เดิมทีอวี้ฉือกงวางแผนจะกำหนดงานแต่งงานในครั้งนี้ในโอกาสที่เป็นทางการมากกว่านี้ แต่ใครจะคาดคิดว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน สิ่งต่างๆมาอย่างเร่งรีบและรวดเร็ว ก็ได้แต่กำหนดการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างสองแคว้นราวกับเป็นเพียงเรื่องไร้สาระแล้ว
ระหว่างงานเลี้ยงมีเสียงพูดคุยสนุกสนานดังมาเป็นระยะๆ ข้างกายของจวินฉีเซิ่งมีหยินซวงซวงอยู่เคียงข้าง บทสนทนาที่พูดคุยกับอวี้ฉือกงก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องชาติบ้านเมือง การร่ายรำในงานเลี้ยงถูกผลักดันไปจนถึงจุดสูงสุด
กู้ชิวเซียงเริ่มนั่งไม่ติดเล็กน้อยแล้ว สายตาของนางไม่ได้ละออกไปจากตัวของอวี่เหวินเจี๋ยเลย แต่ว่าอวี่เหวินเจี๋ยกลับดื่มเหล้าจอกแล้วจอกเล่า ราวกับว่าเมาไม่เป็น บนแก้มก็ไม่มีอาการมึนเมาเลยแม้แต่น้อย
ฮูหยินใหญ่ตบไปที่หลังมือของกู้ชิวเซียงเบาๆ กล่าวว่า: "เจ้าวางใจได้ ข้าคุยกับท่านพ่อของเจ้าแล้ว ถ้าหากเรื่องราวไม่ผิดไปจากที่คาดการณ์เอาไว้ การแต่งงานจะสามารถกำหนดลงมาได้ในวันนี้"
"จริงหรือ?"
ในสายตาของกู้ชิวเซียงแฝงไปด้วยความเขินอายของสาวน้อย นางแอบชอบอวี่เหวินเจี๋ยมานานหลายปี วันนี้แหละจะได้รู้ว่าจะสามารถสมปรารถนาในสิ่งที่หวังเอาไว้หรือไม่
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จวินฉีเซิ่งกระซิบไปที่ข้างหูของหยินซวงซวงสองประโยค หยินซวงซวงเข้าใจความหมาย และลุกขึ้นมาจากที่นั่ง เดินไปที่ใจกลางตำหนัก เสียงไพเราะน่าฟัง: "หม่อมฉันมาที่ต้าเยียนเป็นครั้งแรก ได้เจอคนมากมายและประเพณีของต้าเยียน รู้สึกว่าน่าสนใจอย่างมาก ดังนั้นหม่อมฉันก็นำการร่ายรำของแคว้นฉีมาด้วยเช่นกัน อยากจะให้ฮ่องเต้เยียนกับขุนนางทุกท่านได้ชื่นชมเล็กน้อย"
อวี้ฉือกงพยักหน้า กล่าวว่า: "อนุญาต"
หยินซวงซวงเดินไปถึงระหว่างตำหนัก นักดนตรีของแคว้นฉีขึ้นแสดงแล้ว วงเครื่องสายของแคว้นฉีแตกต่างไปจากของต้าเยียน มีเครื่องดนตรีมากมายที่คนของต้าเยียนไม่เคยเห็นมาก่อน ต่างก็พากันมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เดิมทีรูปร่างของหยินซวงซวงก็อรชรอ้อนแอ้นราวกับนกนางแอ่นอยู่แล้ว ท่าทางเย้ายวนราวกับงู เสียงของดนตรีจากต่ำเปลี่ยนเป็นสูงแล้วก็ต่ำลงมาอีก การเคลื่อนไหวของหยินซวงซวงราวกับปีศาจสาว การร่ายรำที่ร่ายรำขึ้นมาเพียงพอจะให้ผู้ชายทุกคนที่อยู่ในงานหลงใหลอยู่กับนาง
