ลิขิตรัก ในกรงแค้น นิยาย บท 2

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นรบกวนการทำอาหารของป้านา จนเธอต้องละจากการเตรียมอาหารต้อนรับแขก รีบหันมากดรับสาย

“ฮัลโหล มีอะไรนังพริม” หญิงชราเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นหลานสาวตัวแสบของตน ที่คอยโทรตามแกล้งป่วนประสาทเกือบทุกวัน เห็นทีจะแปลกตรงที่ด่าไปเท่าไหร่หญิงสาวกลับชอบใจหัวเราะคิกคักประหนึ่งว่าโดนชมเชยเสียอย่างนั้น ครานี้เห็นทีจะโทรมาป่วนเช่นเดิม คงต้องเสียแรงด่าอีกยกสินะ

“ป้านาขา พรุ่งนี้พริมขอพาเพื่อนเข้าไปทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ กินหน่อยได้ไหม ป้าก็จิ๊กอาหารสดของเจ้านายเอาไว้ให้พริมหน่อยสิ อ่า...ขอเตาย่างบาบีคิวเล็กๆ ขอไวน์เหลือๆ นิดนึงนะป้า” เป็นคำขอที่แสบทรวงและแทบไม่เว้นช่วงหายใจ หญิงชราได้ฟัง รู้สึกถึงความดันที่กำลังพุ่งปี๊ดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“นังพริม!” พริมยังสาธยายจุดประสงค์ไม่ทันจบ เสียงปลายสายดุข้ามมาทำเอาหญิงสาวสะดุ้งโหยง รีบเอามือปิดหู ก่อนรวบสติฟังคำตอบด้วยสีหน้าแป้นแล้นไม่สะทกสะท้าน

“นังพริม แกคิดพิเรนทร์อุตริอะไรขึ้นมาอีกฮะ ถ้าคุณแทนรู้ป้าเกิดตกงานแกรับผิดชอบไหวไหม” คนชราโมโหจนต้องตวาดหลานสาวตัวแสบให้รู้สึกถึงอำนาจกันเสียบ้าง

“โถ...ป้า ครั้งก่อนคุณแทนก็ไม่เห็นจับได้นี่นา นี่ถ้าป้าไม่พูดไม่มีใครรู้ แค่นี้คุณแทนก็ไม่รู้แล้ว พริมพาเพื่อนมาแค่คนเดียวเอง พริมเรียนมาเหนื่อยอยากปลดปล่อยบ้างแต่ติดที่ไม่มีเงิน ป้าช่วยหลานแค่นี้ไม่ได้หรือ ถ้าพริมเรียนจบมีงานดีๆทำ พริมจะเลี้ยงดูแลป้าเองนะ เงินเดือนส่วนหนึ่งก็จะแบ่งให้ป้าได้ใช้จ่ายด้วย ตอบแทนที่ป้าดูแลพริมมาอย่างดี” หญิงสาวตัวแสบใช้น้ำเสียงและมารยาออดอ้อน จนคนโมโหเริ่มใจอ่อนลง ถึงแม้ปากร้ายไปบ้างแต่เมื่อโดนคำออดอ้อนจากหลานตัวป่วนคราใด เป็นใจอ่อนยอมแพ้ลงได้เสียทุกที นี่แหละหนาอำนาจของหญิงชราที่แสดงให้หลานสาวเห็น

“ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วนะ ถ้าขืนแกทำแบบนี้บ่อยๆ สักวันคุณแทนจับได้แน่ๆ ฉันไม่อยากซวยเพราะแก”

“สัญญาเลยค่ะ ป้าใครใจดีสุดในโลก” หญิงสาวมิวายปากหวานพูดหยอดทิ้งท้าย ทำเอาหญิงชรายิ้มไม่หุบ ซึ่งคงเป็นเรื่องธรรมดาของหญิงโสดที่ไร้สามีและลูกสืบทอดจะหลงคารมหลานสาวที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ หลังจากเด็กสาวลืมตาดูโลกนั้น เธอก็เปรียบเสมือนโลกทั้งใบของหญิงชรานั่นเอง

อาหารหลายอย่างถูกยกมาจากในครัวด้วยฝีมือช่ำชองของแม่บ้านคนสนิท ม่านฟ้ากวาดสายตามองอาหารบนโต๊ะพร้อมกับอมยิ้มร่า เป็นของโปรดเธอแทบทั้งสิ้นบ่อยครั้งที่เธอเข้ามาร่วมโต๊ะอาหารกับชายหนุ่มเจ้าของบ้าน จนเป็นความเคยชินของแม่บ้านที่รู้ใจหล่อน แทนคุณนั่งพิจารณามองกิริยาของหญิงสาวอย่างเงียบๆ ใบหน้าสวยเข้ารูปนั้นจะงดงามเป็นพิเศษเมื่อเธอถูกใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า แววตาเป็นประกายนั้นดูจริงใจเสมือไม่เคยเปลี่ยน นั่นเป็นสาเหตุให้แทนคุณเปิดรับเธอเข้ามาในชีวิต เขาทั้งคู่พบกันในรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

เดิมทีแทนคุณหันหลังให้กับทุกคนที่เข้ามาหา ปิดกั้นตัวเองจนส่งผลให้ปรับตัวได้ช้าในรั้วมหาวิทยาลัย แต่แล้วชายหนุ่มร่างสูงโปร่งนามว่า “แทนคุณ” ได้โคจรมาพบกับหญิงสาวนิรนามคนหนึ่ง เธอเดินเข้ามาขอไข่เจียวจากจานอาหารของเขาโดยให้เหตุผลว่า “มาไม่ทันมันหมดก่อน” และยอมควักเงินซื้อไข่เจียวจากเขาในราคายี่สิบบาทเป็นประจำทุกวัน เป็นเหตุให้แทนคุณต้องซื้อมาเผื่อเธอเสมอทุกวัน บางวันเผลอนั่งรอ แม้นานแค่ไหนเขาก็ไม่เคยบ่นสักคำ และเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ทำให้แทนคุณจำได้ไม่มีวันลืม มีวันหนึ่งเธอหายและไม่ยอมมาซื้อไข่เจียวของเขา แทนคุณนั่งรอจนหลับไปหลายรอบ ก่อนจะนั่งจ้องไข่เจียวใบนั้นแล้วตัดสินใจนำมันไปเททิ้งในถังขยะ วันนั้นเธอได้หายไปและกลับมาซื้อไข่เจียวของเขาในวันรุ่งขึ้น นั่นเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มยอมเปิดปากพูดกับเธอ

“เมื่อวานคุณหายไปไหน” หญิงสาวแสนใสซื่อในตอนนั้นให้เหตุผลว่า เธอต้องคอยกลับไปดูแลสุนัขที่ถูกรถชนหน้ามหาวิทยาลัยเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน เธอได้พาสุนัขที่บาดเจ็บตัวนั้นไปโรงพยาบาลสัตว์ยอมควักเงินรักษามันอยู่พักหนึ่ง จนหมอให้กลับมาพักฟื้นแต่มันกลายเป็นหมาพิการเดินไปไหนไม่ได้ ที่สำคัญเธอไม่สามารถพามันเข้าบ้านเนื่องจากบิดาของเธอสั่งห้ามเด็ดขาด จึงทำได้เพียงนำมันไปแอบไว้ในที่ปลอดภัยและต้องคอยแวะไปให้อาหารทุกวัน รอจนกว่าจะหาบ้านให้เจ้าสุนัขได้ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เธอมาไม่ทันไข่เจียวในทุกมื้อนั่นเอง และที่หายไปวันนั้นเพราะมีคนใจบุญยินดีรับมันกลับไปแล้ว

แทนคุณนึกย้อนกลับไปในวันนั้นที่ยังคงเป็นนักศึกษา ม่านฟ้าเปลี่ยนเขาให้มองโลกในมุมใหม่ชายหนุ่มเริ่มมีความสุขกับสิ่งรอบๆ ตัว รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอเสมือนยาขนานดีค่อยๆ ให้เขาเริ่มปรับตัวเข้ากับสังคมได้มากขึ้น แม้ปัจจุบันบางครั้งเขาอาจฝืนๆ ไปบ้างแต่ด้วยธุรกิจที่ทำ ชายหนุ่มจึงมิอาจปฏิเสธได้ สายตาคมกริบนั้นยังคงมองหญิงร่างบางด้วยแววตาระคนปนสุขใจไม่ยอมละ ฉับพลันนั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมีเรื่องสัพเพเหระสนทนากันอย่างตั้งใจ ก่อนที่ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดสลัวเป็นการเตือนเวลาให้เธอเดินทางกลับ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งค่อยๆ เปิดประตูรถหรูให้เธออย่างระมัดระวังแต่แอบแฝงไปด้วยความอ่อนโยน

“ขับรถดีๆนะ” แทนคุณกล่าวเสียงเรียบ ก่อนที่หญิงสาวหุ่นคล้ายนางแบบพยักหน้ารับคำ พร้อมโปรยยิ้มมีเสน่ห์ให้

“เอ่อ! แทน ถ้าครั้งนี้ม่านปฏิเสธคุณพ่อไม่ได้ แทนช่วยแกล้งเป็นแฟนม่านได้ไหม” หญิงสาวหันมาย้ำถึงเรื่องที่คุยค้างไว้บนโต๊ะอาหารเมื่อครู่

“นี่ผมฟังผิดไปหรือเปล่า คุณจะให้ผมแกล้งเป็นแฟนคุณจริงๆ หรือ นี่คุณกำลังคิดอะไรม่าน” แทนคุณทำหน้านิ่งอีกทั้งคาดไม่ถึงว่าคนอย่างม่านฟ้าจะมาขอความช่วยเหลือจากเขาด้วยวิธีที่ดูไม่มีแก่นสารเช่นนี้

“ไม่รู้ล่ะ ม่านคิดว่าครั้งนี้คุณพ่อเอาจริง แทนต้องช่วยม่าน” หญิงสาวทิ้งท้ายประโยคก่อนปิดประตูแล้วขับรถออกไป ปล่อยให้คนตัวสูงมองตามจนลับตา พลางถอนหายใจยาวก่อนก้าวเท้าเดินดุ่มๆ เข้าบ้าน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรัก ในกรงแค้น