถาม “นิสัยใจคอของเขาเป็ นอย่างไร?”
จะเข้ามาอยู่ในสํานักกระบี่หลงเฉวียนได้หรือไม่ ช่างหร่วนมีกฎที่ ไม่เป็ นลายลักษณ์อักษรอยู่ข้อหนึ่ง อันดับแรกต้องดูที่นิสัยใจคอ เสียก่อน แล้วค่อยดูคุณสมบัติว่าดีหรือร้ายหากข้อแรกไม่ผ่าน ต่อให้ คุณสมบัติจะดีแค่ไหน สํานักกระบี่หลงเฉวียนก็ไม่รับ
ต่งกู่เอ่ย “ดื้อ ดึงดัน ทนกับความลําบากได้ดี ความสามารถใน การทําความเข้าใจแย่ไปสักหน่อย หากขึ้นเขาฝึกตนจริงๆ ก็ต้องฝืน กันอย่างมาก”
หลิวเสี้ยนหยางอารมณ์ดีทันใด “นี่ไม่เหมือนใครบางคนตอนเป็ น เด็กหนุ่มหรอกหรือ”
สวีเสี่ยวเฉียวทําท่าจะพูดแต่ไม่พูด อดทนข่มกลั้นเอาไว้ พอมา คิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าช่างเถอะ
ก็มีแต่เจ้าเท่านั้นแหละที่กล้าวิจารณ์เจ้าขุนเขาเฉินแห่งภูเขาลั่ว พั่วเช่นนี้
หลิวเสี้ยนหยางกล่าว “ศิษย์พี่สวี ท่านรับไว้เถอะ ให้หลี่เชินหยวน เป็ นลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อก่อนก็แล้วกัน”
สวีเสี่ยวเฉียวพยักหน้า
ต่งกู่ถาม “หินดีงูก้อนนั้น พวกเราจะรับไว้หรือไม่?”
หลิวเสี้ยนหยางยิ้ม “รับสิ ทําไมจะไม่รับล่ะ”
วิชาคาถาไม่ถ่ายทอดให้กันง่ายๆ อยู่บนภูเขา นี่ก็ไม่เคยเป็ น คําพูดล่องลอยที่บางเบา
เพราะถึงอย่างไรกฎเกณฑ์บนโลกก็ไม่เคยตั้งไว้เพื่อข้อยกเว้น ส่วนน้อยอยู่แล้ว
“คนในครอบครัวใช้ชีวิตแบบประหยัดรัดเข็มขัด ส่งลูกให้ไป เรียนหนังสือที่โรงเรียนเมื่อเทียบกับเด็กที่คนในบ้านแคะเงินเล็กๆ น้อยๆ ออกมาจากซอกเล็บก็สามารถส่งเข้าเรียนได้แล้ว คาดว่าฝ่ าย แรกน่าจะตั้งใจเรียนมากกว่า”
หลิวเสี้ยนหยางหัวเราะ “พวกเราจ่ายเงินทองซื้อลูกศิษย์ฝ่ายนอก มาคนหนึ่ง เมื่อเทียบกับลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่คนนอกเอามาส่งให้ที่ยอด เขาจูไห่เปล่าๆ แล้ว นานวันเข้า พวกท่านคิดว่าใครจะมีนํ้าหนักในใจ
ของเด็กหนุ่มมากกว่ากัน? เอาเป็ นว่าข้ารู ้สึกว่าเป็ นอย่างแรกก็แล้ว กัน”
“ส่วนหินดีงูก้อนนั้นเก็บไว้ในคลังสมบัติก็แล้วกัน ในอนาคต หากหลี่หยวนเซินสามารถเลื่อนเป็ นขอบเขตถํ้าสถิตได้ ค่อยมอบให้ เขาในนามของขวัญแสดงความยินดี ถือเสียว่าวกวนไปมา สุดท้าย ของก็กลับคืนสู่เจ้าของ”
ต่งกู่พยักหน้า “ทําแบบนี้มีคุณธรรมมากแล้ว”
สวีเสี่ยวเฉียวก็เอ่ยคล้อยตามอย่างเห็นด้วย “ในที่สุดก็พอจะมี มาดของเจ้าสํานักบ้างแล้ว”
หลิวเสี้ยนหยางตบโต๊ะ “ตัดคําว่า “ในที่สุด” แล้วก็คําว่า “พอจะ” รวมไปถึงคําว่า “แล้ว” ทิ้งไปให้หมด!”