ในงานเลี้ยงมีเพียงอวี่เหวินเจี๋ยเท่านั้นที่ดื่มเหล้าอยู่ตลอด สายตาของอวี้ฉือจ้านก็หยุดอยู่ที่กู้ชิวเหลิ่งอยู่ตลอด แม้ว่ากู้ชิวเหลิ่งจะดูการร่ายรำของหยินซวงซวงอย่างถือว่ารักษาหน้าแล้ว แต่ว่าสายตาของอวี้ฉือจ้านกลับไม่ได้มองไปที่การร่ายรำเลย
สายตาของเซียวอวิ๋นเซิ่งก็ไม่ได้อยู่ที่ผู้หญิง เขาชื่นชอบดนตรีมากเป็นพิเศษ รู้สึกว่าดนตรีของแคว้นฉีมีทั้งเอกลักษณ์ และท่วงทำนอง อดที่จะปรบมือไปตามจังหวะเสียงดนตรีไม่ได้
อวี่เหวินหวายเพิ่งจะได้สาวงามคนหนึ่งมาครอบครอง ความสุขที่อยู่ในใจย่อมมีมากกว่า เห็นการร่ายรำของหยินซวงซวงก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นในใจขึ้นมา ถึงแม้สิ่งที่ไม่ได้มาครอบครองถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ว่าหลังจากข่าวลืออื้อฉาวพวกนั้นแล้ว ในใจของเขากู้ชิวเซียงก็เหลือแค่เพียงคำว่าเสียดายสองคำเท่านั้นแล้ว
อวี่ฉือกงมองดูการร่ายรำของหยินซวงซวงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม แต่ว่าหางตากลับมองดูหว่านเฟยที่อยู่ข้างกายอยู่ตลอด
หว่านเฟยคือเซียวหว่านชิงแห่งจวนเซียวโหว และก็เป็นพี่สาวคนโตของเซียวอวิ๋นเซิง อวี้ฉือกงหลงรักมาตลอด เพียงแต่ว่าเซียวหว่านชิงไม่ค่อยจะเข้าใกล้เขาเท่าไหร่ เขาในฐานะที่เป็นโอรสสวรรค์มันก็ไม่ดีที่จะแสดงความรักของตนเองออกมามากเกินไป ดังนั้นหลายปีมานี้ตามใจเซียวอวิ๋นเซิงล้วนเป็นเพราะรักหว่านเฟยมากจนรักคนที่เกี่ยวข้องด้วย
หลังจากหนึ่งเพลงจบไป ก็มีเพียงขุนนางกับคุณชายลูกขุนนางชนชั้นสูงในงานเลี้ยงเท่านั้นที่ถูกท่าร่ายรำที่ยอดเยี่ยมของหยินซวงซวงช่วงชิงจิตวิญญาณไป
ลมหายใจของหยินซวงซวงสงบนิ่ง กล่าวว่า: "หม่อมฉันขอร่ำจบลงดังนี้ โปรดอย่ารังเกียจ"
อวี้ฉือกงเอ่ยปากกล่าวว่า: "การร่ายรำของหยินเฟยยอดเยี่ยมมาก ทำให้พวกข้าได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ"
หว่านเฟยเซียวหว่านชิงที่อยู่ข้างกายของอวี้ฉือกงเอ่ยปากกล่าวว่า: "หลังจากชมการร่ายรำของหยินเฟยแล้ว แม้แต่ข้าก็ยังได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆไปด้วย ผู้หญิงของต้าเยียนเรากับผู้หญิงของแคว้นฉีแตกต่างกันจริงๆ วันนี้พวกนางก็เตรียมความสามารถพิเศษของแต่ละคนเอาไว้เช่นกัน ถือโอกาสอาศัยการร่ายรำของหยินเฟยเป็นการเริ่มต้นการแสดงได้พอดี ให้พวกนางต่างก็มาลองดูกัน?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลำนำยอดหญิงจอมพิษ
เสียดายได้อ่านแค่ 102 ตอน ขอแอดมินมาช่วยอัพเดทตอนเพิ่มได้ไหมคะ...