จากนั้นข้าวของที่ซื้อมาได้ก้อยู่บนเกวียนเรียบร้อย เมิ่งลู่เจินแม้จะอายุไม่มาก แต่เพราะต้องพาพี่ชายไปหาหมอบ่อยๆ จึงสามารถขับเกวียนได้ พ้นจากประตูเมืองมาถึงกลางทางเมิ่งหย่งชวนก็เอ่ยปากทันที
"เจ้าเป็นสตรีแบบใดถึงยืนแช่งสามีตนเองห๊ะเสิ่นเยี่ยนฟาง แต่งมาให้ข้าหายป่วยหรือมาให้ข้าตายไวขึ้นกันแน่"
"ข้าเป็นนสตรีจิตใจดี รูปร่างหน้าตางดงาม แหม่เจ้าก็ยังอยู่ดีนี่ ข้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า คนบางคนยิ่งแช่งยิ่งอายุยืนนะ เจ้ารียนมาเยอะมิเคยได้ยินบ้างหรอกหรือ เฮ้อดวงเจ้าต่างหากที่อัปมงคล แต่งมาวันแรกก้ไปแม่น้ำเหลืองเสียแล้ว"
เยียนฟางเอ่ยเบาๆในตอนท้าย อย่างไว้อาลัยเสิ่นเยี่ยนฟางคนเดิม
"เจ้าๆๆ เหอะ แล้วข้าวของนี่ไม่ซื้อเยอะเกินไปหรือ อีกอย่างเหตุใดไม่เก็บเงินไว้บ้างใช้จ่ายจนหมด"
"มีเงินก็ต้องใช้สิ ขืนเก็บเอาไว้บ้านใหญ่เจ้าก็มารุมทึ้งไม่เลิก ปลิงยังไม่น่ารังเกียจเท่ากับปู่ย่าเจ้าเลย นี่เมิ่งหย่งชวนหากเจ้าจะกตัญญูข้าไม่ว่านะ แต่อย่าเอาคำว่าผู้อาวุโสและกตัญญูมาใช้กับข้า ปู่กับย่าเจ้า และลุงใหญ่กับป้าสะใภ้เจ้าไม่ได้คลอดข้าออกมา อย่ามารำเริบข้าจะตอกให้หงายหลังเลย"
จากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรอีก เมิ่งหย่งชวนเผลอหลับ เขาถูกพิษจริงๆไม่อาจถูกลมเย็นได้ แม้ว่าตอนนี้พิษจะเกือบหมดแล้วแต่ยังคงมีอาการ ที่นางเห้นว่าเขาไม่เหมือนคนป่วยเพราะอากาศยังไม่เย็นมากนัก
ผ่านทางเข้าหมู่บ้านเมิ่งอี้ที่เห็นเกวียนวัวที่เต็มไปด้วยข้าวของก็ริษยา เงินนั่นเป็นของครอบครัวเขาหึ เมิ่งอี้จะไปทวงเงินคืน แต่พอเห็นเสิ่นเยี่ยนฟางที่ตอนนี้อาบน้ำเปลี่ยนชุดสะอาดสะอ้าน เกล้าผมเรียบร้อยก็ตะลึงใช้สตรีคนที่มาหาเรื่องเมื่อเช้าหรือ นางงามเพียงนี้จริงๆหรือ
หึเมิ่งหยงชวนเจ้ามีสิทธิ์อันใดได้ครอบรองสาวงาม ก็แค่บัณฑิตโชคร้ายคนนึง แต่งให้ไอ้ขขี้โรคแบบนั้นน่าเสียดาย เสิ่นเยี่ยนฟางคนนี้เขาจะแย่งมาให้ได้ เหมือนที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าแย่งทุกอย่างมาจากพ่อแม่ของเจ้า
พูดแล้วก็ภูมิใจ ร่างนี้อย่างน้อยก็มีของดีแหละน่า จัดการข้าวของให้เสร็จก่อน บ้านใหญ่ถูกนางตีน่วมไปเมื่อเช้า คงนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปอีกเจ็ดแปดวัน บอกแล้วอย่าเล่นกับระบบเจ๊หลิวครูฝึกแห่งหน่วยยอินทรีดำ กล้ามาหาเรื่องอีกจะฝังไว้บนเขาเสียเลยหึ
สองพี่น้องเมิ่งหย่งชวนและเมิ่งลู่เจินที่ยังคับเกวียนเพื่อพากันไปบ้านลุงหกขอซื้อโม่หิน เสิ่นเยียนฟางให้เงินเขาไปยี่สิบตำลึง ไม่รู้ว่าโม่มีราคาแพงเพียงใด แต่ว่าให้นางมานั่งตำนั่งบดถั่วนางคงไม่ไหว พรุ่งนี้จะขึ้นเขาลองหาหินปูนมาเผาดู มีปูนขาวสุกติดในครัวไว้สักหน่อยก็ดี
สองพี่น้องขับเกวียนมาถึงกลางหมู่บ้านก็เจอเข้ากับเมิ่งอี้ที่ยืนจับกลุ่มคุยกับอันธพาลและบุรุษในหมู่บ้านอยู่ห้าหกคน ทันทีที่เห็นเมิ่งหย่งชวน เมิ่งอี้ก็ตรงมาหาเรื่องทันที
"หึ นี่ไอ้ขี้โรคเจ้ามาเสนอหน้าอันใดแถวนี้ ไอ้บัณฑิตขี้แพ้ ทั้งขี้แพ้ทั้งขี้โรคกลับอยากมีเมียสวย ข้าว่าเมียเจ้าน่ะมาให้ข้าช่วยดูแลคงจะดีกว่า ข้าจะทะนุถนอมนางอย่างดีเชียวล่ะ จริงไหมพวกเรา ฮ่าๆๆๆๆ"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตกาลบันดาลรัก