“น้าสะใภ้เล็กค่ะ น้าโกรธเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างระมัดระวัง
ที่ผ่านมาเธอไม่เคยพูดแบบนี้กับตัวเองมาก่อนเลย แต่จากคำพูดเมื่อกี้ สามารถรับรู้ได้เลยว่าเธอไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“ฉันไม่ได้โกรธ” ซ่างหยิงส่ายหน้า
เธอแค่ไม่ชอบใจเหลียงซินเวยที่ปากมากเอาแต่อธิบายแทนเจียงสื้อสื้อเท่านั้น
ใครบ้างไม่รู้ว่าที่สื้อสื้อหลงกลเพราะความเป็นห่วงจนไม่ทันได้คิด ยังต้องให้เธอมาพูดมากอีกเหรอ?
คนอื่นได้ยินเข้า ก็อาจจะคิดว่าคนที่เป็นน้าสะใภ้เล็กอย่างเธอทำตัวไร้เหตุผลใส่หลานสาวก็ได้
“หนูต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้พวกน้าต้องเป็นห่วง” เจียงสื้อสื้อมองพวกเขาด้วยความรู้สึกผิด
ฟางยู่เชินหัวเราะออกมาเบาๆ “เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ต่อไปก็มีสติหน่อยแล้วกัน”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกว่าครั้งนี้ตัวเองนั้นทำตัวโง่มาก ที่ถูกสายจากใครก็ไม่รู้โทรมาหลอกเอาซะได้ แถมยังเกือบถูกรถชนอีก
ถึงแม้สุดท้ายจะแค่กระดูกแขนเคลื่อน แต่มาคิดดูแล้วมันก็น่ากลัวมากเหมือนกัน
“พี่สื้อสื้อคะ พี่ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ ถ้ามีเวลาเดี๋ยวฉันไปเยี่ยม” เหลียงซินเวยพูดขึ้น
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “จ้ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” เหลียงซินเวยรู้สึกว่าการที่คนนอกอย่างเธอมาอยู่ตรงนี้มันดูไม่ค่อยจะเหมาะสักเท่าไหร่
“เดี๋ยวผมไปส่งครับ” ฟางยู่เชินพูดออกมาโดยอัตโนมัติ
พอซ่างหยิงได้ยิน คิ้วก็ขมวดเป็นปมทันที “แกจะไปส่งได้ยังไง แกยังต้องส่งพวกเรากลับบ้านอีกนะ”
เหลียงซินเวยมองซ่างหยิงที่แสดงออกอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฟางคะ ต้องขอบคุณมากเลยนะคะ เดี๋ยวเราโบกรถกลับเองก็ได้ค่ะ”
“แม่ครับ เดี๋ยวคุณฝู้จะส่งพวกแม่กลับไปเอง” ฟางยู่เชินไม่สนใจการขัดขวางของคนเป็นแม่เลย เขาหันไปพูดกับเหลียงซินเวยว่า “เดี๋ยวผมจะส่งพวกคุณกลับไปเองครับ”
“เวยเวย ให้พี่ชายฉันไปส่งเถอะนะ”
พอเจียงสื้อสื้อพูดจบ ซ่างหยิงก็หันไปถลึงตาใส่ “เด็กคนนี้นี่……”
“น้าสะใภ้เล็กคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังมีพี่ฝู้อยู่อีกทั้งคน” เจียงสื้อสื้อพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม โดยแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อ
หลังจากที่พวกฟางยู่เชินกับเหลียงซินเวยออกไปแล้ว เจียงสื้อสื้อถึงได้ถามสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจออกมาว่า “น้าสะใภ้เล็กคะ ทำไมหนูถึงรู้สึกว่าน้าไม่ชอบเวยเวยเอามากๆ เลยคะ?”
ก่อนหน้านี้เธอยังดูกระตือรือร้นเรื่องเวยเวยมาก แสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากได้เธอมาเป็นลูกสาวของตัวเองอยู่เลย แต่จู่ๆ ทำไมวันนี้การแสดงถึงได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแบบนี้?
“ฉันไม่ได้ไม่ชอบเธอ” ซ่างหยิงปฏิเสธ
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “น้าสะใภ้เล็กคะ แต่การแสดงออกของน้าเมื่อกี้ มันบ่งบอกชัดเจนว่าน้าไม่ชอบเวยเวยเอามากๆ”
เธอคิดว่าเธอไม่น่าจะมองผิดไปนะ
ซ่างหยิงจ้องเขม็งมาที่เธออยู่พักใหญ่ จากนั้นค่อยถอนหายใจออกมา “ฉันไม่ได้ไม่ชอบเธอ ฉันแค่ไม่ชอบที่เธอเข้าใกล้พี่ชายของหนูมากเกินไป”
“สรุปคือน้ากลัวเธอจะชอบพี่ชาย หรือกลัวพี่ชายจะชอบเธอกันแน่คะ?”
“ทั้งสองอย่าง” ซ่างหยิงคิ้วขมวดเป็นปม “พี่ชายของเธอกำลังจะหมั้นกับเสี่ยวอี้แล้ว ก็ควรที่จะรักษาระยะห่างกับผู้หญิงคนอื่นเอาไว้ แต่เขากลับเสนอตัวออกมาเองว่าจะส่งเธอกลับบ้าน นี่มันต้องมีใจแล้วแน่ๆ”
เจียงสื้อสื้อหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ “น้าสะใภ้เล็กคะ นี่น้าคิดมากไปรึเปล่าคะ ฉันเคยถามพี่ชายมาแล้ว พี่เขาไม่ได้ชอบเวยเวยเลยค่ะ”
“เขาบอกว่าไม่ชอบก็แสดงว่าไม่ชอบแล้วอย่างนั้นเหรอ?” ซ่างหยิงไม่ยอมเชื่อ “ฉันเป็นแม่ของเขา รู้จักเขาดีที่สุด ถ้าเขาไม่ได้สนใจในตัวผู้หญิงคนนั้น แล้วเขาจะเสนอตัวที่จะไปส่งเธอกลับบ้านได้ยังไง?”
“โอเคคะ น้าว่ายังไงก็ว่าตามนั้น” เจียงสื้อสื้อตัดสินใจไม่เถียงเรื่องนี้กับเธอแล้ว
ซ่างหยิงยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง “ไม่ได้ ฉันจะรีบโทรหาเขา บอกให้เขารีบกลับมาเดี๋ยวนี้”
มองดูเธอที่เดินดุ่มๆ ออกไปโทรศัพท์ เจียงสื้อสื้อก็ส่ายหน้าด้วยดวามจนใจ “น้าสะใภ้เล็กของฉันนี้นี่ช่างจินตนาการเก่งจริงๆ”
ฝู้จิงเหวินยิ้มขึ้นที่มุมปากเล็กน้อย “เธอทำไปก็เพราะเป็นห่วงพี่ชายของคุณนะครับ”
“ฉันคิดว่า พี่ชายไม่ต้องการความห่วงใยแบบนี้หรอกค่ะ” เจียงสื้อสื้อยักๆ ไหล่ เธอไม่เห็นด้วยกับการกระทำของน้าสะใภ้เล็กเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!