องค์หญิงอานไท่ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบ ถึงได้รู้สึกถึงความอับอายที่ไม่เคยมีมาก่อน นางมีฐานะเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้น ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติด้วยเช่นนี้มาก่อนเลย อดที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาไม่ได้
"แต่ละแคว้นมีธรรมเนียมประเพณีของตัวเอง ข้ากลับรู้สึกว่านิสัยขององค์หญิงอานไท่ตรงไปตรงมาอย่างมาก"
เสียงของจวินฉีเซิ่งสุขุมและมีน้ำใจ และเดิมทีจวินฉีเซิ่งก็เป็นราชาแห่งแคว้นอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเอ่ยความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป คนที่อยู่บริเวณโดยรอบก็จะต้องเดินไปตามทิศทางลม ดังนั้นทันทีที่คำพูดของจวินฉีเซิ่งหยุดลง ก็ทำให้คนไม่น้อยหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ลง
"ไม่ทราบว่าเซ่อเจิ้งหวางแห่งต้าเยียน มีความคิดเห็นอะไรที่แตกต่างออกไปหรือไม่?"
บทสนทนาของจวินฉีเซิ่งหันไปที่อวี้ฉือจ้าน นี่ทำให้ผู้คนไม่น้อยต่างก็รู้สึกแปลกใจ อวี้ฉือจ้านกับจวินฉีเซิ่งไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน แล้วทำไมจวินฉีเซิ่งถึงได้โยนคำถามที่ตอบยากข้อนี้ไปให้อวี้ฉือจ้านล่ะ?
กู้ชิวเหลิ่งยกชาที่อยู่ในมือขึ้นมา คนอื่นไม่รู้ว่าจวินฉีเซิ่งกำลังคิดอะไรอยู่ แต่นางกลับรู้ดีอย่างชัดเจน
จวินฉีเซิ่งคนคนนี้เฉลียวฉลาด ในตอนที่คนของต้าเยียนไม่ให้เกียรติองค์หญิงอานไท่แห่งซีจิ้ง ความจริงก็เท่ากับกำลังตบหน้าของซีจิ้งอยู่ และในเวลานี้ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉีช่วยให้องค์หญิงแคว้นเล็กๆคนหนึ่งให้พ้นจากสถานการณ์ที่น่าอับอาย ต้องได้รับความรู้สึกดีๆขององค์หญิงอานไท่กับคณะทูตของซีจิ้งอย่างแน่นอน
ซีจิ้งส่งตัวองค์หญิงอานไท่มาครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี ถึงแม้ซีจิ้งจะเป็นแคว้นเล็กๆ แต่ว่ากำลังทหารแข็งแกร่ง ตั้งอยู่บนแกนกลาง ถ้าหากซีจิ้งกับต้าเยียนดองกันจริงๆ เช่นนั้นสำหรับแคว้นฉีแล้ว ไม่ถือว่าเป็นเรื่องดีอะไรเลย
ประการแรกจวินฉีเซิ่งจงใจทำประโยชน์ต่อซีจิ้งเพื่อให้รู้สึกซาบซึ้งต่อตัวเอง ประการที่สองโยนปัญหาให้กับอวี้ฉือจ้าน ก็มีเจตนาจะหยั่งเชิงเช่นกัน
จวินฉีเซิ่งน่าจะเดาออกแล้วว่ากลุ่มคนที่ลอบสังหารเขาในเขตชานเมืองของเมืองหลวงก็คือคนของอวี้ฉือจ้าน ดังนั้นถึงได้ใช้สถานการณ์ที่น่าขายหน้าขององค์หญิงแห่งซีจิ้งในตอนนี้ มาหยั่งเชิงมุมมองความคิดของอวี้ฉือจ้านที่มีต่อการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี
