อวี้ฉือจ้านพยักหน้าและพูดว่า:"ได้เวลาไปแล้ว"
หลังจากพูดจบไม่นาน อวี้ฉือจ้านก็พูดกับกู้ชิวเหลิ่งอีกว่า: "คุณหนูรองไม่ไปพร้อมกันรึ?"
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มมุมปากเล็กน้อย: "เมื่อวานนี้หม่อมฉันได้ออกหน้าออกตาเต็มที่แล้ว แถมวันนี้ก็ได้ถูกแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่ หากตอนนี้ยังจะมาเดินเคียงข้างกับเซ่อเจิ้งหวางอีก หม่อมฉันก็เหมือนกำลังหาศัตรูให้กับตัวเองชัดๆซิเพคะ?"
"เจ้าดูไม่เหมือนผู้หญิงที่กลัวจะหาศัตรูให้กับตัวเอง"
เสียงฝีเท้าของม้ากำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อวี้ฉือกงกับเซียวหว่านชิงได้นั่งลงในที่นั่งของตัวเองแล้ว เหล่าชนชั้นสูงและลูกชายของขุนนางหลายท่าน ขอเพียงคนที่ขี่ม้าเป็นต่างก็นั่งอยู่บนหลังม้า คนที่อยู่นำหน้าคืออวี่เหวินเจี๋ยและอวี่เหวินหวาย และผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในนั้นก็คืออวี่เหวินหมิ่น
คนที่เหลือก็มีแต่เซียวอวิ๋นเซิงที่เอ้อระเหยลอยชาย และฝู้จื่อโม่ที่กำลังลูบผมจอนบนหลังม้า
กู้ชิวเหลิ่งยักคิ้วและพูดว่า:"เซ่อเจิ้งหวางเชิญก่อน"
จู่ๆอวี้ฉือจ้านก็ดึงข้อมือของกู้ชิวเหลิ่ง กู้ชิวเหลิ่งเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ เพียงได้ยินแต่เสียงที่คมชัดของชุดเกราะบนร่างของอวี้ฉือจ้าน มือข้างหนึ่งจูงม้าไว้ อีกข้างหนึ่งดึงข้อมือของนางเอาไว้ด้วยแรงที่เบาและอ่อนโยนแล้วพูดว่า: "ในเมื่อจะไป ก็ไม่มีเหตุผลที่ใครจะไปก่อน"
จะไป ก็ไปพร้อมกัน
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กู้ชิวเหลิ่งและอวี้ฉือจ้าน เห็นอวี้ฉือจ้านขึ้นหลังม้า และมืออีกข้างหนึ่งก็ปกป้องกู้ชิวเหลิ่งขึ้นหลังบนม้าตัวเดียวกันแล้วจากไป
เส้นด้ายสีเขียวอ่อนที่ชายกระโปรงของกู้ชิวเหลิ่งถูกลมพัดปลิวขึ้นในอากาศ กู้ชิวเหลิ่งถูกห่ออยู่ในอ้อมแขนของอวี้ฉือจ้าน ขี่ม้ามาจากในระยะไกล เหมือนดั่งคู่รักคู่หนึ่ง
"อวี้ฉือจ้าน! ปล่อยข้าลงไป! "
เห็นได้ชัดว่ากู้ชิวเหลิ่งมีความรีบร้อนเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าอวี้ฉือจ้านเพียงแค่แกล้งทำเป็นเกรงใจเล็กน้อย แต่คิดไม่ถึงว่าจะดึงนางขึ้นม้าไปด้วย มีเหล่าชนชั้นสูงและลูกชายของขุนนางที่นับไม่ถ้วนที่อยู่ในรอบๆนี้ แถมเซียวอวิ๋นเซิงกับกู้หนานเฉิงก็อยู่ในนี้ด้วย คงหลีกเลี่ยงที่จะถูกไต่ถามไม่ได้แน่เลย เมื่อถึงตอนนั้นนางจะพูดไกล่เกลี่ยอย่างไร? บุตรีอนุภรรยาคนหนึ่ง กลับขี่ม้าตัวเดียวกับเซ่อเจิ้งหวางที่มีอำนาจมากที่สุดในต้าเยียน หากพูดออกไป คงต้องเป็นข่าวใหญ่อีกเรื่องหนึ่งแน่เลย
"ข้า ไม่"
เสียงอันสุขุมของอวี้ฉือจ้านนั้นมีเสียงหัวเราะแฝงเอาไว้ ราวกับว่าชอบการปฏิกิริยาที่รีบร้อนนี้ของกู้ชิวเหลิ่งมากนัก
เซียวอวิ๋นเซิงลืมตาโตมองดูฉากนี้ เกือบทิ้งที่พัดพับในมือลงบนพื้น กู้ชิวเหลิ่งรู้จักอวี้ฉือจ้านเมื่อใดกัน?
เมื่อนึกถึงว่ากู้ชิวเหลิ่งไม่ได้สวมชุดขี่ม้าที่เขาส่งให้ ในใจก็รู้สึกเสียใจไปตั้งนาน และตอนนี้ก็เห็นกู้ชิวเหลิ่งถูก อวี้ฉือจ้านดึงขึ้นบนหลังม้า ในใจก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ยิ่งขึ้น
ฝู้จื่อโม่เพียงแค่เหลือบมองครั้งเดียว ก็หันหัวไป ราวกับว่าไม่เห็นอะไรเลย
บนใบหน้าของกู้ชิวถางและกู้หนานเฉิงนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย อวี้ฉือจ้านไม่ได้ออกจากวังเป็นเวลาหลายปี กู้ชิวเหลิ่งเคยไปในพระราชวังเพียงครั้งเดียว แถมยังเป็นเพราะเรื่องการถอนหมั้นกับอวี่เหวินหวายด้วย อวี้ฉือจ้านกลับดึงผู้หญิงขึ้นม้า?นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ทุกคนต่างก็รู้ว่าเซ่อเจิ้งหวางในต้าเยียนนี้ไม่ชอบให้ผู้หญิงเข้าใกล้ หากมีผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้เขาเกินสามฉื่อ เบาหน่อยก็มือหักขาหัก ในกรณีร้ายแรงก็ถึงขั้นคร่าชีวิต
แต่กู้ชิวเหลิ่งกลับอยู่ในอ้อมแขนของอวี้ฉือจ้านอย่างดี แถมเมื่อกี้ทุกคนก็เห็นว่าอวี้ฉือจ้านเป็นคนดึงกู้ชิวเหลิ่งขึ้นม้าเอง
นี่ก็เพียงพอที่จะกลายเป็นข่าวใหญ่ในเมืองหลวงต้าเยียนได้แล้ว
มุมปากของอวี้ฉือกงกระตุกเล็กน้อย แม้ปกติแล้วเสด็จอาท่านนี้จะดูสุขุมยิ่ง แต่เมื่อถึงตอนเอาแต่ใจ ก็ไม่มีใครเทียบเขาได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์การล่าสัตว์ที่ใหญ่โตเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง ยังสร้างปัญหาที่ยากจัดการเช่นนี้ให้เขา
ในฐานะฮ่องเต้ คงต้องถามเซ่อเจิ้งหวางดูแล้วว่าเหตุใดถึงดึงหญิงสาวคนหนึ่งที่ยังไม่ได้แต่งงานขึ้นม้า?
ในฐานะหลานชาย คงทำลายโอกาสจีบสาวที่ดีของท่านอาไม่ได้สินะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลำนำยอดหญิงจอมพิษ
เสียดายได้อ่านแค่ 102 ตอน ขอแอดมินมาช่วยอัพเดทตอนเพิ่มได้ไหมคะ...