อาหารเย็นนางซื้อมาแล้วจึงไม่จำเป็นต้องทำ แต่นางอยากได้ไข่ไก่มานวดกับแป้งเพื่อทำบะหมี่ไข่พรุ่งนี้ แต่ตอนนี้เสิ่นเยี่ยนฟางนางรู้ตัวว่าฝืนไม่ไหวแล้ว เมื่อเมิ่งหย่งชวนเอ่ยลาทุกคน ก็พานางกลับบ้านทันทีที่ถึงบ้านเสิ่นเยี่ยนฟางก็เดินโซซัดโซเซไปหาที่นอนทันที
ปวดหัวแทบจะระเบิดอยู่แล้ว แผลที่ถูกแทงคงอักเสบแน่ๆไข้จึงขึ้น
"เจ้าไหวไหม ตัวร้อนขนาดนี้ป่วยหนักกว่าข้าเสียอีกนะ"
"อืม ไหวๆอาเจินเอาเกวียนไปคืนท่านปู่หลงแล้วอุ่นอาหารเองนะ พี่สะใภ้ซื้อมาแล้วไม่ต้องทำ ท่านชาวยหาสุรามาให้หน่อยข้าจะล้างแผล คงอักเสบน่ะข้าถึงมีไข้"
"ได้ เดี๋ยวข้าจัดการให้เจ้าพักผ่อนเถอะ"
เมิ่งหย่งชวนเห็นสภาพนางก็สงสารจึงอุ้มนางไปนอนในห้อง เสิ่นเยี่ยนฟางปูที่นอนไว้เรียบร้อยแล้ว เขาวางนางเอาไว้ก่อนจะให้นางนอนพักแล้วตนเองก็ไปต้มยา
เมิ่งลู่เจินที่เพิ่งมาถึงจากเอาเกวียนไปคืนก็รับอาสาเฝ้าเตาไฟ เมิ่งหย่งชวนเข้าไปดูคนตัวเล็กเห็นนางนอนสั่นจึงห่มผ้าให้ เสิ่นเยี่ยนฟางหนาวสั่นจนเขาต้องทอดกายลงข้างๆแล้วกอดนางเอาไว้ ไม่นานน้องชายก็เดินมาหาพร้อมชามยาในมือ
"พี่ใหญ่ขอรับ ยาของพี่สะใภ้ได้แล้วขอรับ"
"ขอบใจมากอาเจิน เจ้าอุ่นอาหารแล้วกินก่อนได้เลยนะ พี่จะดูพี่สะใภ้เจ้าก่อนเดี๋ยวนางดีขึ้นพี่ค่อยไปหากินเอง"
"พี่ใหญ่ พี่สะใภ้จะไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ ข้าไม่อยากให้นางเป็นอะไรไป ข้าชอบนางข้ารู้สึกว่านางเป็นคนดี"
"นางจะไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าอย่ากังวลเลย ท่านหมอจ่ายยามาเดี๋ยวนางกินยาก็ดีขึ้น เจ้าไปกินข้าวเถอะ"
เมิ่งลู่เจินไปแล้วเมิ่งหย่งชวนจึงปลุกเสิ่นเยี่ยนฟางให้ลุกมากินยา แต่นางอแงมากนัก
"เสิ่นเยี่ยนฟางเจ้าตื่นมากินยาก่อน ไม่อยากหายป่วยหรืออย่างไรกัน"
เสิ่นเยี่ยนฟางพยายามลุกนั่งพอเห็นยาในชามนางก็เบ้ปาก ไม่น่ากินสักนิดเลยเชียว ก่อนจะบ่นกลับเพิ่งหย่งชวน
"อื้อ ข้ารู้แล้วเจ้าจะบ่นอะไรนักหนา นี่ยาหรือทำไมกลิ่นมันถึงได้ชวนหืนเช่นนี้เล่า เมิ่งหย่งชวนข้าไม่กินได้ไหมดูสีแล้วต้องขมแน่ๆเลย"
"ขึ้นชื่อว่ายาย่อมต้องขม มากเถอะกินดีๆเดี๋ยวจะได้พักผ่อน"
เสิ่นเยี่ยนฟางเม้มปากแน่นทันทีที่ชามยามาจ่อปากนาง เมิงหย่งชวนอ่อนใจนางดื้อกว่าที่คิดนัก
