ลิขิตรัก ในกรงแค้น นิยาย บท 73

นันทิชานั่งมองร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาล สายเครื่องมือแพทย์ระโยงระยางเต็มตัวไปหมด เป็นอาการของผู้ป่วยโคม่า หัวใจทั้งดวงของหญิงสาวกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาไหวระริกมองตามร่างของชายชราด้วยความเจ็บปวด ก่อนจับจ้องไปยังใบหน้าของบิดา พินิจใบหน้าเหี่ยวย่นผู้ซึ่งเสียสละทุกอย่างได้เพื่อครอบครัว ริ้วรอยอันเกิดจากความชราบ่งบอกว่าตลอดช่วงชีวิตของบิดา ไม่เคยได้รับความสุขเหมือนเช่นคนอื่น นันทิชาวาดมือไปจับใบหน้าของนผู้ชายแสนประเสริฐคนนี้ นิ้วเรียวยาวลูบไร้ด้วยความรัก คนที่คอยประคองให้เธอหัดเดินยามเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก คอยตักอาหารป้อนยามหิว คอยเข้ามาปลอบประโลมยามร้องไห้ ให้เธอขี่หลังแล้วพาวิ่งรอบบ้านอย่างมีความสุข หากแต่ ณ นาทีนี้ ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่ได้รับฟังจากปากหมอเจ้าของไข้พึ่งเดินมาบอกให้เธอทำใจ พ่อของเธอจะอยู่กับเธอได้อีกไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมง นั่นเป็นคำพูดที่กระชากกล่องดวงใจของเธอกระเด็นออกไป

“ใครเป็นคนยิงพ่อของทิชา” เสียงสะอื้นร่ำไห้ถาม ดวงตาแห่งความอบอุ่นที่เคยเฝ้ามองเธอจะไม่มีอีกแล้ว มันยากเหลือเกิน ยากเกินกว่าจะทำใจยอมรับ

“พ่อได้โปรดอย่าทิ้งทิชาไป ทิชาไม่เหลือใครแล้ว ทิชามีพ่อคนเดียวนะคะ พ่อจ๋ากลับมาหาทิชาเถอะนะคะ” นันทิชาโอบกอดบิดาที่นอนแน่นิ่งไม่ตอบสนองใดๆ ร่ำไห้ปานขาดใจ น้ำตาไหลเป็นทางอาบแก้ม หยดลงบนตัวของผู้ไม่ได้สติหยดแล้วหยดเล่า ความปวดร้าวที่เธอกำลังเผชิญเจ็บปวดจนคนตัวเล็กเกินจะรับมือไหว เหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน มือเรียวเล็กกุมมือพ่อไว้ ได้แต่ภาวนาขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง

“พ่อขา ได้โปรด พ่อลืมตาหาทิชาหน่อยสิคะ ทิชามีเรื่องจะคุยกับพ่อเยอะแยะเลย อีกไม่นานทิชาก็จะเรียนจบแล้ว ทิชาจะมีเงินเยอะๆ พ่อจะได้ไม่ลำบากไงคะ ทิชาอยากอยู่กับพ่อนะคะ” เสียงสะอื้นวิงวอนเรียกของเธอ ไม่ได้ทำให้ชายชรารู้สึกตัวแต่อย่างใด เพียงแค่ร่างขยับไปตามแรงกอดของเด็กสาว เกือบยี่สิบปีที่เธอเฝ้ารอคอยหวังว่าสักวัน เธอจะดูแลครอบครัวได้อย่างมีความสุข อดทนพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะส่งเสียตัวเองเรียนสูงๆ บิดาคือความหวังเดียวในชีวิต กำลังใจทั้งหมดมาจากต้นไทรใหญ่ที่คอยสั่งสอน คอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจให้มีแรงต่อสู้กับโชคชะตา เสียงสัญญาณชีพจรหัวใจหยุดเต้นดังขึ้นไม่หยุด ชุดหมอและพยาบาลวิ่งกรูกันเข้ามา หนึ่งในนั้นพาเธอออกมาจากเตียงคนไข้ นันทิชายืนตัวชาอยู่หน้าห้องนั้น สายตาดูเลื่อนลอยในหัวไร้ความคิดใดๆ มันว่างเปล่า ก่อนจะล้มทั้งยืน ไม่มีปาฏิหาริย์สำหรับเธอ

“นันทิชา นันทิชา” เสียงเรียกเบาๆ ข้างหู ทำให้หญิงสาวมีสติลืมตาขึ้นมา พบตนเองนอนอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาลเดิม ข้างๆ คือแทนคุณผู้เป็นเจ้าของเสียงเรียกแสนอบอุ่นนั้น ดวงตาคมมองเธอด้วยความห่วงใย พลางกุมมือหญิงสาวไว้อย่างแนบแน่น

“คุณแทน” เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงสั่นเครือ ลุกขึ้นนั่งถลาตัวเข้ากอดแทนคุณอย่างไม่รีรอ น้ำตาที่พึ่งแห้งไปกลับเริ่มไหลเอ่อท่วมขึ้นมาอีกครั้ง แทนคุณโอบกอดหญิงสาวในเวลานี้แทบไม่เป็นผู้เป็นคน ชายหนุ่มก้มมองคนตัวเล็กที่กำลังปล่อยโฮออกมาอย่างคนไร้สติ ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกผิดที่มัวใจแข็ง ทำให้หญิงสาวต้องเผชิญการสูญเสียเพียงลำพังเช่นนี้ เสียงร้องไห้ของเธอบีบคั้นหัวใจจนรู้สึกเจ็บแปลบ อยากจะเปลี่ยนใจให้ชายชราฟื้นคืนสติ มือหนาค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาลูบปลอบ ในห้องเงียบสนิทมีเพียงเสียงสะอื้นไห้ปานขาดใจ ของหญิงสาวที่ปลดปล่อยออกมา

“พ่อจากทิชาไปแล้วใช่ไหมคะ” หญิงสาวเงยหน้าถามเขา ทั้งที่รู้ความจริงอยู่เต็มอก หากแต่แววตาระริกนั้นไม่อยากยอมรับความจริง แทนคุณสบตาสายตาหญิงสาวเพียงครู่เดียว ก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ พลางยกมือหนาขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้อย่างระวัง พลันดึงตัวของเธอเข้ามาสวมกอดอย่างแนบแน่น สองมือหนายกขึ้นลูบศีรษะขึ้นลงไปมา เขาเห็นทุกคราบน้ำตาที่ไหลเปรอะทั่วใบหน้า แสดงให้เห็นถึงความทุกข์ระทมสุดคณานับ

“ต่อไปนี้ทิชาไม่มีใครแล้วค่ะ วันรับปริญญาไม่มีความหมายแล้วค่ะ” หญิงสาวพรรณนาถึงความเจ็บปวดที่ตนกำลังได้รับภายใต้อ้อมแขนหนา ความหวังทั้งหมดที่มีพังทลายลง ไม่เหลือร่มไทรให้ได้พักอีกแล้ว ไม่มีจุดหมายที่จะเดินต่อ ชีวิตนับจากนี้มืดสนิท...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรัก ในกรงแค้น