หลินเจิ้งเฉิงเหลือบตามองกลุ่มของเฉาเม่าที่อยู่หน้าประตู วาง ขวดกระเบื้องใบหนึ่งกลับลงไปบนชั้น เอ่ยกับเถ้าแก่ว่าคราวหน้าจะ มาใหม่ เถ้าแก่โบกมือ พูดจาระคายหูอย่างมากบอกว่า หากน้องหลิน ยังไม่มีเงินก็อย่ามาอีกเลย
หลินเจิ้งเฉิงเดินออกไปนอกประตู ถามว่า “มาหาข้าหรือ?”
แม่ทัพหนุ่มยื่นส่งร่มกระดาษน้ามันในมือให้กับหลินเจิ้งเฉิง ตน ใช ้ร่มคันเดียวกับสตรีที่อยู่ข้างกายได้พอดี ยิงธนูนัดเดียวได้นกสอง ตัว
หลินเจิ้งเฉิงไม่ได้เกรงใจ ยิ้มเอ่ยขอบคุณคนหนุ่มที่บนหลังมือ เต็มไปด้วยรอยแผลเป็ นรับร่มกระดาษน้ามันมา
เฉาเม่าควักตราทหารออกมาก่อน บอกกล่าวชื่อแซ่และสถานะ แม่ทัพอวี๋โจวของตนแล้วจึงอธิบายเสียงเบาว่า “ข้าผู้เป็ นแม่ทัพมี ภาระหน้าที่ติดตัว จาเป็ นต้องมาเยือนเขตอวี้จางและศูนย์ตัดต้นไม้ ด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง เชื่อว่าเจ้าศูนย์หลินน่าจะได้รับข่าวจากเบื้องบน แล้ว”
หลินเจิ้งเฉิงกล่าวอย่างเฉยเมย “เชิญเดินเล่นได้ตามสบาย หรือ ว่าธรณีประตูสูงแค่นั้นของศูนย์ตัดต้นไม้จะขัดขวางไม่ให้แม่ทัพแห่ งอวี๋โจวมาเยือนได้ด้วย? หากจะบอกว่าแม่ทัพเฉาตั้งใจมาหาข้าเพื่อ
คุยธุระก็อย่าดีกว่า ข้าแค่จัดการเรื่องคนที่แอบตัดต้นไม้เท่านั้น เรื่อง อื่นๆ ในกองทัพ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ข้าล้วนไม่สน แล้วก็ไปควบคุม อะไรไม่ได้ด้วย”
พวกลูกน้องที่ติดตามมาด้านหลังของแม่ทัพอวี๋โจวต่างก็รู ้สึกว่า หลินเจิ้งเฉิงผู้นี้ไม่เสียแรงที่มาจากเมืองหลวง หมวกขุนนางไม่ใหญ่ แต่คาพูดคาจากลับวางโตยิ่งนัก
ขุนนางใหญ่ในจังหวัดแห่งหนึ่งยังไม่กล้าพูดจาแฝงคาเหน็บแนม ใส่แม่ทัพเฉาเช่นนี้เลย
เฉาเม่ายังคงมีความอดทนดีเยี่ยม “เชื่อว่าเจ้าศูนย์หลินน่าจะฟัง ความหมายของข้าผู้แซ่เฉาเข้าใจ เรื่องนี้สาคัญมาก มิอาจเกิด ข้อผิดพลาดได้แม้แต่น้อย ข้ายังหวังว่าเจ้าศูนย์หลินจะสามารถหา เวลาว่างสักเล็กน้อยมานั่งลงพูดคุยกัน”
หลินเจิ้งเฉิงยิ้มเอ่ย “แม่ทัพเฉาอาจจะเข้าใจผิด ศูนย์ตัดต้นไม้ แห่งนี้ไม่เหมือนกับที่ว่าการงานเตาเผาของฉู่โจวและส านักทอผ้าที่ อยู่ใกล้เคียง ภารกิจเรียบง่ายมาก ความหมายตามตัวอักษร ก็คือ รับผิดชอบจับคนที่ตัดไม้โดยพลการ วันหน้าหากที่ว่าการโชคดีไม่ ถูกรื้อทิ้ง อย่างมากสุดก็แค่คอยส่งไม้ขนาดใหญ่ไปให้เชื้อพระวงศ์ และกรมโยธาของราชสานักตามกาหนดเท่านั้น หากจะบอกว่าแม่ทัพ เฉามาเพื่อคุยเรื่องส่วนตัว ศาลบรรพชนในตระกูลหรือจวนพัก ต้องการไม้บางส่วนที่ทางศูนย์ตัดต้นไม้กาหนดให้เป็ นไม้ระดับรอง ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ในขอบเขตอานาจของขุนนางหลักอย่างข้าพอดี