สวี่เสี่ยวเฉียวหัวเราะร่า ศิษย์พี่หญิงท่านนี้เอ่ยสี่คําว่า “มาดของ เจ้าสํานัก” ด้วยนํ้าเสียงกังขา
หลิวเสี้ยนหยางเอ่ยอย่างจนใจ “เจ้าสํานักอย่างข้าช่างลําบากยิ่ง นัก! หากได้เจอกับช่างหร่วนอีกครั้ง และรอให้เซี่ยหลิงออกจากด่าน ข้าผู้อาวุโสจะออกจากตําแหน่งนี้แล้วให้เจ้าคิ้วยาวมาเป็ นสักสองสาม วันค่อยลาออก มอบเก้าอี้อันดับหนึ่งนี้ให้ศิษย์พี่ต่งหรือไม่ก็สวีเสี่ยว เฉียวมาลองนั่งดู แพร่ออกไปก็จะกลายเป็ นเรื่องเล่างดงามขับขาน พันปี สํานักแห่งหนึ่งไม่ถึงสามสิบปี ก็เปลี่ยนเจ้าสํานักไปสี่รุ่นแล้ว
ใครเล่าเราจะมาเทียบเคียงกับสํานักกระบี่หลงเฉวียนของพวกเราใน เรื่องนี้ได้?”
ด้านนอกมีชายฉกรรจ์ใบหน้าไร ้อารมณ์คนหนึ่งเดินมา
ต่งกู่กับสวีเสี่ยวเฉียวรีบลุกขึ้นยืนทันใด เอ่ยเรียกว่าอาจารย์
หลิวเสี้ยนหยางคลี่ยิ้มกว้างสดใส รีบบอกให้เซอเยว่เอาชามและ ตะเกียบมาเพิ่มตนเองลุกขึ้นยืนขยับที่นั่งให้อาจารย์ รู ้สึกว่ายังแสดง ความเคารพอาจารย์ได้ไม่มากพอจึงเดินก้าวยาวๆ ออกไปนอกประตู ถูมือเอ่ย “อาจารย์ ทําไมถึงไม่ตีเหล็กแล้วล่ะ ไม่บอกกับศิษย์สักคํา ท่านดูสิ รสชาติอาหารบนโต๊ะนี่ค่อนข้างเผ็ด ล้วนทําตามความชอบ ของศิษย์พี่ต่งกับศิษย์พี่สวี อีกทั้งยังเป็ นอาหารทะเลทั้งหมด อาจารย์ กินได้ไหม? หากกินไม่ได้ ข้าจะเข้าครัวไปทํากับแกล้มที่ถนัดมาให้ ท่านอีกสองจาน…”
หร่วนฉงไม่เอ่ยอะไรสักคํา นั่งลงบนตําแหน่งประธาน เซอเยว่ หยิบถ้วยและตะเกียบมาวางข้างมือของเขาเบาๆ หร่วนฉงพยักหน้า รับ ในที่สุดสีหน้าก็พอจะดีขึ้นได้บ้าง
สวีเสี่ยวเฉียวไปเอาเหล้าหนึ่งไหและถ้วยขาวมาหลายใบ รินเหล้า ให้ทุกคนคนละชามอาจารย์ไม่ชอบเหล้าหมักตระกูลเซียน ชอบดื่ม แค่เหล้าต้มของในตลาดเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!