พื้นที่ภายในรถค่อนข้างปิดมิดชิด ต่อให้เฉียวชูเฉี่ยนไม่ได้เปิดลำโพง เฉินเป่ยชวนก็ได้ยินทุกคำพูดของลู่ฉี ไม่มีการตกหล่นอยู่ดี ซึ่งแต่ละคำพูดนั้นแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยไม่จบไม่สิ้น ทำให้สีหน้าของเขาอึมครึมในทันที
เฉินเป่ยชวนเปลี่ยนเกียร์และเหยียบคันเร่ง ความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้นสร้างความตกใจให้
เฉียวชูเฉี่ยนเป็นอย่างมาก
เธอหันข้างไปก็เห็นเฉินเป่ยชวนจุดไฟบุหรี่ด้วยมือเดียว สีหน้าบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่คงที่
“ฉี เดี๋ยวถึงบ้านค่อยคุยกันอีกทีนะคะ” เฉียวชูเฉี่ยนวางโทรศัพท์โดยเร็วแล้วหาที่จับยึดเอาไว้ให้แน่น
เธอกลัวตอนเฉินเป่ยชวนขับรถเป็นที่สุด
ภายในรถยังคงความเงียบสงัด ชนิดที่หากมีเข็มตกซักเล่มก็ยังได้ยินเสียงอย่างชัดเจน
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเพียงใด จู่ๆ ก็มีเสียงอันแสนเยือกเย็นของชายหนุ่มดังขึ้นมา
“เฉียวชูเฉี่ยน คุณรู้ไหมคุณจากไปนานแค่ไหนแล้ว?”
เฉียวชูเฉี่ยนเงียบ
ซักพักใหญ่ๆ เธอจึงตอบกลับไปว่า “เจ็ดปีค่ะ”
“คือ 2,555 วันกับอีก 4 ชั่วโมงต่างหาก!”
เฉินเป่ยชวนแก้คำพูดของเธอ เขาพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวง จากนั้นก็กระจายไปทั่วคันรถ และเข้าจมูกของเฉียวชูเฉี่ยน ทำให้เธอสำลักควันออกมา
“แค่กๆ”
เฉินเป่ยชวนมองเธอด้วยสายตาที่เหยียมหยาม จากนั้นก็ส่งเสียงที่แสนเย็นชาออกมาว่า “หรือพอเห็นว่าลู่ฉีอยู่ในซั่นเป่ยอย่างมั่นคงแล้ว ถึงยอมกลับมา?”
“ฉันจะจากไปนานแค่ไหนหรือกลับมาแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับประธานเฉินนี่คะ”
เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบวิธีการพูดที่เจ็บแสบและเย็นชาเช่นนี้ของเขาเลย พูดจาแต่ละทีมักจะติดคำพูดเชิงยั่วยุมาด้วย
“ไม่ เกี่ยว กับ ผมหรือ?” เฉินเป่ยชวนทวนคำพูด
เขาราวกับได้ยินคำพูดที่ตลกขบขันบางอย่าง จึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไพเราะแต่เย็นเฉียบ และมือที่กุมพวงมาลัยอยู่ก็ปรากฎเส้นเลือดสีเขียวปูดขึ้นมา
เขาเหยียบเบรกอย่างแรง เฉินเป่ยชวนไม่ทันตั้งตัว ลำตัวจึงพุ่งออกไปด้านหน้า
ขณะที่เธอเกือบจะพุ่งไปชนกระจกรถ ได้มีมือใหญ่มารองเอว แล้วดันเธอกลับเข้าไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลาก่อน คุณสามี