สามารถเปิดประตูอ านวยความสะดวกให้แม่ทัพเฉาได้ ราคาก็พูดคุย กันได้ แค่จาไว้ว่าหลังจากนี้อย่าเอาไปบอกต่อคนอื่นก็พอ หาไม่แล้ว ข้าคงวางตัวได้ยาก ต่างก็บอกว่าการส่งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ในวงการขุน นางมักจะได้ผลดียิ่งกว่าสานักรายงานข่าวของกรมกลาโหมเสมอ ขุนนางต าแหน่งเล็กเท่าเมล็ดงาในท้องถิ่นอย่างข้ามิอาจทนรับการ ร ้องเรียนจากหกฝ่ ายในเมืองหลวงได้ไหวหรอก แม่ทัพเฉาโปรดให้ อภัยด้วย”
เฉาเม่ารู ้สึกอ่อนใจอยู่บ้าง พูดคุยสมาคมกับคนที่เข้าใจดีแต่ แสร ้งเลอะเลือนเช่นนี้ยากที่สุดแล้ว ภายนอกโอภาปราศรัย แต่ ภายในกลับตรงกันข้าม
ข้าปรึกษาเรื่องใหญ่ที่ฮ่องเต้จะปลอมตัวมาตรวจราชการลับกับ เจ้า เจ้ายกเอาเรื่องหยุมหยิมส่วนตัวพวกนี้มาพูดกับข้า เจ้าหลินเจิ้ง เฉิงจะสนใจมิตรภาพในวงการขุนนางกั แม่ทัพจากอวี๋โจวคนหนึ่ง จริงๆ อย่างนั้นหรือ?
เฉาเม่าจึงเปลี่ยนเรื่องคุย ยิ้มเอ่ยว่า “ได้ยินมาว่าทุกวันนี้เรื่อง ขโมยตัดต้นไม้ยุติได้แล้ว”
หลินเจิ้งเฉิงพยักหน้า “คาดว่าชื่อของศูนย์ตัดต้นไม้น่าจะข่มขู่ คนได้เป็ นอย่างดี”
การที่เฉาเม่ามีความอดทนมากขนาดนี้ก็เพราะในฐานะแม่ทัพ คนสนิทของซูเกาซานอดีตทูตลาดตระเวนของต้าหลี เมื่อเทียบกับ ผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังแล้ว เฉาเม่ารู ้เรื่องวงในมากกว่า
แต่เกี่ยวกับขุนนางหลักคนแรกของศูนย์ตัดต้นไม้ที่อาพราง ตัวตนอย่างลึกล้าผู้นี้ อันที่จริงเฉาเม่ารู ้แค่สองเรื่องเท่านั้น แต่ก็มาก พอจะให้เฉาเม่าระวังแล้วระวังอีก
เรื่องแรกก็คือหลินเจิ้งเฉิงไม่ใช่คนของเมืองหลวงต้าหลี แต่มา จากถ้าสวรรค์หลีจู เขาเพิ่งย้ายไปอยู่เมืองหลวงในภายหลัง ถึงได้ไป ทางานอยู่ที่สานักรายงานข่าวของกรมกลาโหมนานหลายปี
ข้อที่สอง หลินเจิ้งเฉิงคือบิดาของหลินโส่วอี
ในกองโหราศาสตร ์ของเมืองหลวงต้าหลีมียอดฝีมือคนหนึ่งชื่อ ว่าหยวนเทียนเฟิง เก่งในเรื่องการประเมินและวิพากษ์วิจารณ์บุคคล มาก กับหลินโส่วอีผู้นี้เคยมีคาทานายประโยคหนึ่งบอกว่า “ก่อกาเนิด ร ้อยปี ” ผลคือหลินโส่วอีอายุสี่สิบกว่าปี ก็ได้เลื่อนเป็ นขอบเขต ก่อก าเนิดแล้ว
พูดผิดหรือ? หลินโส่วอีไม่ได้เลื่อนเป็ นก่อกาเนิดภายในอายุร ้อย ปีหรืออย่างไร?