อวี้ฉือจ้านแทบจะวางถ้วยสุราในมือลงพร้อมๆกับกู้ชิวเหลิ่ง กล่าวว่า: "ข้าคิดว่า องค์หญิงอานไท่เดินทางมาเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีในครั้งนี้ จะต้องคุ้นเคยกับมารยาทของต้าเยียนข้าอย่างแน่นอน นิสัยตรงไปตรงมาก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ว่ามารยาทจำเป็นต้องครอบคลุมถี่ถ้วน"
คำพูดนี้ของอวี้ฉือจ้านแสดงออกอย่างชัดเจนว่าองค์หญิงอานไท่กำลังจะเป็นตัวแทนการเป็นมิตรตลอดไปของซีจิ้งกับต้าเยียน ถือโอกาสตัดความคิดที่จะดึงซีจิ้งไปเป็นพวกของจวินฉีเซิ่งไปในตัว
จวินฉีเซิ่งหรี่ตาอย่างคุกคาม ถึงแม้ข้ออ้างที่เขามาที่ต้าเยียนในครั้งนี้ก็คือการเป็นมิตรตลอดไป แต่ในความเป็นจริง เขาไม่ได้วางแผนที่จะเป็นมิตรกับต้าเยียนไปตลอด เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วแผ่นดินต้าเยียนอุดมสมบูรณ์กว่าแคว้นฉี เขามีใจอยากจะพิชิตนานแล้ว เพียงแต่ว่าครั้งนี้คนของซีจิ้งเดินทางมาเจรจาสันติภาพ ระงับความคิดนี้ของเขาลงไปเลยโดยตรง
ในที่สุดบนใบหน้าขององค์หญิงอานไท่ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าอยู่ที่ต้าเยียนจะคับข้องใจ แต่ว่าราชินีซีจิ้งก็สั่งการมาโดยเฉพาะแล้วว่า ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต้าเยียนอย่างสมบูรณ์ให้ได้
องค์หญิงอานไท่กล่าวว่า: "ซีจิ้งมีธรรมเนียมหนึ่งหญิงหลายสามีมาโดยตลอด แต่ว่าก่อนหน้าที่อานไท่จะมาต้าเยียน ได้แยกย้ายราชบุตรเขตและสนมชายทั้งหมดในจวนไปหมดแล้ว ทั้งหมดนี้เพื่อที่จะสามารถปรนนิบัติฮ่องเต้เยียนได้ดียิ่งขึ้น ยังหวังว่าฮ่องเต้เยียนอย่าได้ถือสา"
"ปรนนิบัติรับใช้เสด็จพี่ของข้า? องค์หญิงซีจิ้งอย่างเจ้าก็บ้าคลั่งเกินไปแล้วมั้ง? เจ้าไม่ใช่......แล้วยังจะปรนนิบัติเสด็จพี่ข้าอีก? ช่างไม่มีความละอาย......"
อวี้ฉือกงกล่าวตำหนิ: "อวี่เหวินหมิ่น! พึงระลึกเอาไว้ว่าเจ้าเป็นองค์หญิง การกระทำและคำพูดล้วนเป็นตัวแทนของราชวงศ์ทั้งนั้น เจ้าดูสิว่าตอนนี้เจ้ากลายเป็นอะไรไปแล้ว!"
อวี่เหวินหมิ่นเบะปาก กล่าวว่า: "ถึงอย่างนั้นเสด็จพี่ก็ไม่สามารถแต่งงานกับนางได้ สายเลือดของราชวงศ์สำคัญที่สุด พระสนมจำเป็นต้องจงรักภักดีและถือครองพรหมจรรย์ นางไม่ได้!"
อวี้ฉือจ้านกล่าวอย่างราบเรียบ: "ไม่ได้จริงๆนั่นแหละ ซีจิ้งกับต้าเยียนข้าแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีในครั้งนี้ ไม่ได้กำหนดบุคคลเฉพาะเจาะจงเอาไว้ แต่ว่าเมื่อวานข้ากับฝ่าบาทหารือกันแล้ว หวังว่าองค์หญิงจะสามารถแต่งงานกับท่านอ๋องหกแห่งต้าเยียนเรา"
"ท่านอ๋องหก?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลำนำยอดหญิงจอมพิษ
เสียดายได้อ่านแค่ 102 ตอน ขอแอดมินมาช่วยอัพเดทตอนเพิ่มได้ไหมคะ...