"เจ้า......"
อวี้ฉือจ้านยังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกมา ไม่ไกลออกไปก็มีเสียงกีบม้าดังมา ฝู้จื่อโม่ตะโกนออกมาว่า: "จ้าน! รอข้าด้วย!"
กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกว่าหูอื้ออย่างรุนแรง บนหน้าผากมีเหงื่อที่ผิดปกติไหลออกมาแล้ว ในตอนที่อวี้ฉือจ้านหันกลับมา กู้ชิวเหลิ่งก็ล้มลงไปบนพื้นแล้ว
อวี้ฉือจ้านอุ้มกู้ชิวเหลิ่งขึ้นมาจากพื้นอย่างมือเร็วตาไว กั้นเอาไว้ด้วยผ้าคลุมหน้าบางชั้นหนึ่ง แก้มที่เดิมทีแดงระเรื่อเปลี่ยนเป็นซีดขาว มือพาดอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรง
ฝู้จื่อโม่เพิ่งลงจากม้า ก็เห็นภาพฉากนี้ อวี้ฉือจ้านกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา: "เรียกหมอหลวงไปรอที่กระโจมเดี๋ยวนี้เลย!"
ฝู้จื่อโม่ไม่มีแม้แต่เวลาจะหายใจ เห็นว่าอวี้ฉือจ้านอุ้มกู้ชิวเหลิ่งขึ้นมาในแนวนอน พลิกตัวขึ้นไปบนหลังม้า ควบม้าออกไปทางนอกพื้นที่ล่าสัตว์ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าฝู้จื่อโม่เสียอีก
ใบหน้าของฝู้จื่อโม่เต็มไปด้วยความเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้: "อุ้มผู้หญิงที่ฐานะไม่ชัดเจนคนหนึ่ง! แล้วทิ้งพี่น้องของเจ้าเอาไว้คนเดียว!"
อวี้ฉือจ้านลงจากม้าอย่างรวดเร็วราวกับถูกไฟลน สีหน้าท่าทางเคร่งขรึม คนที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขนก็คือกู้ชิวเหลิ่ง
"ไปเรียกหมอหลวง!"
"เรียนเซ่อเจิ้งหวาง หมอหลวงจะมาถึงในไม่ช้า!"
อวี้ฉือจ้านไม่มีความคิดที่จะหยุดฝีเท้าลงมาเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าจะเดินเข้าไปในกระโจมแล้ว คนที่อยู่ข้างนอกก็ยังคงได้ยินอวี้ฉือจ้านพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชามาก: "ข้าไม่เคยรอใคร หากยังไม่พามาอีก ยกศีรษะมาพบ"
สีหน้าของกู้ชิวเหลิ่งซีดขาวราวกับกระดาษ เหมือนจะเห็นใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งของจวินฉีเซิ่งในหัวรางๆ
"เจ้าจะทำอะไร?"
วินาทีแรกที่กู้ชิวเหลิ่งลืมตาขึ้นมา นางกำลังใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของร่างกายบีบข้อมือของอวี้ฉือจ้านเอาไว้ แรงกำลังนั่นราวกับจะหักข้อมือของอวี้ฉือจ้านทิ้ง
แต่ว่าบนใบหน้าของอวี้ฉือจ้านไม่ได้มีความผิดปกติ ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยดำมืดสุดขีด
กู้ชิวเหลิ่งสะบัดมือของอวี้ฉือจ้านทิ้งไป กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและเย็นชามาก: "จับมือข้าเอาไว้ทำไม?"
"ก่อนหน้านี้เจ้าถูกความเย็นเป็นไข้ เดิมทีร่างกายก็ยังไม่หายดี ในกระเพาะไม่มีอาหาร แล้วก็โคลงเคลงอยู่บนม้าพักหนึ่ง เมื่อครู่นี้เจ้าร้องว่าหนาว ดังนั้นก็เลยห่มผ้าห่มให้เจ้า"
ฝู้จื่อโม่นั่งอยู่บนขอบเก้าอี้ด้วยสายตาที่เย็นชา กล่าวขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ: "บางครั้งข้าก็คิดจริงๆว่าเจ้าสร้างมาจากเหล็กใช่ไหม จ้านบอกว่าทักษะการขี่ม้าของเจ้าเหนือกว่าคนทั่วไป ข้ากลับรู้สึกว่าเจ้าเป็นสาวน้อยที่ร่างกายอ่อนแอแม้แต่ลมพัดก็ยังทนไม่ได้คนหนึ่งต่างหาก เลียนแบบอะไรไม่ดี ดันจะเลียนแบบคนอื่นคิดคำนวณจิตใจผู้อื่น"
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งเกี่ยวเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมาเล็กน้อย: "ว่ากันว่าฝู้ซื่อจื่อชอบเที่ยวหอเที่ยวสาวๆ ติดหนี้รักความสัมพันธ์ชู้สาวเอาไว้ไม่น้อย เป็นคุณชายร่ำรวยสูงส่งดีๆไม่ชอบ ดันจะเลียนแบบคนอื่นเป็นพลดักซุ่มให้ได้หรือ?"
"เจ้าพูดเหลว......"
คำว่าไหลยังไม่ทันได้พูดออกมา กู้ชิวเหลิ่งก็เอ่ยปากกล่าวขึ้นมา: "ถ้าหากที่ข้ารู้มาไม่ผิด ปีก่อนหน้านี้ฝู้ซื่อจื่อช่วยเซ่อเจิ้งหวางลักลอบขนสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพไปที่ซีจิ้ง ในเวลานั้นก็ก่อหนี้ดอกท้อเอาไว้แล้วใช่ไหม?
ฝู้จื่อโม่อดที่จะกลืนน้ำลายลงคอเฮือกหนึ่งไม่ได้ ถาม: "หนี้ดอกท้อ*ที่ข้าก่อเอาไว้มีเยอะแยะ เจ้าหมายถึงดอกไหนล่ะ?"
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ: "ได้ยินมาว่าอีกไม่นานองค์หญิงอานไท่ของซีจิ้งก็จะเข้ามาในเมืองหลวง เพื่อร่วมงานเลี้ยงของแคว้น หลายปีมานี้ขนบธรรมเนียมพื้นบ้านของซีจิ้งห้าวหาญ ผู้หญิงสามารถมีสามีหลายคนได้ ฝู้ซื่อจื่อหน้าตาหล่อเหลาโดดเด่น ไม่กลัวจะถูกทาบทามไปเป็นสามีหรือ?"
"เจ้า! ข้ามีฐานะระดับไหน เป็นไปได้อย่างที่จะถูกผู้หญิงบ้าคนนั้น......"
ในดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งแฝงไปด้วยรอยยิ้ม นางเดาถูกจริงๆ ซีจิ้งในฐานะที่เป็นประเทศราช ในเชิงเศรษฐกิจอาจจะดีไม่เท่าต้าเยียน แต่มีสาวงามมากมาย ผู้หญิงที่งดงามที่สุดก็คือองค์หญิงอานไท่ของซีจิ้ง นางได้ยินข่าวลือมาไม่น้อย องค์หญิงอานไท่อายุไม่มาก นิสัยโหดเหี้ยม อาศัยความรักที่ราชินีแห่งซีจิ้งมีให้ มักจะไปอ้อยอิ่งในสถานเริงรมย์ หาความสุขสนุกสนาน ตามนิสัยเจ้าชู้ของฝู้จื่อโม่ ไปถึงซีจิ้งประเทศแห่งสาวงามแล้ว ย่อมอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะไปเพื่อหาข่าวเพื่ออวี้ฉือจ้าน ก็จะต้องไปอ้อยอิ่งที่สถานเริงรมย์อย่างแน่นอน
ในสายตาของอวี้ฉือจ้านมีรอยยิ้มซ่อนอยู่: "เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลำนำยอดหญิงจอมพิษ
เสียดายได้อ่านแค่ 102 ตอน ขอแอดมินมาช่วยอัพเดทตอนเพิ่มได้ไหมคะ...