แล้วก็มีพวกชอบสอดรู ้สอดเห็นถามว่าหลินโส่วอีจะเป็ นหยกดิบ ภายในร ้อยปีได้หรือไม่? หยวนเทียนเฟิงเพียงแค่ยิ้ม ไม่เอ่ยอะไร
ทุกวันนี้เฉาเม่ามีภูเขาที่พึ่งอย่างลับๆ ลูกหนึ่งอยู่ในราชสานัก แซ่เยี่ยน คือสุดยอดบุคคลผู้หนึ่ง หากจะบอกว่าราชสานักต้าหลี ประหนึ่งดวงตะวันกลางนภา ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็คือเงาของราช ส านักต้าหลี
เฉาเม่ารู ้มาจากบุคคลยิ่งใหญ่ผู้นี้ว่า อันที่จริงฮ่องเต้ซ่งเหอให้ ความส าคัญกับหลินโส่วอีมาโดยตลอด ฝากความหวังไว้ให้กับผู้ฝึก ตนหนุ่มที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายตาราคนนี้มานานแล้ว ถึงขั้น ที่ว่ายินดีอบรมบ่มเพาะเขาอย่างตั้งใจให้กลายมาเป็ นเสาคานค้ายัน แคว้นในอนาคต ดังนั้นในอดีตถึงได้ตั้งใจให้หลินโส่วอีไปรับตาแหน่ง เป็ นหลางจงอยู่ในกองชิงลี่ฝ่ ายบวงสรวงของกรมพิธีการ อยู่ใน ตาแหน่งที่สูงศักดิ์แต่ได้กุมอานาจอย่างแท้จริงของราชสานักต้าหลีนี้ อีกทั้งได้สั่งสมประสบการณ์ในวงการขุนนางของเมืองหลวงอีกหลาย ปี ต่อให้ไม่เข้าร่วมการสอบเคอจวี่ มีประสบการณ์ในการเป็ นคนเฝ้ า ศาลของลาน้าใหญ่มาก่อน แล้วได้รับข้อยกเว้นให้เลื่อนขั้นเป็ นรอง เจ้ากรมพิธีการ ความเห็นต่างทางราชส านักก็ต้องมีไม่มากแน่ ใน อนาคตหากหลินโส่วอีได้รับสถานะวิญญูชนจากส านักศึกษา ถ้า อย่างนั้นรับตาแหน่งเจ้ากรมพิธีการไปตามสถานการณ์ที่เอื้ออานวย ก็ยิ่งเป็ นเรื่องที่น้ามาคลองก่อเกิด
ในอนาคตราชส านักต้าหลี กรมอาญามีจ้าวเหยา กรมพิธีการมี หลินโส่วอี บวกกับขุนนางคนอื่นๆ ที่ตอนนี้อายุยังน้อยอยู่ในช่วงฝึก ประสบการณ์ ขุนนางบุ๋นแม่ทัพบู๊จะยืนกันอยู่เต็มท้องพระโรง
ก่อกาเนิดหนุ่มที่อายุสี่สิบต้นๆ หากไม่เป็ นเพราะหลินโส่วอีมีชาติ กาเนิดจากสถานที่อัศจรรย์พันลึกอย่างถ้าสวรรค์หลีจู คนรุ่นเยาว์ที่ อายุพอๆ กันมีทั้งเฉินผิงอัน หลิวเสี้ยนหยางหม่าขู่เสวียน กู้ช่าน…บ วกกับที่หลินโส่วอีชอบฝึกตนอย่างสงบ ก้มหน้าก้มตาศึกษาเล่าเรียน ถึงได้ทาให้หลินโส่วอีที่เดิมที่ควรดึงดูดสายตาคนมากกว่านี้มิได้รับ ชื่อเสียงที่คู่ควรกับตบะ และความรู ้ของเขา
หลินเจิ้งเฉิงไม่ได้เชื้อเชิญให้พวกเขาไปยังที่ว่าการนั่งลงดื่มน้า ชาร ้อนๆ ด้วยซ้า
เฉาเม่าเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องกลับไปมือเปล่า คิดว่าหากไม่ได้ จริงๆ ตนก็จะควักเงินตัวเองสั่งไม้ที่ถูกทางขุนนางของศูนย์ตัดต้นไม้ กาหนดว่าระดับไม่เข้าขั้นมาเป็ นการส่วนตัวสักชุดดีหรือไม่?
ได้เจอกับสตรียากจนที่เดินขายดอกซิ่งตามถนนอีกครั้ง พอเห็น พวกเฉาเม่าและหลินเจิ้งเฉิงที่เดินสวนมาด้านหน้า สตรีขายดอกไม้ก็ รีบหลบไปยืนอยู่ในมุมก าแพง แววตาของนางฉายความสงสัยใคร่รู ้ ไม่ได้มีแค่ความหวาดกลัวที่ชาวบ้านเจอขุนนาง คนจนเจอคนรวย มักจะมีเท่านั้น
แม่ทัพหนุ่มที่กางร่มยื่นร่มกระดาษน้ามันไปให้กับผู้ฝึกตนหญิงที่ อยู่ข้างกาย เขาเดินเร็วๆ ไปข้างหน้า สอบถามราคาจากเด็กสาวแล้ว ควักกระเป๋ าเงิน เอาเศษเงินก้อนสองสามก้อนออกมาเหมาดอกซิ่งทั้ง ตะกร ้า สตรีที่รับหน้าที่เป็ นผู้ฝึกตนติดตามกองทัพของอวี๋โจวยื่นร่ม กระดาษน้ามันกลับคืนให้เขา รับตะกร ้าดอกไม้มา นางเด็ดดอกซึ่ง
ดอกหนึ่งเหน็บไว้บนมวยผม แม่ทัพหนุ่มเอ่ยชมนางอย่างขัดเขิน สตรี รูปโฉมงดงามดุจดอกไม้ ค าหวานของบุรุษดุจดินโคลน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!