ขาใช้มือช้อนท้ายทอยนางไว้ก่อนจะยกชามยาเข้าปากตนเอง จากนั้นใช้มืออีกข้างจับคางนางบีบขากรรกไรเล็กน้อย เพื่อบังคับให้นางอ้าปาก จากนั้นก็ก้มลงประกบปากนางค่อยๆบ้วนยาจากปากเขาลงไป
เสิ่นเยี่ยนฟางใช้มือสองข้างทุบแผ่นหลังเขารัวๆ นางจำต้องกลืนยานั่นลงคอ อื้อมันขมมากแต่นางหนีไม่ได้ นางเป็นไข้บวกกับเขาบังคับนางทำให้ยาถูกป้อนจากปากเขาเข้าสู่ปากนางจนหมดทุกหยด เมิ่งหย่งชวนเห็นนางกลืนยาหมดแล้วก็ปล่อยมือจากนั้นก็มองหน้านางเอ่ยเสียงเข้ม
"เจ้าดื้อกว่าที่คิดนะเสิ่นเยี่ยนฟาง ให้เจ้าแต่งมาดูแลข้าแต่กลายเป็นว่าข้าต้องมาดูแลเจ้าแทน"
"ยาลูกกลอนมีราคาแพง ชาวบ้านจ่ายไม่ไหวท่านหมอจ้าวจึงไม่ทำออกมา หากไม่อยากกินยาให้ข้าฝังเข็มให้เจ้าดีไหม เหมือนเข็มของข้าจะพร้อมแล้วนะ"
เสิ่นเยี่ยนฟางมองหน้าเขางงๆทันที จากนั้นนางก็รู้แล้วว่าเขาหมายถึงสิ่งใดเพราะมันแข็งเป็นศิลาหยกอีกทั้งตอนนี้มันยังทิ่มก้นนางอยู่ ด้วย จึงรีบปีนลงจากตักเขาอย่างลนลานเข้าไปด้านในเตียงแล้วนอนหันหลังให้ เอ่ยเบาๆ
"ท่านต้มยาเสร็จแล้วปลุกข้าแล้วกัน ข้าง่วงแล้ว "
เมิ่งหย่งชวนหัวเราะหึๆ เวลาดื้อก็ดื้อมาก เวลาอายก็น่ารัก ดูเหมือนภรรยาแก้ชงคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายสำหรับเขาเท่าไหร่ อีกอย่างเขาต้องเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง อาเจินชอบนางมาก สิ่งที่เขาห่วงที่สุดก็คือน้องชาย หวังว่านางจะไม่หนีไปเพราะว่าเขาขี้โรคเหมือนคนก่อนๆที่รับเงินสินสอดแล้วไม่ยอมแต่ง ดูแล้วนางกับเขาคงมีดวงดอกท้อต่อกัน
บ้านเชิงเขานั้นอากาศมักจะเย็นมาก เสิ่นเยี่ยนฟางที่นอนอยู่ตัวร้อนเพราะพิษไข้ นางสั่งเมิ่งหย่งชวนให้หาสุรามาล้างแผลและเอาไว้ให้นางเช็ดตัวหากนางไข้ขึ้น
เมิ่งหย่งชวนที่จัดการเด็กดื้อกินยาเรียบร้อยแล้วก็สวมเสื้อทับอีกชั้นหนึ่งเพื่อเข้าไปในหมู่บ้าน ปู่หลงเปิดร้านค้าขายน่าจะมีสุราขายด้วย เมิ่งหย่งชวนจะรีบไปจึงฝากให้น้องชายดูแลพี่สะใภ้
"อาเจิน คอยฟังเสียงพี่สะใภ้เจ้าหน่อย พี่จะไปซื้อสุรามาล้างแผลให้นาง"
"ขอรับพี่ใหญ่ ท่านไปเถอะ อย่าลืมใส่เสื้อหนาๆหน่อยนะขอรับ พี่สะใภ้ซื้อเสื้อนวมมาให้ท่านสองตัวสวมทับด้วย ดูเหมือนฝนจะมาเร็วกว่าปกติ"
"อืม พี่ไปก่อนนะ"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตกาลบันดาลรัก