บทที่ 13 บุกรุกครั้งที่สองโดนจับได้ – ตอนที่ต้องอ่านของ ลิขิตรัก ในกรงแค้น
ตอนนี้ของ ลิขิตรัก ในกรงแค้น โดย ทีปสิขา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 13 บุกรุกครั้งที่สองโดนจับได้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“ป้าไปพักเถอะนะที่เหลือทิชาจัดการให้ พริม! เธอพาป้าไปพักเถอะ ฉันจัดการเสร็จจะตามไป ตอนนี้คุณแทนไม่อยู่ คงไม่มีปัญหาอะไร ฉันจะรีบทำให้เสร็จ”
พริมพยักหน้ารับ นันทิชามองดูเพื่อนรักพยุงร่างหญิงสูงอายุออกไป จึงหันมาสำรวจภายในห้อง บางส่วนถูกทำความสะอาดแล้ว แต่บางส่วนข้าวของยังไม่เป็นระเบียบ เธอใช้เครื่องดูดฝุ่น ดูดมุมนั้นมุมนี้ ตามพื้นที่ที่ยังไม่สะอาดพอ นี่หรือรูปเจ้าของบ้านเธอจ้องมองดูกรอบรูปเล็ก เดาได้ว่าเป็นรูปครอบครัวของเขา เด็กผู้ชายตัวเล็กนั้นคงเป็นชายหนุ่มเจ้าของบ้านเพราะเค้าโครงหน้าแทบจะไม่เปลี่ยนไปจากเดินเท่าไหร่นัก
“นี่คงเป็นพ่อกับแม่เขาสินะ ดูอบอุ่นจัง”
หญิงสาวซาบซึ้งกับภาพครอบครัวที่อยู่ตรงหน้าจึงเผลอยิ้มออกมา และหน้าตาของเด็กน้อยคนนั้นก็ดูน่าเอ็นดูอย่างมาก หญิงสาวค่อยๆ หยิบรูปขึ้นมาเอาผ้าผืนน้อยเช็ดแล้ววางไว้ที่เก่า หยิบไม้ถูพื้นเช็ดทั่วทั้งห้อง เธอพยายามรีบเร่งทำให้เสร็จเพราะในเวลานี้ค่อนข้างดึกมากหากเจ้าของบ้านมาพบเข้าคงเป็นเรื่องใหญ่ หญิงสาวหันไปตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งเมื่อใช้เวลาทำความสะอาดมาพอสมควรแล้ว ก่อนที่จะเตรียมออกจากห้อง
“แกร๊ก” เสียงเปิดประตูห้องทำให้นันทิชาสาวน้อยที่ตัวชุ่มเหงื่อหันไปมอง ประตูค่อยๆ เปิด พบกับร่างชายหนุ่มใส่สูทสีดำ รูปร่างสูงสง่า ผิวพรรณสะอาด และเมื่อสายตาทั้งคู่สบกันชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าดูแปลกใจเล็กน้อย คิ้วสองข้างขมวดติดกัน ก่อนก้าวเท้าเข้ามาภายในห้อง เขามองดูข้าวของภายในห้องอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดกับเธอเป็นคำแรก
“คุณเป็นใคร” แทนคุณเอ่ยถามขึ้น สายตาเขามองเธอไม่ละ แน่นอนว่าแทนคุณเคยพบเธอมาแล้วเมื่อหลายวันก่อน แต่เขาจำเธอไม่ได้ ในชีวิตผู้ชายอย่างเขามีผู้หญิงเข้ามานับไม่ถ้วน ถ้าคิดจริงจังเขาแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยนอนกับใครมาบ้างแล้ว นับประสาอะไรกับเด็กผู้หญิงโทรมๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้น ถ้าเขาจำได้นั่นคงเป็นเรื่องแปลก
“เอ่อ..คือ..” นันทิชาเริ่มตัวสั่นเธอพูดจากระอักกระอวล เหตุเพราะกลัวเขาเอาผิดที่ถือวิสาสะเข้ามาบุกรุกในที่ส่วนตัว แทนคุณมองทบทวนดูสภาพของเธอย้ำแล้วย้ำอีก เขายังคงทำหน้าแปลกใจ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงที่คิดจะจับเขาถึงขนาดหันมาปีนบ้านเข้ามาเสนอตัวให้เขาถึงในห้องแบบนี้เลยเชียวหรือ
“คุณดูสภาพคุณก่อนนะ อย่าคิดอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าผมยกมือถือแจ้งตำรวจ คุณอาจจะหมดอนาคตเลยก็ได้”
ชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งบนเตียงที่ถูกพับไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับสายตาดูหมิ่นเหยียดหยามที่ส่งไปยังนันทิชา หญิงสาวที่ในเวลานี้เหงื่อโทรมไปทั่วกาย ผมเผ้ารุงรัง ตัวสั่นเทาเธอยังไม่อยากหมดอนาคต เพราะเหลืออีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบมีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ บิดาของเธอกำลังจะได้รับอิสรภาพ
ถ้าแทนคุณเอาเรื่องโอกาสที่เธอและบิดาจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาดังที่เคยหวังมาตลอดเกือบทั้งชีวิตอาจจะพังทลายลงทันที แค่คิดน้ำตาก็เริ่มปริ่มไหลออกมา ทั้งชีวิตเธอไม่เคยได้พูดคุยหรือพบหน้ากับคนที่มีเงินมากมายอย่างเขา เธอพึ่งรู้วันนี้ว่าคนแบบเขาช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“เงียบทำไม” แทนคุณพูดเสียงดังขึ้น สายตาที่มองมายังนันทิชาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย เขาเปรียบเสมือนเสือที่กำลังโกรธและพร้อมที่จะเข้าขย้ำเหยื่อได้ทุกเวลา เพราะนอกจากแม่บ้านแล้วยังไม่เคยมีใครได้เข้ามาในห้องส่วนตัวของเขา ซึ่งเป็นสถานที่หวงแหนมากที่สุด ชายหนุ่มลุกขึ้นพลางก้าวเท้าเดินเข้ามาหาหญิงสาว แล้วกระชากตัวเธอออกจากห้องในทันที
“ป้านาป่วยทิชาเลยมาทำความสะอาดแทน นี่ก็เสร็จแล้วทิชาไปก่อนนะคะ”
นันทิชาวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องพักส่วนตัวของป้านาก่อนจะยืนหอบอยู่พักหนึ่ง โดยที่พริมเองไม่ได้สงสัยในกิริยาอาการแปลกนั้นเพราะมัวแต่ห่วงคนที่นอนซมอยู่บนเตียง ไม่กี่นาทีถัดมาร่างของชายหนุ่มเจ้าของบ้านจึงเดินเข้ามาดูอาการแม่บ้านของตนด้วยความเป็นห่วง
“ป้านาไปหาหมอเถอะครับ เดี๋ยวผมพาไป” เจ้าของบ้านพยายามขอร้องเมื่อก้มเอามือแตะหน้าผากของผู้ที่นอนซมอยู่ แล้วสัมผัสถึงอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ
“ป้ากินยาไปแล้วค่ะคุณแทน นอนพักคืนนี้พรุ่งนี้คงดีขึ้น” หญิงชราพูดด้วยเสียงแหบแห้ง ริมฝีปากซีดเซียว เธอยังคงดื้อดึงเช่นเคยเพียงเพราะไม่อยากเป็นภาระใคร ซึ่งเป็นนิสัยที่ติดตัวเธอมานมนาน แทนคุณรู้จักนิสัยเธอเป็นอย่างดีจึงยังไม่อยากขัดใจเธอ
“คุณแทนคะ พริมขอค้างที่นี่หนึ่งคืนเพื่อดูแลป้านาได้ไหมคะ” แทนคุณสังเกตเห็นแววตาที่แสดงถึงความกังวลของหญิงร่างอวบ จึงพยักหน้ารับคำ ก่อนจะยืนมองดูหญิงสาวเช็ดตัวเพื่อบรรเทาอาการให้หญิงชราอยู่ครู่หนึ่ง
“ถ้าป้านาอาการไม่ดีขึ้น ให้บอกแล้วกัน ผมจะพาไปโรงพยาบาลทันที” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบเฉย
“นี่ของเธอใช่ไหม” คราวนี้เขาหันไปหานันทิชา ที่ยืนตัวแข็งไม่ยอมสบตาแล้วยื่นป้ายชื่อพนักงานคืนให้เธอ หญิงร่างบางที่เหงื่อโทรมกายค่อยๆ เอื้อมมือไปรับ เมื่อหมดหน้าที่ของเขาแล้ว ชายหนุ่มจึงหันหลังกลับทันทีเพราะเขาเองก็เหนื่อยล้าจากงานมาทั้งวัน จึงใช้เวลาที่เหลือกลับไปพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้ทำงานในวันรุ่งขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรัก ในกรงแค้น